ตอนที่ 266 แยกนางออกจากเขา

“องค์ชายสามเคยมีความสัมพันธที่ดีกับพี่สาวคนที่สองของข้า และมักจะมาที่จวนอัครเสนาบดีอยู่บ่อยครั้ง เวลานั้นข้าอายุเพียงแค่เจ็ดขวบ เขาอายุเก้าขวบ ข้าในตอนนั้นไม่สามารถวาดรูปได้จึงถูกอาจารย์ดุอยู่หลายครั้ง เขาทนไม่ไหวสุดท้ายจึงสอนข้าวาดรูป แต่ข้าไม่ค่อยรู้ความตั้งแต่กำเนิดจึงเรียนได้เพียงสามส่วนจากเขาเท่านั้น”

ในขณะที่พูดก็ขอให้คนใช้นำภาพวาดที่เพิ่งวาดออกมา ภาพวาดรูปนี้เห็นได้ชัดว่าทักษะลายเส้นของมันค่อนข้างเหมือนกับฉีเฉิงเฟิง ซูหวานหว่านจึงเชื่อคำพูดของนางไปแล้วครึ่งหนึ่ง “คุณหนูสาม เรื่องมันยาวดังนั้นเอ่ยสั้น ๆ เถิด ว่าเรื่องมันเกิดอย่างไร และจบลงอย่างไร”

“เฮ้อ” สือฉินเอ๋อร์ถอนหายใจออกมา สายตาของนางเหม่อลอยออกไปไกล ราวกับภาพตรงหน้าทำให้นางเจ็บปวด “เมื่อสามปีที่แล้ว ได้มีราชโองการว่าบุคคลที่องค์ชายต้องการแต่งงานด้วยคือข้า แต่ให้ข้าแต่งเข้าไปในฐานะนางสนม ทุกอย่างมันจึงตกลงบนบ่าของข้ากับพี่สาว องค์ชายสามรับปากว่าจะรับข้าในฐานะนางสนม แม้กระทั่ง…ค่ำคืนอันหนาวเหน็บก็ยังนัดให้ข้าออกไป และแย่งชิงร่างกายของข้าไป แต่ทว่า…เขากลับไม่รักษาคำพูดและปฏิบัติต่อข้าอย่างเฉยเมย! หลังจากนั้นก็ไม่เคยมาที่จวนอัครเสนาบดีอีกเลย และยังหนีไปในวันแต่งงานของพี่สาวของข้า! พี่สาวของข้าบอกว่า องค์ชายสาม…ก็บอกกับนางเช่นเดียวกับที่บอกกับข้า! และทำแบบเดียวกัน!”

“…”

ซูหวานหว่านตกตะลึง หากฉีเฉิงเฟิงจะหลงใหลในร่างกายของหญิงสาวถึงเพียงนี้ เหตุใดเขาถึงปล่อยให้นางหลุดรอดเงื้อมมือของเขามาจนถึงทุกวันนี้? ความเชื่อมั่นในตัวสือฉินเอ๋อร์ลดลงไปจุดหนึ่ง ทันใดนั้นมือของนางก็เย็นลง เมื่อซูหวานหว่านก้มมองก็คาดไม่ถึงว่าสือฉินเอ๋อร์กำลังกุมมือของนางเอาไว้ และพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “พี่หวานหว่าน เจ้าไม่เชื่อคำพูดของข้างั้นหรือ?”

ซูหวานหว่านเหลือบสายตามองก็พบความขุ่นมัวในแววตาของนาง “พี่หวานหว่าน เจ้าไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร อย่างไรเสียองค์ชายก็เต็มไปด้วยอำนาจและอิทธิพล อีกทั้งการกระทำอันแสนหอมหวานที่เขาทำกับเจ้าในอดีตอาจทำให้เจ้าปิดตาข้างหนึ่งก็ได้ สิ่งที่ข้าพูดวันนี้เจ้าก็ทำเป็นไม่ได้ยินเสียแล้วกัน ที่ข้าพูดสิ่งเหล่านี้ออกไปก็เพื่อให้เจ้าคิดได้ในอนาคต”

เมื่อได้ยินดังนี้ หัวใจของซูหวานหว่านก็รูู้สึกอบอุ่นขึ้นมา และทำให้นางเกือบจะเชื่อไปแล้วทั้งหมด ท่าทางของสือฉินเอ๋อร์ดูเป็นมิตรขึ้นเรื่อย ๆ หญิงสาวจึงกุมมือของนางเอาไว้และเอ่ยปลอบใจ “น้องฉินเอ๋อร์ ข้ารู้ว่าเจ้าทำเพื่อข้า จะมีสตรีคนใดเล่าหวังให้ตนเองได้แต่งงานกับชายชั่ว? ข้าจะกลับไปบอกให้ท่านแม่ตัดสินใจแทนข้า รีบหาสามีที่ดี และหลีกหนีความวุ่นวายจากชายใจร้ายคนนั้น!”

โดยไม่ทันระวังนิ้วชี้และนิ้วกลางของนางก็สัมผัสลงบริเวณจุดชีพจรของอีกฝ่าย และนั่นทำให้ซูหวานหว่านตกใจมาก เมื่อตรวจชีพจรและลักษณะเฉพาะแล้ว ก็พบว่าสือฉินเอ๋อร์ยังคงเป็นสาวพรหมจารี!

ดังนั้นสือฉินเอ๋อร์กำลังโกหกนางอย่างงั้นหรือ? คิ้วเรียงตัวสวยของซูหวานหว่านขมวดเข้าหากันแน่น ทันใดนั้นก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา และรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันว่างเปล่าไปหมด สือฉินเอ๋อร์ลากซูหวานหว่านไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง “พี่สาว เจ้าเป็นอะไรไป? ข้าพาเจ้าไปสูดอากาศดีหรือไม่?”

ในขณะที่เดินอยู่นั้นซูหวานหว่านก็รู้สึกปวดหัวจนต้องหลับตาลง และไม่ได้สังเกตว่าหินหยกสะกดวิญญาณปรากฏขึ้นบริเวณหน้าอกของนาง และส่องแสงสีเขียวออกมา

ในเวลาเพียงชั่วพริบตา อาการปวดหัวของซูหวานหว่านก็ได้หายไป และรู้สึกโล่งสบายเป็นอย่างมาก ทันใดนั้นก็พบว่ามือของตนเองดูกอบกุมเอาไว้อย่างแรง “คุณหนูใหญ่จ้าว! เจ้ากำลังทำอะไรน่ะ! อย่าเดินไปทางทะเลสาบ! น้ำแข็งนั่นมันเปราะบางมาก! หากตกลงไปจะทำอย่างไร!”

นี่ไม่ใช่เหตุการณ์นางร้ายในละครแย่งชิงกันในวังกำลังโจมตีนางเอกใช่หรือไม่? ซูหวานหว่านลืมตาขึ้นทันใด และนางก็พบว่าสือฉินเอ๋อร์กำลังลากนางไปทางทะเลสาบและกำลังมองไปรอบ ๆ เมื่อไม่พบเจอผู้ใดก็ออกแรงมากขึ้น โดยไม่ทันได้สังเกตงว่าซูหวานหว่านกำลังมองนางอยู่ อีกฝ่ายออกแรงผลักและเอ่ยขึ้นมาว่า “คุณหนูใหญ่จ้าว! เจ้าอย่าลงไป! ไม่นะ เหตุใดแรงของเจ้าถึงเยอะเพียงนี้! ข้าจะห้ามเจ้าไม่ไหวแล้วนะ!”

เมื่อได้สติ ร่างของซูหวานหว่านก็ถูกสือฉินเอ๋อร์ผลักลงไปในทะเลสาบแล้ว! ในตอนที่ร่างกายกำลังร่วงลงไป หญิงสาวก็เข้าใจได้ทันทีว่าคนที่มีอำนาจที่สุดในจวนอัครเสนาดีนั่นไม่ใช่สือเป้ยเอ๋อร์ หากแต่เป็นสือฉินเอ๋อร์!

มองดูแล้วสือฉินเอ๋อร์ต่างหากที่เป็นสตรีภายนอกดูใสซื่อบริสุทธิ์ แต่ภายในคิดไม่ซื่อ!

สือฉินเอ๋อร์มองไปทางทะเลสาบครู่หนึ่งก่อนจะกรีดร้องออกมาเสียงดัง “ช่วยด้วย! คุณหนูใหญ่จ้าวตกน้ำ!”

ไม่ทันได้คาดคิด เสียงสิ่งของกระทบพื้นดังขึ้น สือฉินเอ๋อร์รีบหันไปมองด้วยความตกใจ ซูหวานหว่านกำลังนอนอยูู่ในทะเลสาบ!

พื้นผิวของทะเลสาบนั้นเป็นเพียงชั้นน้ำแข็งบาง ๆ หากโยนก้อนหินเล็ก ๆ ลงไปก็สามารถทำให้น้ำแข็งนั้นแตกได้ แต่ทำไมซูหวานหว่านถึงยังไม่ตกลงไป!

“เจ้า…” เมื่อเห็นฉากที่น่าตกใจเช่นนี้ สือฉินเอ๋อร์ก็รู้สึกว่าลิ้นของตนเองแข็งไปหมด

“คุณหนูสาม แสดงพอหรือยัง? อยากจะลงมาเล่นด้วยกันหรือไม่” ซูหวานหว่านเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม รอยยิ้มของนางทำให้สือฉินเอ๋อร์ก้าวถอยหลัง กำลังคิดหาทางหนีทีไล่ก็พบว่าตนเองไม่สามารถขยับร่างกายได้!

“เจ้า…เจ้าคิดจะทำสิ่งใดกัน!” สือฉินเอ๋อร์รู้สึกหวาดวิตกขึ้นมา สายตาของนางเหลือบไปเห็นว่ามีคนกำลังวิ่งมา และเห็นว่าซูหวานหว่านกำลังร้องไห้ ท่าทางของนางช่างดูน่าสงสารยิ่งนัก “คุณหนูใหญ่จ้าว เจ้าคิดจะใช้มนต์ดำอะไรทำให้ข้ายอมแพ้หรือ ผู้คนต่างกำลังมาที่นี่ เจ้าไม่สามารถทำสิ่งแปลกประหลาดได้ ไม่อย่างนั้น…”

“ไม่อย่างนั้นอะไรรึ?” ซูหวานหว่านถามด้วยรอยยิ้ม “เจ้าคิดว่าข้าจะกลัวงั้นเหรอ?”

กล่าวจบซูหวานหว่านก็ค่อย ๆ ขยับเส้นไหมที่มีลักษณะคล้ายปีกจักจั่นในมือของนางเบา ๆ ไปยังบริเวณเอวของสือฉินเอ๋อร์ และซูหวานหว่านก็ดึงอีกฝ่ายลงมายังบริเวณริมทะเลสาบได้อย่างง่ายดาย

แววตาของสือฉินเอ๋อร์เต็มไปด้วยความตื่นตกใจ ดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาของนางเบิกกว้างจ้องมองซูหวานหว่าน ในตอนนั้นเองที่หัวใจของซูหวานหว่านพลันอ่อนลง!

“คุณหนูใหญ่จ้าว เมื่อครู่ข้าไม่ได้เป็นคนผลักเจ้าลงไปจริง ๆ นะ เจ้าเป็นคนที่อยากลงไปเอง เป็นข้าต่างหากที่ดึงเจ้าเอาไว้! เจ้าทำแบบนี้กับข้ามันไม่ใช่สิ่งที่ดีเลยนะ” สือฉินเอ๋อร์พูดอย่างอ่อนโยน ใบหน้าของนางงดงามดุจกลีบบัวต้องน้ำค้าง ละเอียดอ่อนและงดงาม

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดซูหวานหวานถึงคิดว่าตนเองกำลังทำผิด! ในตอนที่กำลังจะตัดเชือกจู่ ๆ หน้าอกของนางก็รู้สึกแสบร้อน หยกสะกดวิญญาณแสบร้อนขึ้นมา มันลอยออกจากร่างกายของซูหวานหว่านและลอยไปกระแทกร่างสือฉินเอ๋อร์!

ซูหวานหว่านคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นั้นเป็นเพียงภาพลวงตา หญิงสาวขยี้ตาของตนเองหลายครั้ง ในตอนที่นางลืมตาขึ้นมองภาพตรงหน้า ใบหน้าของนางพลันซีดเผือด ถึงแม้อีกฝ่ายจะแต่งหน้าแต่ก็ไม่สามารถปกปิดสีผิวเหลืองได้ ดวงตาลึกโปน แววตาดูไร้วิญญาณนิ่งสงบเหมือนน้ำ น่าหวาดกลัวยิ่งนัก!

เมื่อเห็นสือฉินเอ๋อร์ ซูหวานหว่านก็อดสงสัยไม่ได้ว่ามนต์ใดที่นางกำลังฝึกฝน ดังนั้นนางจึงถามจิตวิญญาณในมิติฟาร์ม แต่ก็มีเพียงแต่เสียงหนึ่งตอบกลับมาว่า “เสียงจิตวิญญาณพักผ่อนไปแล้ว ไว้ค่อยถามคราวหน้า”

พักผ่อน? ซูหวานหว่านถอนหายใจด้วยความโกรธ

“สิ่งนี้คืออะไร?” สือฉินเอ๋อร์หยิบมันขึ้นมา ทันใดนั้นหยกกสะกดวิญญาณก็ลอยไปตรงหน้าของซูหวานหว่าน หากแต่ไม่ได้ฝังเข้าไปในร่างกายของนาง!

สือฉินเอ๋อร์เดินไปทางทะเลสาบเพื่อมองดูมัน แต่ทันใดนั้นก็พบว่าใบหน้าของตัวเองแปรเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดจึงรีบกุมใบหน้าของตนเองและพูดว่า “ไม่ เป็นไปไม่ได้!”

ซูหวานหว่านครุ่นคิดเกี่ยวกับมัน และคว้าร่างสือฉินเอ๋อร์ที่ไม่สามารถคุมสติตัวเองได้เอาไว้ หญิงสาวดึงมือที่กุมใบหน้าของนางลงแล้วพูดว่า “ข้าจะบอกเจ้าให้ เหตุใดอยากแยกข้าออกจากฉีเฉิงเฟิงด้วย ทำไมถึงตั้งใจผลักข้าลงน้ำ…เจ้าฝึกวิชามนต์ดำอันใด!”