พิธีจบแล้ว แต่งานเลี้ยงฉลองที่โรงแรมจะมีแขกสำคัญมาเยอะแยะจะทำไง?
อวี๋หมิงหลางวางสาย ไม่มีใครมองออกว่าเวลานี้เขารู้สึกอย่างไร ใบหน้าเคร่งขรึมของเขาที่มองเสี่ยวเชี่ยนเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“ลูกเชี่ยน ผม—”
“ไปเถอะ”
ไปเถอะ
คำนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงความใจกว้างของเธอ และก็ทำให้เขายิ่งสับสนหนัก เขาเป็นผู้ชายที่ขนาดคนอื่นจะมาอุ้มเธอเขายังกลัวทำหล่น แทบอยากจะเอาเธอมาฟูมฟักไว้ในมือปกป้องเธอตลอดไป
แต่กลับนึกไม่ถึงว่า ในวันที่สำคัญแบบนี้ สุดท้ายก็ยังจะมีเรื่องที่ต้องทำผิดต่อเธอ!
ด้านหนึ่งก็หน้าที่ อีกด้านก็คนรัก เขาควรทำไงดี?
ดูเหมือนจะไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว อวี๋หมิงหลางที่ไม่อยากทำลายบรรยากาศมงคล แต่สุดท้ายเขาก็ต้องสร้างความผิดหวังอันใหญ่หลวง
เดิมเสี่ยวเชี่ยนคิดว่าเขาจะเปิดผ้าคลุมดูหน้าเธอก่อนแล้วค่อยไป
แต่รออยู่สักพักก็รู้สึกริมฝีปากถูกแตะ เขากระซิบขอโทษเธอข้างหู จากนั้นกลิ่นอายของตัวเขาก็ค่อยๆจางหายไป
จูบที่มีผ้าคลุมหน้ากั้นหมายความว่าไง…
เสี่ยวเชี่ยนเอามือแตะริมฝีปาก เหมือนสัมผัสได้ถึงความรู้สึกผิดของผู้ชายคนหนึ่งที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกว่าตัวเองควรโมโห โมโหโชคชะตาที่เฮงซวยนี่
แต่ทำไมหลังจากที่สัมผัสได้ถึงความรู้สึกผิดของเขา ในใจกลับโกรธเขาไม่ลง?
เจ้าบ่าวทิ้งเจ้าสาวไว้ ออกไปทั้งๆที่ยังไม่ได้เปลี่ยนชุด
เจ้าสาวยังอยู่ที่เดิมในสภาพมีผ้าคลุมหน้า แต่ทุกคนในห้องต่างคิดกันไปแล้วว่าเสี่ยวเชี่ยนจะต้องมีสีหน้าเสียใจเป็นอย่างมาก
แม่อวี๋พอเห็นดังนั้นก็หันไปหาเจี่ยซิ่วฟางโดยอัตโนมัติ เจี่ยซิ่วฟางโกรธจนหน้าเขียว
ลูกสาวถูกทำแบบนี้ในงานแต่งใครจะรับได้?
คนอื่นๆมองหน้ากัน ไม่รู้ควรจัดการเรื่องนี้อย่างไรดี
“แม่ อาเลี่ยว พี่ฟู่กุ้ย ต้าหลง เข้าไปในห้องกับหนู” น้ำเสียงราบเรียบของเสี่ยวเชี่ยนดังลอดออกมาจากผ้าคลุมหน้า
ทางด้านตระกูลอวี๋มีคนอดคิดไม่ได้ว่าการที่เจ้าสาวทำแบบนี้หรือคิดจะรวมพลคนในบ้านมาเอาคืน?
คล้ายกับเดาความคิดของทุกคนออก เสี่ยวเชี่ยนเปิดผ้าคลุมหน้าขึ้นแล้วพูดกับแม่อวี๋อย่างมีมารยาท
“แม่คะ หนูไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ”
แม่อวี๋เองก็รู้สึกผิดต่อเสี่ยวเชี่ยน แต่อยู่ต่อหน้าคนมากมายก็พูดออกไปไม่ได้ ทำได้แค่ส่งสายตาขอโทษเสี่ยวเชี่ยน จากนั้นก็หันไปส่งซิกกับลูกชายให้ช่วยกันเชิญบรรดาญาติๆออกไป
เสี่ยวเชี่ยนพาครอบครัวตัวเองเข้าไปในห้อง ปิดประตู ตอนนี้มีแค่คนในบ้านเธอเท่านั้น
คนของตระกูลอวี๋พากันออกไปจากที่นั่น เสี่ยวเชี่ยนพาครอบครัวเข้าไปในห้องแล้ว ตอนนี้ตรงโถงจัดงานเหลือเพียงแค่แก๊งค์เพื่อนของเสี่ยวเชี่ยนโดยมีสืออวี้เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลัก ทุกคนต่างไม่พูดอะไร ไม่มีใครกล้าพูด
เดิมทุกคนกำลังรอที่จะไถซองแดงจากเสี่ยวเฉียง แต่ใครจะไปคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ประธานเชี่ยนคงต้องเสียใจมากแน่นอน
เหตุการณืที่เกิดขึ้นเมื่อครู่กะทันหันมาก ไม่มีใครตั้งตัวทัน
“สืออวี้ ตอนนี้ทำไงดี?” ฉิวฉิวถามสืออวี้ เนื่องจากต้าอีกับสุ่ยเซียนตั้งท้องอยู่จึงไม่ได้มาร่วมงานที่บ้านใหม่เพราะถือเรื่องนี้ ดังนั้นตอนนี้จึงเหลือแค่สืออวี้กับฉิวฉิวที่สนิทกับเสี่ยวเชี่ยนที่สุด
สืออวี้เองก็ปวดหัว ทุกคนต่างตั้งใจมาแสดงความยินดี ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
ยังไงเธอก็เป็นคนที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกับประธานเชี่ยนมาก่อน รู้ว่าความคิดของประธานเชี่ยนไม่เหมือนคนทั่วไป นี่ถ้าเป็นสืออวี้เมื่อหลายปีก่อนคงพาเพื่อนไปอาละวาดกับตระกูลอวี๋แล้ว แต่เธอในเวลานี้ผ่านการขัดเกลาจากประธานเชี่ยนมาหลายครั้ง ลอกคราบกลายเป็นคนใหม่รู้ว่าห้ามสร้างความยุ่งยากให้เพื่อนเพิ่ม
สุ่ยเซียนกับต้าอีก็ไม่อยู่ งั้นตอนนี้สืออวี้ก็เป็นตัวแทนของแก๊งค์ประธานเชี่ยน เธอต้องออกหน้ารับมือแทนเพื่อน
สืออวี้หลับตาใช้ความคิดอยู่สักพัก เธอกำลังเดาความคิดของประธานเชี่ยน ประธานเชี่ยนเป็นผู้หญิงที่พอออกโรงปุ๊บทีเดียวรู้เรื่อง แต่กลับไม่ทำอะไรต่อหน้าคนมากมายแบบนั้น ก็แสดงว่าเธอเห็นแก่ส่วนรวม
สืออวี้ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีก็จัดการแสดงเป็นองครักษ์พิทักษ์องค์หญิง พอลืมตาขึ้นเธอก็ทำหน้าระรื่น ยิ้มแย้มเรียกเพื่อนๆมารวม
“ทำอะไรกันน่ะ? ทำหน้าเศร้าทำไม มานี่ ยิ้มแย้มหน่อย วันมงคลพวกเราต้องมาถ่ายรูปรวมกันหน่อยสิ ช่างกล้องล่ะ? ถ่ายสวยๆนะคะ!” สืออวี้กวักมือเรียกช่างกล้อง
“ถ่ายรูปรวมให้พวกเราก่อน รอประธานเชี่ยนเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จพวกเราค่อยถ่ายกับเจ้าสาวอีกที!”
แม่อวี๋ส่งแขกเสร็จกลับเข้ามา พอได้ยินสืออวี้พูดแบบนั้นก็แอบชื่นชมอยู่ในใจ
คนแบบไหนก็คบเพื่อนแบบนั้น เพื่อนของลูกสะใภ้รู้การรู้งานขนาดนี้ เธอเลือกลูกสะใภ้ไม่ผิดจริงๆ แต่ลูกชาย…เห้อ!
“คุณป้ามาถ่ายกับพวกเราสักรูปได้ไหมคะ? วันนี้คุณป้าแต่งตัวสวยมากเลยค่ะ ยืนกับพวกเราเหมือนเป็นพี่สาวเลยค่ะ!” สืออวี้เรียกแม่อวี๋ด้วยท่าทางกระตือรือร้น แม่อวี๋เองก็ยิ้มแย้มเข้าไปร่วมเฟรมด้วย แต่ใจกลับกังวลครอบครัวเสี่ยวเชี่ยนที่อยู่ในห้อง หวังว่าลูกสะใภ้จะไม่โมโห ให้อภัยลูกชายเธอ แต่เธอก็รู้สึกแย่กับเรื่องนี้มาก ทำไงดีล่ะเนี่ย เห้อ!
ภายในห้อง ต้าหลงสีหน้าบึ้งตึง ตระกูลอวี๋เห็นพวกเขาไม่มีทางสู้หรือไง? ต้าหลงหันตัวจะเดินออกจากห้อง
“หยุดนะ”
เสี่ยวเชี่ยนเห็นน้องชายที่ฮอร์โมนพลุ่งพล่านจะออกไปจึงเรียกไว้
“พี่! ขนาดนี้แล้วพี่ยังจะอยู่อีกเหรอ กลับบ้าน ไม่ต้องแต่งแล้ว!”
ถึงต้าหลงจะเป็นวัยรุ่นที่ยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่ดี แต่เขาก็รู้ว่าวันนี้เป็นวันมงคลงานใหญ่ในชีวิตของพี่สาว
คนของตระกูลอวี๋มาทิ้งพี่สาวเขาไปกลางคันแบบนี้ พี่สาวแสนเก่งของเขาทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย?
เป็นทหารแล้วไง ตระกูลใหญ่โตแล้วไง มันไม่ใช่เหตุผลที่จะมารังแกพี่สาวเขาได้!
“ปล่อยน้องแกออกไป!” คนพูดคือเจี่ยซิ่วฟางที่กำลังเช็ดน้ำตา ถ้าเธอรู้ว่าตระกูลอวี๋จะทำแบบนี้เธอไม่ให้ลูกสาวแต่งหรอก!
“วันมงคลห้ามร้องไห้ เขาให้เจ้าสาวร้อง ไม่ใช่ให้แม่ร้อง”
“ทีนี้จะทำไง? ยังมีคนรออยู่ตั้งเยอะแยะ!” ลูกเขยที่ปกติออกจะทำตัวดี ทำไมมาแย่ตอนช่วงเวลาสำคัญ?
“หมิงหลางเป็นคนยังไงพวกแม่น่าจะรู้ดีกว่าหนูนะ ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นจริงๆเขาจะทิ้งไปแบบนี้เหรอ?”
เสี่ยวเชี่ยนพูดอย่างใจเย็น พ่อเลี่ยวพยักหน้า
“เขาเป็นทหาร บางครั้งก็มีเหตุจำเป็น”
“ตอนนี้ไม่ใช่ช่วงสงครามเสียหน่อย เรื่องอะไรกันที่รอให้เสร็จงานแต่งก่อนไม่ได้? อีกอย่าง พ่อของเขาออกจะตำแหน่งใหญ่โต ทำไมไม่ช่วยออกหน้าพูดให้บ้าง เราไม่ได้บอกให้เขามาคอยเดินตามก้นพี่ทุกวันเสียหน่อย ขอเวลามาแต่งงานวันเดียวไม่ได้เลยหรือไง?” ต้าหลงพูดด้วยความโมโห
ไม่โทษที่ต้าหลงจะกระฟัดกระเฟียด เรื่องนี้เกิดขึ้นกับใครก็รับไม่ได้เหมือนกัน คนรอบตัวเสี่ยวเชี่ยนต่างโมโหกันหมด
“คนตระกูลอวี๋ไม่เคยมีนิสัยใช้อำนาจหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ยิ่งไปกว่านั้นหมิงหลางกับพ่อเขาก็เป็นทหารคนละแบบ พ่อเขายุ่งเรื่องงานของลูกไม่ได้ เบื้องบนเป็นคนตัดสินใจ หมิงหลางก็แค่ทำตามคำสั่ง เขาแคร์เชี่ยนเอ๋อขนาดนั้น มีเหรอจะอยากทิ้งเชี่ยนเอ๋อไว้คนเดียว?” พ่อเลี่ยววิเคราะห์ไปตามความเป็นจริง
เจี่ยซิ่วฟางรู้ว่าพ่อเลี่ยวพูดถูก ก็เพราะรู้ว่ามันเป็นเหตุผลที่ฟังขึ้น ทำให้เธอหาคำพูดมาค้านไม่ได้ เจี่ยซิ่วฟางที่สงสารลูกสาวจึงยิ่งรู้สึกแย่กว่าเดิม
อยากให้ลูกสาวเธอเข้าใจ แต่ทำไมไม่มีใครสงสารลูกสาวเธอบ้างที่ต้องมาถูกทำลายงานแต่งเพียงครั้งเดียวในชีวิต? ลูกสาวที่แสนเก่งของเธอทำไมต้องดื่มเหล้ามงคลคนเดียวด้วย?