กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 528
กู้ชูหน่วนหยิบใบไม้แห้งและนำมาวาดเป็นแผนที่ตลอดทางในหุบเขาขนาดใหญ่ที่พวกเขาเดินผ่านมาในขณะที่พูดคุยกับเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไปพลาง

ส่วนเรื่องที่เหตุใดนางถึงสามารถพูดคุยสื่อสารกับเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ได้นั้น จนถึงตอนนี้นางก็ไม่สามารถอธิบายได้

นอกจากนางแล้ว ดูเหมือนว่าไม่มีใครสามารถสื่อสารกับเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ได้เลย

ยิ่งวาดไป กู้ชูหน่วนก็ยิ่งขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ

ซือม่อเฟยเจ้าหมอนี่ เขาช่างนำทางได้ดีเหลือเกิน เขานำทางนางมายังภูเขาที่สลับซับซ้อนนับหมื่นลี้ หากคิดอยากจะออกจากที่นี่ไป แม้แต่เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็ไม่สามารถพาออกไปได้ในหนึ่งวัน

เวลาอันมีค่าหมดไปอย่างไร้ประโยชน์ที่นี่ ซึ่งเป็นเรื่องน่าปวดหัวอย่างมาก

“กลิ่นอะไรน่ะ?” นางทำท่าสูดดม

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ทำหน้าบูดบึ้งและพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าจอมมารงี่เง่าคงจะย่างไก่กระมัง สิ้นเปลืองทรัพยากรธรรมชาติโดยใช่เหตุ ช่างน่าสงสารสัตว์มีปีกเหล่านั้นเหลือเกิน”

จอมมารวิ่งถือไก่ย่างที่ถูกเสียบอยู่ในกิ่งไม้เข้ามาด้วยหน้าตาที่มีความสุข “ท่านพี่หญิง ไก่สุกแล้ว ท่านลองชิมดูสิว่าอร่อยหรือไม่?”

กู้ชูหน่วนมีสีหน้าหมองคล้ำ

นี่คือไก่ย่างหรือ?

นี่คือไก่ไหม้ต่างหาก

แต่ละตัวล้วนถูกย่างจนดำและไหม้เกรียม

เช่นนั้นแล้วจะกินได้อย่างไร?

แม้แต่ขอทานก็กินไม่ลงหรอกกระมัง?

ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเห็นใบหน้าที่ขาวสะอาดสะอ้านของซือม่อเฟยต้องมาเปื้อนด้วยควันดำและฟืนไฟ แม้แต่เส้นผมที่ดำสนิทและเรียบลื่นของเขายุ่งเหยิงละก็ กู้ชูหน่วนคงคิดว่าเขากำลังกลั่นแกล้งนางแน่ๆ

ซือม่อเฟยทำหน้าเศร้า “แปลกเหลือเกิน เหตุใดถึงไม่เหมือนกับไก่ย่างที่คนใช้ทำมาให้นะ หรือว่าข้าย่างจนไหม้แล้ว?”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ทำเสียงฝ่อออกมาอย่างไม่เกรงใจ

“เจ้าเพิ่งรู้หรือ นี่มันไหม้เกรียมจนไม่รู้จะไหม้ยังไงแล้ว ฐานะของมันสูงส่งเช่นนี้ ต่อให้หิวให้ตายยังไงมันก็ไม่กินไก่ไหม้นั่นหรอก”

“ท่านพี่หญิง ท่านรอข้าอีกประเดี๋ยว ข้าจะไปย่างอีกครั้ง”

กู้ชูหน่วนฝืนยิ้มออกมา “ไม่ต้องแล้ว ไหม้แบบนี้ยิ่งอร่อย ลอกผิวหนังที่ไหม้ออกก็ได้แล้ว”

พูดจบนางก็หยิบไก่ย่างไปและทำการลอกส่วนที่ไหม้ออก

แต่นางกลับคาดไม่ถึงว่าภายนอกที่ไหม้เกรียมเช่นนี้ ข้างในกลับ……ไม่สุก……

“เจ้าย่างยังไงของเจ้าน่ะ?”

“ไฟนั่นอ่อนเหลือเกิน ข้าจึงใช้กำลังภายในเพื่อย่าง ย่างไปย่างมาก็เลยไหม้เช่นนี้ ข้าเห็นว่าข้างในไม่ไหม้ ไม่ไหม้เช่นนี้ก็น่าจะกินได้สิ”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กลอกตาขาวใส่

นี่คือลูกชายของเจ้าของบ้านที่โง่เง่าที่สุดหรือไม่นะ

ไก่ดิบไม่สุกเช่นนี้จะกินได้อย่างไร? เขาไม่กลัวท้องเสียหรือ?

หลังจากไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน กู้ชูหน่วนรู้สึกหิวอย่างมาก และซือม่อเฟยก็จ้องมองนางด้วยท่าทางประหม่าและไม่สบายใจ

นางถอนหายใจและพูดว่า “กินเข้าไปก่อนเถอะ อีกหน่อยย่างบ่อยๆ เข้าก็มีประสบการณ์เอง”

นางลืมไปได้อย่างไรว่าซือม่อเฟยทำกับข้าวไปเป็นเลยสักนิด

ข้าวต้มรังนกในตอนนั้นที่เค็มไม่เข้าท่าเอาเสียเลย นางกินเข้าไปจนแทบอาเจียนออกมา

ไก่ย่างนี้ คงไม่เค็มเหมือนกับข้าวต้มรังนกนั้นหรอกกระมัง?

เมื่อนึกถึงตรงนี้ กู้ชูหน่วนก็รู้สึกหัวเราะตัวเอง

นางกำลังคิดอะไรอยู่นะ ในสถานที่ทุรกันดารและห่างไกลเช่นนี้ ซือม่อเฟยจะไปหาเกลือมาจากที่ไหน

“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ เจ้าจะกินหรือไม่?”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เชิดหน้าและหันไปทางอื่น

อาหารของหมูมันกินได้ด้วยหรือ?

มันเป็นหมูหรือ?

ต่อให้หิวตายจนก็ไม่ยอมกินเด็ดขาด

แม้จะหิวไม่ตายมันก็ไม่ยอมกินเด็ดขาด

“ไปเสียเถอะ ไก่ย่างน้อยนิดเพียงแค่นี้ ให้เจ้าของของเจ้ากินเสียก่อนเถอะ ส่วนเจ้าหลบไปข้างๆ นู่น” จอมมารกล่าว

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ทำเสียงข่มขู่

หลังจากเห็นดวงตาที่มืดมนของจอมมาร มันก็เลื้อยไปอีกฝั่งด้วยความไม่พอใจ

ช่างเถอะ งูที่ดีจะไม่มีปากเสียงกับคนบ้า

ครั้งนี้จะยกโทษให้กับเขา

กู้ชูหน่วนกัดคำใหญ่และมันเค็มจนนางรู้สึกเข็ดฟัน

กู้ชูหน่วนลุกขึ้นยืนทันที “เหตุใดถึงเค็มเช่นนี้? เจ้าใส่เกลือลงไปหรือ?”

“ใช่สิ ครั้งก่อนท่านพี่หญิงบอกว่าข้าวต้มรังนกอร่อยมาก ข้าเลยคิดว่าวันหลังจะทำของอร่อยๆ ให้ท่านกินอีก ฉะนั้นข้าจึงหยิบเกลือมาใส่ในวงแหวนอวกาศเป็นจำนวนมาก เพื่อรอที่จะใช้ในวันนี้ยังไงล่ะ”

จอมมารแหวนบนนิ้วของเขาขึ้นมา

วงแหวนอวกาศไม่ได้มีเพียงกู้ชูหน่วนเท่านั้นที่มี

เขาก็มีเช่นกัน

กู้ชูหน่วนรู้สึกเหนื่อยใจและชาไปทั้งตัว

และหยิบน้ำจำนวนมากออกมาจากวงแหวนอวกาศเพื่อดื่มกิน จากนั้นจึงรู้สึกดีขึ้นบ้างเล็กน้อย

ปัดโธ่……

เมื่อออกไปจากที่นี่ได้ นางจะต้องใส่ของกินจำนวนมากเข้าไปในวงแหวนอวกาศเสียแล้ว

ไม่เช่นนั้นต้องมีสักวันที่จะถูกซือม่อเฟยจัดการจนตายแน่ๆ

“ท่านพี่หญิงเหตุใดสีหน้าของท่านถึงดูซีดเซียวเช่นนี้ ไม่ถูกปากหรือ?”

“ยังมีไก่ป่าอีกหรือไม่? ข้าจะเอาไปย่าง”

“ไม่มีแล้ว ข้าย่างไปหมดแล้ว”

จอมมารชี้ไปยังไก่ย่างที่อยู่ในกองฟืน

ไก่ป่าแต่ละตัวล้วนไหม้เกรียม

เพียงแค่ได้มองก็รู้สึกอยากอาเจียน

กู้ชูหน่วนรู้สึกหมดคำพูดขึ้นมาชั่วขณะหนึ่ง

และสิ่งที่น่าหนักใจที่สุดคือซือม่อเฟยยังคงคุยโวโอ้อวดตัวเอง

“ท่านพี่หญิงข้าเก่งหรือไม่ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าย่างไก่เลยนะ ถึงแม้ว่าจะไหม้ไปหน่อย แต่ข้างในก็ไม่ไหม้ใช่หรือไม่ รอให้ข้าได้ย่างหลายครั้งขึ้น อีกหน่อยมันต้องอร่อยพอๆ กับไก่ย่างที่หอสุราจุ้ยเซียนแน่ๆ”

รอให้เขาได้ย่างหลายครั้ง

เช่นนั้นนางก็คงตายก่อนพอดี

“ท่านพี่หญิง นักฆ่าโลหิตกล่าวว่าหากต้องการมัดใจผู้หญิงคนหนึ่งให้ได้ อันดับแรกต้องรู้ถึงรสชาติอาหารของนาง ฉะนั้นข้าคิดเอาไว้แล้วว่าต่อไปข้าจะเป็นคนทำอาหารให้ท่านกินเองทั้งสามมื้อ ท่านพี่หญิงอยากกินอะไร ข้าก็จะทำสิ่งนั้นให้กินดีหรือไม่?”

“เฮ้อ……”

ไก่ย่างในมือกู้ชูหน่วนตกลงบนพื้นและนางรู้สึกตกตะลึงจนอ้าปากค้าง

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ตกใจจนหดตัวเหลือเท่าตะเกียบและเลื้อยไปยังข้อมือของกู้ชูหน่วน

“ท่านพี่หญิง ท่านดีใจและซาบซึ้งอย่างยิ่งเลยใช่หรือไม่? ข้าก็รู้สึกซาบซึ้งในตัวเองจนร้องไห้เลย ข้าโตมาขนาดนี้ ข้ายังไม่เคยกินอาหารที่ข้าเป็นคนทำขึ้นด้วยตัวเองเลย”

กู้ชูหน่วนทำเสียงเฮอะๆ ออกมาโดยไม่แสดงสีหน้าท่าทางใดๆ

ซือม่อเฟยกวาดสายตาไปยังไก่ย่างที่ตกลงบนพื้น จากนั้นเขาจึงรีบไปหยิบไก่ย่างอีกตัวหนึ่งที่กองไฟ จากนั้นออกแรงเป่าเพื่อให้ไก่เย็นลงและฉีกหนังส่วนที่ไหม้เกรียมออก จากนั้นยื่นออกไปเพื่อมอบให้กับกู้ชูหน่วน

“เอ่อ……ข้าไม่หิวเท่าไรน่ะ เจ้าเก็บไว้กินเองเถอะนะ”

“ท่านพี่หญิงไม่กินอะไรมาสองวันสองคืนแล้วจะไม่หิวได้อย่างไร กินเข้าไปสักคำเถอะ อาม่อตั้งใจย่างให้เลยนะ ดูสิ มือของข้าถูกไฟลวกจนเป็นแผลเลย เจ็บมากๆ ด้วย”

“……”

“ท่านพี่หญิง ท่านกินเข้าไปสักหน่อยเถอะ ข้าเหนื่อยมาทั้งวัน หากท่านไม่กินข้าจะรู้สึกเสียใจอย่างมาก กินสักหน่อยเถอะนะ”

จอมมารคะยั้นคะยอ ทั้งออดอ้อนทั้งประจบประแจง

กู้ชูหน่วนกัดฟัน

ก็ได้ คำเดียวก็ได้

ใครบอกให้นางขอช่วยซือม่อเฟยช่วยนางตามหากุญแจรูปดาวกันล่ะ

ต่อให้ต้องถูกวางยาพิษจากการกินอาหารที่เขาทำจนล้มป่วยลง นางก็ยอม

กู้ชูหน่วนออกแรงกัดเข้าไปหนึ่งคำ

หลังจากกัดเข้าไป สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปทันทีและรีบคายไก่ในปากออกมาทั้งหมด นางกระแอมบ้วนปากออกมาหลายครั้ง และทำสีหน้าโกรธเคือง

“ซือม่อเฟย ข้าจะทำให้ข้าตายหรืออย่างไร ข้าไปทำอะไรไม่ดีให้เจ้ารู้สึกขุ่นเคืองตั้งแต่เมื่อไร?”

ซือม่อเฟยตกตะลึง

เหตุใดถึงโมโหมากมายเช่นนี้?

เขาทำอะไรผิดหรือ?

เมื่อเห็นแววตาอันไร้เดียงสาของเขาก็ทำให้กู้ชูหน่วนยิ่งโมโหและชี้ไปที่ไก่ย่าง “เจ้าไม่จัดการเครื่องในไก่ออกก่อนเลยหรือ? สิ่งเหล่านี้……ล้วนเป็นขี้ไก่ทั้งนั้นเลย”

“เครื่องใน? นั่นคืออะไรหรือ? ขี้ไก่? ไก่จะมีขี้ได้อย่างไร?”

“ปัดโธ่……เจ้าไม่เคยกินเนื้อหมู แต่ก็เคยเห็นหมูวิ่ง”

“ข้าเคยเห็นหมูวิ่ง แต่นี่มันเกี่ยวอะไรกับไก่ย่างหรือ?”

“ก่อนที่จะย่างไก่ เจ้าไม่ต้องทำการจัดการเอาเครื่องในไก่เหล่านี้ออกให้หมดเสียก่อนหรือ?”

“ไก่ย่างที่นักฆ่าโลหิตส่งมาให้ก็ไม่เห็นต้องจัดการเครื่องในออกก่อนเลยนี่นา ก็กินอร่อยดีอยู่นะ”

กู้ชูหน่วนโกรธจนโยนไก่ย่างออกไปอย่างโมโห

ชาติที่แล้วนางได้ทำบาปอะไรเอาไว้นะ เหตุใดชาตินี้ถึงต้องมารู้จักกับคนโง่เง่าเบาปัญญาเช่นนี้ด้วย

แม้แต่เครื่องในก็ไม่รู้ว่าคืออะไร?

แถมยังไม่รู้ว่าขี้ไก่คืออะไรอีก

ปัดโธ่……