ตอนที่ 419 ตกลงเงื่อนไข
แม่หลินหนานเหลือบมองซูฉิงและยวี๋น่าเพียงวูบหนึ่ง “ตอนนี้หนานหนานกำลังต้องการเธอ คุณหมอกำลังช่วยปฐมพยาบาลเขาอยู่ เธอก็รู้ดีใช่ไหมว่าหนานหนานรักเธอมากแค่ไหน เพราะฉะนั้นเธอสามารถช่วยให้เขาฟื้นตัวขึ้นมาได้”
“หลินหนานเป็นอะไรไป ทำไมต้องให้คุณหมอมาปฐมพยาบาล ฉันจะไปหาหลินหนานเดี๋ยวนี้แหละ!”
เมื่อยวี๋น่าได้ยินว่าหลินหนานกำลังอยู่ในอันตราย เธอจึงดึงเข็มฉีดยาที่ติดอยู่กับข้อมือออกทันที เธออยากจะรีบไปหาหลินหนานให้เร็วที่สุดแต่กลับถูกซูฉิงดึงรั้งไว้
“เธอกำลังจะทำอะไร? เธอจำที่คุณหมอบอกไม่ได้เหรอ? เธอจะเลิกสนใจคนอื่นมากกว่าตัวเองได้เมื่อไหร่?”
“ซูฉิง แต่ตอนนี้หลินหนานเขากำลัง…”
“เธอเป็นหมอเหรอ? แค่เธอไปหาเขา อาการของเขาก็สามารถดีขึ้นได้เลยยังงั้นเหรอ?”
คำเอ่ยห้ามของซูฉิงทำให้ยวี๋น่านั่งนิ่งลง เธอรู้ว่ายวี๋น่ากำลังเป็นกังวลและเป็นห่วงหลินหนาน เธอจึงพยายามเอ่ยปากปลอบประโลมเพื่อนรักให้คลายความกังวลลงบ้าง “ฉันรู้ว่าเธอกำลังร้อนใจ แต่เธอจะทำอะไรได้นอกจากการร้อนใจล่ะ? ทำไมเธอไม่คิดจะดูแลตัวเธอเองให้ดี? ฉันคิดหลินหนานคงอยากเห็นเธอในสภาพที่ดีมากกว่าเห็นเธอร้อนใจไปกับอาการของเขาจนลืมสนใจตัวเธอเอง”
เมื่อพูดถึงตรงนั้นซูฉิงก็เอื้อมมาจับมือยวี๋นาและใช้กำลังบีบมือบางเล็กน้อย และพยายามเกลี้ยกล่อมให้ยวี๋น่าคล้อยตามคำพูดของเธอเอง
ยวี๋น่าพยักหน้ามองขึ้นไปที่ขวดน้ำเกลือและจึงพูดกับหญิงชราว่า “คุณป้าคะ ซูฉิงพูดถูก ถ้าฉันไปเกรงว่าจะวุ่นวายซะป่าวๆ ฉันไม่สามารถช่วยอะไรได้ และหลินหนานก็คงหวังให้ฉันกับลูกปลอดภัยและแข็งแรงมากกว่า”
“อีกสักครู่น้ำเกลือก็จะหมดขวดแล้ว ถ้าฉันเติมน้ำเกลือเสร็จฉันจะรีบตามไปที่นั่นทันที”
แม่หลินหนานพ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างช่วยไม่ได้ ยวี๋น่าเข้าใจและเธอก็รู้ดีว่าหญิงชราคงอยากจะเจรจาข้อตกลงบางอย่างกับตัวเอง
ยัยเด็กคนนี้!ลูกชายของฉันกำลังอยู่ในช่วงอันตราย แม้แต่เข็มฉีดยาเธอก็ไม่สามารถสละเพื่อไปดูชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของตนเองได้ และไหนจะเอาแต่ฟังคำพูดยัยเพื่อนสนิทของเธอเองอีก? !
เธอคิดกับตัวเอง และพยายามต่อต้านคำก่นด่าที่มีอยู่ภายในใจไม่ให้ถูกพ่นออกมาใส่หญิงสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของลูกชายเพราะตอนนี้หญิงสาวตรงหน้าถือเป็นหมากตัวสำคัญที่จะช่วยลูกชายของเธอให้ฟื้นคืนสติกลับมา
“ลูกของฉันกลายเป็นแบบนี้ก็เพราะเธอ เธอไม่รู้สึกผิดบ้างเหรอ? ตอนนี้ลูกของฉันกำลังตกอยู่ในอันตรายนะ!”
ทันทีที่ยวี๋น่าได้ยินหลินหนานว่าหลินหนานกำลังตกอยู่ในอันตราย ยวี๋น่าไม่สามารถควบคุมตัวเองให้นิ่งเฉยได้อีกต่อไป เธออยากจะพุ่งตัวไปหาหลินหนานซะเดี๋ยวนี้
ซูฉิงออกแรงบีบแขนที่จับยวี๋น่าขึ้นอีกครั้งเพื่อเตือนสติอีกฝ่ายให้คิดให้ถี่ถ้วน
ยวี๋น่ากัดฟันแน่นและเอ่ยออกไปด้วยความจำยอม “คุณป้าคะ ฉันรู้สึกผิดจริงๆ แต่เมื่อกี้คุณไล่ฉันออกมา และตอนนี้คุณหมอก็กำชับให้ฉันดูแลตัวเองดีๆ…”
“เธอ…” แม่หลินหนานโกรธจนลมออกหู หญิงชราฟาดฝ่ามือตบลงบนประตูอย่างแรง ยัยเด็กคนนี้!กล้ามากที่พูดจายอกย้อนใส่เธอ?!
ซูฉิงกล่าวต่อว่า “คุณป้า ฉันรู้ว่าคุณกังวลเกี่ยวกับอาการของหลินหนาน และยวี๋น่าเองก็กังวลกับเรื่องนี้ไม่ต่างกัน ไม่อย่างนั้นยวี๋น่าคงจะไม่อยู่เฝ้าดูอาการของหลินหนานติดกันถึงสองสามวัน และเมื่อกี้คุณป้าเพิ่งจะไล่เธอออกมาอย่างกับหมูกับหมา แต่พอมาถึงตอนนี้คุณป้ากลับเร่งให้เธอกลับไป แบบนี้มันก็ไม่สมควรนะคะ…”
“ถ้าหากว่าอาการของหลินหนานดีขึ้นแล้ว คุณป้าอาจจะให้ยวี๋น่าอยู่ที่นั่นหรือจะไล่ยวี๋น่าออกมาอีก?ซึ่งพวกเราก็ไม่มีใครรู้ว่าคุณป้าคิดจะทำอะไร”
“ต่อให้คุณป้าจะเกลียดยวี๋น่ายังไง แต่คุณป้าควรคิดว่าตอนนี้เธอกำลังอุ้มท้องเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลหลินอยู่ หญิงตั้งครรภ์ไม่ควรถูกกระตุ้นหรือถูกกดดัน หากวันหนึ่งเธอถูกคุณป้าด่าถอหรือถูกขับไล่ออกมาแบบวันนี้อีก เด็กในท้องจะได้รับผลกระทบ จากเรื่องนี้มากที่สุด”
แม่หลินหนานทอดสายตามองไปที่ซูฉิงและยวี๋น่า “เธอสองคนถือโอกาสนี้มาเจรจาข้อตกลงกับฉันเหรอ?”
ในตอนนี้เธอเป็นฝ่ายโดนข่มขู่เองซะยังงั้นเหรอ?
ในเมื่อตอนนี้หญิงชราไม่อาจรับรู้ได้ว่าอาการของลูกชายเธอเป็นตายร้ายดีเช่นไร เธอร้อนใจเกินกว่าจะคิดถึงเรื่องอื่น ดังนั้นครั้งนี้เธอจึงต้องจำยอมให้อีกฝ่ายเป็นคนคุมเกมทั้งหมดไปอย่างง่ายดาย
“ถ้าครั้งนี้ลูกชายของฉันสามารถฟื้นคืนสติขึ้นมาได้ เรื่องของพวกเธอฉันจะไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายอีก และในช่วงเวลานี้เธอต้องปกป้องและดูแลเขาให้ดีที่สุด เธอเข้าใจใช่ไหม?”
ยวี๋น่าพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ฉันเข้าใจค่ะ!”
“ตอนนี้หลินหนานอยู่ที่ไหน?”
“ห้องพักฟื้นของเขา”
เมื่อได้รับคำตอบที่พอใจยวี๋น่าก็รีบดึงเข็มน้ำเกลือออกทันทีและรีบวิ่งตรงดิ่งไปยังห้องพักฟื้นของหลินหนาน เมื่อเธอกำลังจะเดินออกจากประตู เธอหันหน้าไปจับมือแม่หลินหนานและบีบมือกร้านอย่างให้กำลังใจอีกฝ่าย
แต่หญิงชรากลับไม่ได้สนใจการกระทำของหญิงสาว เธอรีบตามติดร่างบางไปอย่างรวดเร็ว
ซูฉิงเหลือบมองเข็มน้ำเกลือที่ถูกถอดทิ้งไว้บนพื้น เธอหยิบมันขึ้นมาแล้วสอดเข้าไปในขวดแช่เพื่อป้องกันไม่ให้ของเหลวที่อยู่ข้างในไหลเลอะทั่วพื้นห้อง
เมื่อสักครู่ที่ซูฉิงพยายามหยุดยวี๋น่าไว้ เพียงเพราะเธอเห็นว่าแม่หลินหนานกำลังร้อนใจ ดังนั้นถ้าพวกเธอไม่คุยตกลงกับหญิงชราในตอนนี้คงไม่มีโอกาสที่หญิงชราจะยอมคุยดีๆกับพวกเธอ หรือจะต้องให้ยวี๋น่าแบกหน้าไปขอเจรจากับอีกฝ่ายยังงั้นเหรอ?
เมื่อโอกาสดีๆมาถึงแล้ว เธอก็ควรจะช่วยยวี๋น่าคว้ามันเอาไว้ ถึงเวลานี้แม่หลินหนานไม่ควรทำให้ยวี๋น่าต้องลำบากใจอีกแล้ว
ซูฉิงคิดว่าเรื่องพวกนี้เธอได้ออกตัวช่วยยวี๋น่าอย่างสุดความสามารถและทุกอย่างมันก็สำเร็จลงเป็นอย่างดี เธอก็คงจะขอแยกตัวไปเคลียร์เรื่องราวของตัวเองเช่นกัน
……
เมืองใหม่สุ่ยเยว่
ฮ่อหยุนเฉิงกำลังยุ่งกับโครงการก่อสร้างสวนสนุกเป่ยไห่ และซูฉิงเองก็เฝ้าดูอีกฝ่ายอยู่ข้างกายอย่างเป็นระยะๆและพยายามช่วยออกความคิดเห็นต่อแผนงานของหยุนเฉิง
“หยุนเฉิง เป็นไปได้ไหมที่คุณจะเลือกสถานที่ที่สะดวกกว่านี้ เลือกสถานที่ที่มันใกล้กับสถานีรถไฟความเร็วสูงอะไรแบบนี้? เพราะฉันคิดว่าถ้ามันอยู่ใกล้กับเมืองหลวงมันคงสะดวกสำหรับนักเรียนที่จะมาแวะเที่ยวเล่นที่นี่ได้”
“ความคิดของเธอและฉันมันไปในทิศทางเดียวกันอยู่แล้ว แต่ในอีกมุมหนึ่งก็อาจจะไม่ถูกใจคนอื่นสักเท่าไหร่ แต่ฉันจะพยายามฝ่าฟันมันด้วยตัวเองสักครั้ง”
ซูฉิงถอนหายใจแล้วนอนลงบนไหล่กว้างของฮ่อหยุนเฉิง “ดูเหมือนว่านายยังต้องทำงานต่ออีกซักพักใหญ่ๆ ฉันคิดว่างานวันนี้มันจะจบลงแล้วเสียอีก ฉันเตรียมคิดไว้แล้วว่าวันนี้พวกเราจะกินอะไรกันดี”
ฮ่อหยุนเฉิงหยิกแก้มนุ่มของซูฉิงด้วยความเอ็นดู “เธออยากกินอะไร ฉันจะชดเชยให้เธออีกสองมื้อเลย”
“ฉันอยากกินอาหารญี่ปุ่น”
“พอดีเลย ในตู้เย็นของฉันมีปลาแซลมอนที่เพิ่งถูกส่งมาวันนี้พอดี และยังมีของอย่างอื่นอีกเยอะแยะเลยนะ เธอลองไปหาดูและทำกินเองได้เลย”
“โอเค งั้นรอแปปนึงนะ เดี๋ยวอาหารเลิศรสจะมาปรากฎอยู่ตรงหน้านายในไม่ช้า”
ซูฉิงไปที่ห้องครัวเพื่อลงมือทำอาหาร เธอเปิดตู้เย็นและดูวัตถุดิบต่างๆในตู้เย็นแล้วจึงถอนหายใจออกมา “นายยังสามารถสนุกกับชีวิตได้อีกนะเนี่ย ยังแอบซ่อนเก็บวัตถุดิบมากมายพวกนี้ไว้ในบ้าน”
ซูฉิงยุ่งกับงานในครัว และเมื่อเธอหันศีรษะกลับมาเธอก็เห็นฮ่อหยุนเฉิงที่เดินเข้ามาพร้อมกับแล็บท็อปในมือและเขาก็ได้ไปนั่งอยู่ในมุมที่สามารถมองเห็นเธอได้
ทั้งสองต่างมองหน้ากันและยิ้ม ต่างคนต่างยุ่งในงานของตนเอง เงยหน้าขึ้นมามองกันและกันบ้างเป็นบางครั้ง ถือเป็นการอยู่เคียงข้างกันโดยปราศจากเสียงรบกวนอย่างโรแมนติกที่สุด
มีดถูกผ่าลงมาบนตัวปลาอย่างช้าๆ ซูฉิงได้สวมถุงมือพลาสติกและค่อยๆลงมือทำซูชิอย่างช้าๆ
เมื่อขั้นตอนสุดท้ายเสร็จเรียบร้อย อาหารบนจานก็ถูกแต่งแต้มอย่างสวยงามและน่ารับประทานเป็นที่สุด
“ท่านประธานฮ่อคะ เชิญรับประทานอาหารค่ะ” ซูฉิงแกล้งรับบทเป็นแม่ครัวสาวเพื่อเรียกรอยยิ้มจากชายตรงหน้า
ซูฉิงวางซูชิและซาซิมิไว้ข้างหน้าฮ่อหยุนเฉิง ฮ่อหยุนเฉิงกัดลงบนซูชิหนึ่งคำและพยักหน้าพร้อมพูดว่า “รสชาติก็ไม่เลว”
“ถ้าอร่อย งั้นนายก็ต้องกินเยอะๆนะ”
ซูฉิงจัดการป้อนอาหารใส่ปากของฮ่อหยุนเฉิงทีละคำ และเมื่ออาหารตรงหน้าถูกกินจนหมดแล้ว ซูชิงก็เอื้อมมือออกไปหาเขา
ฮ่อหยุนเฉิงเหลือบมองไปที่มือบางของอีกฝ่ายที่ถูกยื่นมาตรงหน้า เขาวางมือของตนเองลงบนมือของหญิงสาว เพียงไม่นานมือบางก็ตบลงบนมือของเขาอย่างรุนแรง
“ใครอยากได้มือนายกันล่ะ?”
มือของซูฉิงยังคงยืดออกมาและค้างไว้อยู่อย่างนั้น ฮ่อหยุนเฉิงจึงวางคางไว้ลงไปบนมือบางนั้น ซึ่งการกระทำของเขาทำให้ซูฉิงกลอกตามาที่เขาอย่างหมั่นไส้
“นายได้ฉายาว่าประธานหน้านิ่งไม่ใช่เหรอ? ทำไมนายยังทำอะไรบ้าๆบอๆแบบนี้อยู่ล่ะ?”
“การทำแบบนี้ไม่ใช่กำลังเป็นที่นิยมในโลกอินเทอร์เน็ตหรอกเหรอ? โดยเฉพาะคุณสุภาพสตรีที่ชอบถ่ายรูปแบบนี้และชอบทำเสียงน่ารักๆแบบนี้ออกมา”
“เปล่า ฉันกำลังขอคำแนะนำจากคุณ ไม่อย่างนั้นฉันจะทำอาหารให้คุณกินเปล่าๆ”
ตามที่ซูฉิงกล่าว เธอยื่นมือออกมาอีกครั้ง “ประธานฮ่อ คุณจะไม่ผิดนัดชำระหนี้ใช่ไหม”
ฮ่อหยุนเฉิงพยักหน้า “ไม่แน่ใจ”
“คุณ! ไม่ คุณไม่สามารถเก็บหนี้ของคุณได้!”
ฮ่อหยุนเฉิงยิ้มและเกาจมูกของเธอเบา ๆ “ไปช่วยฉันปอกแอปเปิ้ลแล้วฉันจะคืนให้คุณด้วยความสนใจ”
“คุณบอกว่าเพิ่มทิปเป็นสองเท่า!”
ซูฉิงวิ่งไปที่โต๊ะกาแฟ หยิบแอปเปิ้ลขึ้นมาแล้วเริ่มปอกมัน
อ่ะ
เธอร้องเรียกอย่างกะทันหัน และฮ่อหยุนเฉิงก็วิ่งเข้ามาอย่างเป็นห่วง “เป็นอะไรไป คุณตัดมือหรือเปล่า ทำไมคุณถึงประมาทจัง”
ฮ่อหยุนเฉิงจับมือของเธอและตรวจสอบอย่างละเอียด