บทที่ 61 ฉันยังไม่อยากกลับไป

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

หลังจากนั้น ออกัสอยากจะกลับไปยังย่านที่พักอาศัยเพื่อจัดการเอกสารบางอย่าง และเลอแปงก็ตามไปด้วยเช่นกัน

ดังนั้น ก็ไม่อาจที่จะหลีกเลี่ยงได้ที่จะเหลือเพียงแค่สองคนอยู่ภายในห้องอีกครั้ง

นั่งเงียบๆอยู่ริมหน้าต่าง ในมือของเชอร์รีนถือแก้วน้ำ จิบทีละน้อยๆ ความคิดที่อยู่ในสมองกลับว่าวกไปวนมาเหมือนคลื่นทะเลยังไงอย่างนั้น

ภาพฉากเมื่อครู่นี้ เธอเห็นความจริงอย่างชัดเจน หยาดฝนมีความสนใจ ความรัก และชอบเขาบ้างแล้วเล็กน้อย

สายตาของหยาดฝนกระทบไปยังตัวของเธอเป็นระยะๆ มุมปากขยับขึ้นเล็กน้อย พูดอึกๆ อักๆ เหมือนว่าอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ก็ไม่รู้ว่าควรเริ่มพูดอย่างไรดี

สุดท้าย หลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน เธอก็เอ่ยปากพูดแล้ว : “เชอร์รีน เรามาคุยกันหน่อย”

นำแก้วน้ำไปวางไว้ข้างๆ เชอร์รีนพยักหน้า สีหน้าเรียบนิ่ง : “โอเค คุยกัน”

มือที่เรียวยาวผิวขาวบีบผ้าห่มที่ตัวแน่นๆโดยไม่รู้ตัว สีหน้าแววตาของหยาดฝนชัดเจนและอ่อนโยน : “เมื่อกี้ คุณน่าจะเห็นหมดแล้วนะ……”

“เห็นแล้วจริงๆ สองลูกกระตา เห็นอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ฉันรู้สึกว่า คุณป้ายังค้างเรื่องอธิบายให้ฉันฟังนะ”

เผชิญหน้าด้วยแววตาที่นำมาซึ่งความเยือกเย็น เชอร์รีนเอ่ยปากพูดโดยตรง

“มีบางเรื่อง คุณกลับว่าไม่รู้เลย และฉันก็จะพูดอย่างง่ายๆ สามปีก่อน ช่วงเวลาที่ฉันเคยคบหาดูใจกับคุณชายออกัส คุณก็รู้ พวกเราไม่ได้มีความสัมพันธ์ป้าหลานจริงๆ”

เรื่องราวก็ถูกเปิดเผยแล้ว ต่อให้ปิดบังต่อไป ก็ไม่มีความหมายอะไร และสิ่งที่ต้องทำในตอนนี้ ก็คือคิดหาวิธีแก้ไขเรื่องนี้

ถ้าหากพูดว่าไม่ตกใจ เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้ เธอรู้ว่าพวกเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ป้าหลานกันจริงๆ แต่เธอกลับไม่รู้ว่า เมื่อสามปีก่อนพวกเขาเคยคบหาดูใจกัน!

“แต่หลังจากนั้นเพียงแค่สามปี วันนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเป็นเพียงป้าและหลานชาย นอกจากนี้ ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น อะไรที่เป็นอดีต ล้วนแต่ผ่านไปหมดแล้ว”

น้ำเสียงของหยาดฝนทั้งอบอุ่นทั้งช้ามาก พูดเอ่ยปากแต่ละคำแต่ละประโยค

“แล้วก็ สิ่งที่คุณเห็นเป็นเพียงแค่การบอกลา หลังจากสามปีฉันก็ได้บอกลาตัวเองโดยสิ้นเชิงแล้ว สิ้นสุด ความสัมพันธ์กับเขา ตอนนี้ฉันมีคู่หมั้นแล้ว เขาก็รักฉันมากด้วย พวกเรามีความสุขมาก การกระทำเมื่อสักครู่นั้น ฉันทำกะทันหันเกินไปแล้ว ฉันขอโทษคุณด้วยนะ……”

คำพูดข้างในนี้เป็นความจริงหรือไม่ ก็มีเพียงแค่เธอเองเท่านั้นที่รู้

สรุปว่าเป็นการบอกลา สิ้นสุด หรือว่าทำโดยไม่ตั้งใจ เผลอใจไปรัก

“ในเมื่อป้าพูดแบบนี้แล้ว ฉันก็หมดคำพูดแล้ว สิ่งที่คุณพูดมาทั้งหมด ฉันเชื่อคุณค่ะ”

เชอร์รีนเอ่ยปากพูดออกมาอย่างชัดเจน:

“แต่ว่า เรื่องแบบเดียวกันฉันคิดว่าป้าคงไม่มีทางทำเป็นครั้งที่สองอีกอย่างแน่นอน ไม่ว่าเมื่อสามปีก่อนพวกคุณจะมีความสัมพันธ์อะไรกัน นั้นก็เป็นเพียงแค่สามปีก่อน และตอนนี้ ฉันเป็นภรรยาของเขา ป้าก็มีคู่หมั้นแล้ว เพราะงั้นควรจะทำอย่างไรคงไม่จำเป็นต้องให้ฉันเตือนแล้ว”

เพราะว่าในใจของฉัน ป้าเป็นผู้หญิงที่ฉลาดที่สุดมาโดยตลอด และที่ฉันเลือกที่จะเชื่อ มีสองเหตุผล อย่างแรก เป็นผู้หญิงด้วยกัน อย่างที่สอง คุณเป็นป้าของพวกเรา

“ฉันเข้าใจ” หยาดฝนเอ่ยปากพูด มือที่ห้อยอยู่ข้างๆ ค่อยๆบีบผ้าห่มที่อยู่บนตัวจนแน่น

มองในมุมมองของเชอร์รีน คำพูดเหล่านี้ พูดได้สมเหตุสมผล กลับว่าไม่มีอะไรที่สุดโต่งและก็ทำเกินไปเลย

แต่เมื่อหยาดฝนได้ยินแล้ว กลับว่ามีอีกความหมายหนึ่ง เธอกำลังบีบบังคับเธอ เยาะเย้ยเธอ

“เพราะงั้น เรื่องของวันนี้ฉันจะถือว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และไม่เคยเห็นมาก่อน” ในระหว่างคำพูด เชอร์รีนยังคงมองมาที่เธอเช่นเคย

หยาดฝนพยักหน้า พูดออกมาสามคำ : “ฉันก็ด้วย”

แม้ว่าจะพูดแบบนี้แล้ว แต่ระหว่างพวกเขาสองคนก็มีช่องว่างเพิ่มขึ้นมาที่ไม่อาจจะล่วงล้ำได้

“งั้นก็ดี เรื่องนี้ก็สิ้นสุดตรงนี้ ต่อไปจะไม่มีวันพูดเอ่ยขึ้นมาอีก”

เมื่อพูดจบ ระหว่างทั้งสองต่างก็พูดไม่ออกอีกครั้ง อยู่ในห้องเดียวกัน ก็นำมาซึ่งความอึดอัดเท่านั้น

ไม่ได้อยู่ที่ห้องคนไข้นานเท่าไหร่ เชอร์รีนก็หาข้ออ้าง ออกไปแล้ว

เดินออกมาจากห้อง เธอสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปอย่างลึกๆสองครั้ง คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะคบหากันเมื่อสามปีก่อน!

ในใจของเธออดไม่ได้ที่จะอยากรู้อยากเห็น สามปีก่อน เขาเป็นคนจีบเธอ หรือว่าเธอเป็นคนจีบเขา?

สามปีก่อน เขามีความรู้สึกแบบไหนที่คบหาดูใจกับหยาดฝน งั้นตอนนี้ล่ะ เขายังมีความรู้สึกต่อหยาดฝนไหม?

ความคิดที่วกไปวนมาอยู่ในใจล้วนเป็นเช่นนี้ เชอร์รีนยกมือขึ้นเคาะที่ศีรษะเบาๆ รู้สึกว่าตัวเองถูกบีบบังคับจนแทบจะเป็นบ้าแล้ว

แต่คิดๆดู ตอนที่เป็นวัยรุ่น มีใครบ้างที่ไม่ผ่านความรู้สึกนี้มา อาจจะยังไม่มีความเป็นผู้ใหญ่ และก็อาจจะเป็นการแอบรัก

แม้แต่เธอ ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยก็ยังแอบรักรุ่นพี่คนหนึ่งเป็นเวลานานเลย ถึงขนาดที่ว่าไม่เป็นอันกินอันนอน ถึงจุดที่ว่าไม่พบกันวันเดียว เหมือนไม่พบกันสามปี

แต่ตอนนี้ สิ่งที่ควรลืมก็ได้ลืมมันไปหมดแล้ว ตอนนี้แม้แต่รุ่นพี่หน้าตาเป็นยังไง เธอก็ลืมไปหมดแล้ว

เพราะงั้น ความรู้สึกในเมื่อก่อนสามารถปล่อยวางลงได้ ใครบ้างที่ไม่เคยผ่านเรื่องความรู้สึกนี้มา?

จนกระทั่งเธอเดินก้าวเล็กๆกลับมาถึงห้อง ออกัสนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงาน กำลังจัดการเอกสาร

เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า เขาทำเพียงแค่เงยหน้ามองเธอแวบหนึ่ง แล้วก็เริ่มจัดเอกสาร

รินน้ำอุ่นมาแก้วหนึ่ง เชอร์รีนวางไว้ข้างมือของเขา หลังจากนั้นก็มองไปที่เขากว่าหลายครั้ง

ออกัสสังเกตเห็นแล้ว สายตา ค่อยหรี่ลงเล็กน้อย : “คุณหญิงเชอร์รีนกำลังมองอะไรอยู่?”

เมื่อได้ยิน เธอก็ตอบกลับไปอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ว่า : “กำลังดูว่าคุณออกัสหน้าตาหล่อเหลาขนาดไหน สามารถยั่วยวนผู้หญิงมาได้กี่คน แล้วก็ เคยคบหาดูใจกับผู้หญิงมาแล้วกี่คน……”

เพราะว่าหลายวันมานี้ก็อยู่ที่บ้าน เพราะงั้นผมของเชอร์รีนค่อนข้างฟู มัดผมหางม้าแบบสบายๆกลับว่ามีบางเส้นที่มัดรอบไม่หมด ห้อยลงมาที่หน้าแก้มทั้งสองข้าง พลิ้วไหวเบาๆ ราวกับว่าดึงดูดให้คนสนใจ

นัยน์ตาขยับเล็กน้อย ออกัสยกมือขึ้น เอาปอยผมไปทัดไว้หลังหูของเธอ หลังจากนั้น จู่ๆก็ยื่นมือออกไปหาเธอ จับที่ท้ายทอยของเธอไว้ ทันใดนั้น โถมเข้าไปปิดริมฝีปากบางๆแล้ว

เธอถูกเขาจูบจนขาสองขาอ่อนแรง ใบหน้าถึงจะขยับ มือทั้งสองข้างของเขาควบคุมศีรษะของเธอไว้ ไม่ให้เธอขยับเขยื้อนได้ ทำได้เพียงปล่อยให้เธอจูบอย่างตามใจชอบ

จนกระทั่งแทบจะหายใจไม่ออกแล้ว เขาถึงจะยอมปล่อยเธอ ลูกกระเดือกขยับขึ้นลงเล็กน้อย ดึงๆริมฝีปากพร้อมพูดด้วยเสียงแหบๆว่า : “คุณหญิงเชอร์รีน คำพูดนั้นคุณรู้หรือไม่ว่ากำลังจงใจที่จะยั่วยวนผู้ชาย หืม”

ยังคงหอบอยู่เล็กน้อย ได้ยินคำพูดของเขา เธอขมวดคิ้ว ยักไหล่อย่างไม่เห็นด้วย : “งั้นเหรอ?คุณออกัสไม่คิดว่าความเข้าใจของตัวเองมีปัญหา?”

ประโยคไหนของเธอที่กำลังยั่วยวนเขา?

ทุกประโยค เธอล้วนแต่แอบเยาะเย้ยอยู่ในใจ เยาะเย้ยเขาที่เหมือนกับเพลย์บอย แถมยังมีความเกลียดชังต่อเขาเล็กน้อย แต่เขากลับรู้สึกว่ากำลังยั่วยวนเขา!

ริมฝีปากบางๆโค้งงอขึ้น นัยน์ตาที่มืดมนของเขาจ้องไปยังริมฝีปากสีแดงที่สดใสของเธอ ลิ้นยาวๆตั้งใจกวาดไปบนริมฝีปากของเธอ ทำให้ริมฝีปากนั่นดูชุ่มชื้นและสดใส

เมื่อริมฝีปากร้อนผ่าว ก็ตามมาด้วยคัน แต่เมื่อเธอตอบสนองกลับมา เขากลับว่าออกไปแล้ว มองเอกสารอย่างจริงจัง เสียงที่ทุ้มต่ำพรั่งพรูออกมาจากริมฝีปากบางๆว่า : “ไปเก็บกระเป๋าเดินทาง……”

“เก็บกระเป๋าเดินทางทำไม?” เชอร์รีนสงสัยและไม่เข้าใจ

“กลับเมืองs หรือว่าคุณหญิงเชอร์รีนคิดอยากที่จะอยู่ที่นี่ไปตลอดงั้นเหรอ?” ออกัสเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา

“ไม่ใช่ เพียงแค่คิดว่าการตัดสินใจนี้ค่อนข้างที่จะกะทันหันก็เท่านั้น……” เชอร์รีนเลียริมฝีปากแล้วเล็กน้อย พูดถามหยั่งเชิง: “เลอแปงจะกลับพร้อมกันด้วยไหม?”

“แน่นอนสิ” สายตาของเขายังคงมองที่เอกสารเช่นเคย

“ลุง……พ่อล่ะ?” เธอพูดใหม่อีกครั้งอย่างไม่เป็นธรรมชาติ