บทที่ 95.3 ผู้ที่ซ่อนตัวใต้แสงเทียนที่ริบหรี่ก็คือเขา! (3)

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

ฉู่ซินรุ่ยทอประกายสายตาวาบ ก่อนจะเบนกายกล่าวออกคำสั่งนาง “สั่งการลงไปเดี๋ยวนี้ เตรียมตัวให้พร้อมกันเถิด!”

ฮวนเกอตกตะลึง กล่าวอย่างคาดไม่ถึง “ท่านหญิงหมายความว่า…”

“ทำเรื่องให้สำเร็จจึงจะดีที่สุด หากไม่ไหวจริงๆ…ฆ่าคนปิดปากก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้?” ฉู่ซินรุ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นที่สุด ราวกับไม่ถูกสถานการณ์นองเลือดตรงหน้ารบกวนแม้แต่น้อย “ยามนี้ ยังไม่มีใครล่วงรู้ว่าเป็นแผนการของข้าและพี่ห้า หากจัดการให้สมบูรณ์แบบสักหน่อย กองเพลิงนี้อย่างไรก็ไม่อาจลามมาไหม้ถึงพวกเราได้แน่”

แม้ว่าพวกฉู่สวินหยางและฉู่ฉีเฟิงจะรู้ว่าเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับจวนอ๋องรุ่ยซิน แต่หากไม่อาจจับพวกเขาได้อย่างตรงๆ ใครจะสามารถมากล่าวร้ายใส่พวกเขาสุ่มสี่สุ่มห้าได้ล่ะ?

เพียงแค่รู้สึกเสียดาย…

เมื่อครู่เห็นได้ชัดว่าเกือบจะทำสำเร็จแล้ว แต่กลับถูกหญิงข้างกายของซูอี้ที่น่าชังมาทำเสียเรื่องเอาซะได้

ใบหน้าของฉู่ซินรุ่ยแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย ในใจก็แฝงไปด้วยความโมโห กวาดสายตาอำมหิตผ่านผู้คนไปมองคนกลุ่มนั้นของฮ่องเต้

ในตอนที่ซื่อหรงรับมือกับการลอบสังหาร เห็นได้ชัดว่านางผ่านร้อนผ่านหนาวกับเรื่องเช่นนี้มามาก บุกฝ่าสายลม พากลุ่มองครักษ์สกัดศัตรู อาศัยการโจมตีของธนูเปิดทาง ก่อนจะคุ้มกันฮ่องเต้เข้าไปหลบใต้ชายคาหลังหนึ่ง

มือธนูนั้นซุ่มอยู่บนหลังคา ยามนี้จึงไม่สามารถทำอะไรกับพวกเขาได้

หญิงสาวผู้นั้นก็ไม่หยุดพัก พลิกตัวกระโดดขึ้นไปบนหลังคา จับการกับมือธนูที่ซุ่มอยู่บนนั้นอย่างโหดเหี้ยม

หลี่รุ่ยเสียงที่ส่งสัญญาณลับแล้ว คล้อยหลังองครักษ์ลับของฮ่องเต้ก็ตามมา

มือธนูนับร้อยไหนเลยจะสามารถเป็นคู่ต่อสู้กับเครื่องจักรสังหารมนุษย์พวกนี้ได้ แทบไม่ต้องกังวลอะไรฝ่ายตรงข้ามก็พ่ายแพ้อย่างยับเยิน เลือดสดๆ ไหลลงมาจากร่องกระเบื้องด้านบน ชั่วพริบตาก็คล้ายกับมีฝนสีโลหิตตกลงมาทั่วท้องฟ้า

แม้จะเป็นคนที่เยือกเย็น แต่อย่างไรฉู่ซินรุ่ยก็ถูกเลี้ยงมาในครอบครัวราชนิกุล นับเป็นครั้งแรกที่ได้พบเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้ กระเพาะจึงบิดม้วนอย่างห้ามไม่ไหว อาเจียนออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน

“ท่านหญิง ไม่เป็นอันใดมากใช่ไหมเจ้าคะ?” ชิงเกอเข้าไปลูบหลังให้นางอย่างรีบร้อน

ฉู่ซินรุ่ยพยายามข่มความรู้สึกที่น่าสะอิดสะเอียนไว้ในใจ เมื่อเช็ดปากแล้วก็เงยศีรษะขึ้น มองเห็นเงาคนเคลื่อนไหวไปมาบนหลังคานั้นไกลๆ จู่ๆ ก็ปรากฏความรู้สึกคุ้นเคยบางอย่างขึ้นอย่างแปลกประหลาด เหมือนจะรู้สึกว่า…

เงาของร่างนั้นคล้ายกับจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

ชิงเกอเห็นนางเหม่อลอยก็หยั่งเชิงร้องเรียกนาง “ท่านหญิง? ท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ? หากไม่ไหวๆ จริง พวกเราไปที่อื่นก่อน ทางด้านนี้ปล่อยให้ท่านชายจัดการก็ได้นะเจ้าคะ”

ขณะที่พูดก็พยายามพยุงฉู่ซินรุ่ยเดินออกไป

“เดี๋ยวก่อน!” ฉู่ซินรุ่ยหยัดกายขึ้นตรง ก่อนจะสะบัดมือนางออกไป ประกายสายตามองไปที่เงาของซื่อหรงอยู่ไกลๆ ค่อยๆ กล่าวชัดทุกถ้อยทุกคำ “เจ้าไม่รู้สึกหรือว่าเงาด้านข้างของผู้หญิงคนนั้นดูคล้ายกับใครคนหนึ่ง?”

“หืม?” ชิงเกออึ้งไป เมื่อได้สติก็กวาดสายตามองไป

เพราะเงาด้านข้างของทั้งสองคนคล้ายกันเป็นอย่างมาก ดังนั้นแทบที่จะไม่ต้องคิดอะไรมาก คล้อยหลังชิงเกอก็อ้าปากค้างอย่างตกใจทันที กล่าวอย่างคาดไม่ถึง “ผู้นั้น…ผู้นั้น…”

หากไม่ใช่ว่าฉู่ซินรุ่ยอยู่ข้างกายนาง นางก็คงจะคิดว่าคนผู้นั้นเป็นเจ้านายของตนไปแล้ว!

แม้จะเป็นเพียงเงาด้านข้าง แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้คนเข้าใจผิดว่าเป็นตัวจริง

“ท่านหญิง…” ชิงเกอรู้สึกเป็นกังวล จึงร้องเรียกขึ้นมาสั้นๆ อีกครั้ง

ฉู่ซินรุ่ยมองเงาร่างของซื่อหรงไกลๆ ริมฝีปากก็กระตุกขึ้นอย่างเยียบเย็น…

ตรงหน้าของนางมีทางออกปรากฏขึ้นมาโดยพลัน แต่อย่างไรก็ยังมีวิธีอีกมากมาย

“ไปเถอะ ไปหาพี่ห้าว่าอยู่ที่ใดกัน” เมื่อฟื้นคืนท่าทีของตนขึ้นมาอย่างความรวดเร็วแล้ว นางก็รีบพาสาวใช้เดินจากไปราวกับไม่มีอะไรขึ้น

ช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้ ฉู่อี้เจี่ยนไปอยู่ที่ไหนกันแน่?

น่าแปลกประหลาด ใจของนางรู้สึกเป็นกังวลก็เพราะเรื่องนี้

ยามที่งานเลี้ยงวุ่นวายโกลาหลไปหมด สถานการณ์อีกด้านหนึ่งของริมน้ำก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไร

นางกำนัลและแม่นมของเต๋อเฟยถูกสังหารในที่เกิดเหตุไปสองคน แม้ว่าจะมีหลี่หลิน เจี่ยงลิ่วและเจี๋ยหง ผู้ที่มีฝีมือพึ่งพาได้ คอยพยายามช่วยเหลือคนออกไปบ้าง แต่ก็ยากที่จะเลี่ยงหลีกไม่ให้ใครเลือดตกยางออกในสถานการณ์แบบนี้เช่นกัน

มือธนูพวกนั้นเปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร เมื่อเห็นว่าโจมตีทางไกลไม่เป็นผล ก็คว้ามีดออกมาจู่โจม ถลาเข้ามาในทันที

พวกเต๋อเฟยและฮูหยินหลัวกั๋วกงล้วนแต่ได้รับบาดเจ็บกันประปราย ถูกจัดไว้ในที่ที่สามารถหลบซ่อนได้ง่าย

ศัตรูที่แข่งแกร่งอยู่ตรงหน้า พวกเจี่ยงลิ่วไม่อาจดูแลพวกนางได้อย่างทั่วถึง ค่อยๆ ชักดาบออกมาฟาดฟันกับศัตรู คนสองกลุ่มโรมรันกันในชั่วพริบตา การต่อสู้ก็ดุเดือดขึ้นมา

ฉู่ฉีเฟิงจากไปตั้งนานแล้ว เวลานี้จึงไม่พบร่องรอยแม้แต่น้อย ทว่าที่ที่พวกฉู่สวินหยางซ่อนตัวอยู่กลับไม่มีทางจะให้ถอย จึงจำใจต้องถลาเข้าไปปะทะกับศัตรูอย่างเต็มกำลังเท่านั้น

“มีคำสั่งจากเบื้องบนถ่ายทอดลงมา ฆ่าอย่าให้เหลือ!” เมื่อเห็นว่าพวกฉู่สวินหยางปรากฏตัวออกมา มือสังหารเหล่านั้นก็ฮึกเหิม กรูกันเข้ามาประหนึ่งฝูงผึ้งที่แตกรัง

พวกเขามีใจปรารถนาจะสังหารอยู่จริงๆ ไม่สนใจตำแหน่งฐานะของผู้ใดทั้งสิ้น พยายามอย่างสุดกำลังที่จะลงมือสังหารให้หมด

ไม่เพียงแต่ฉู่สวินหยางและฉู่ฉีเหยียน กระทั่งเฟิงเหลียนเซิ่งที่เป็นรัชทายาทแคว้นหนานฮวาก็ยังไม่ยอมปล่อยไป

เดิมทีฉู่สวินหยางก็คิดเพียงว่านี่เป็นแผนการทุ่มสุดตัวครั้งสุดท้ายของฉู่อี้เจี่ยน จนมาถึงเวลานี้ กลับใจสั่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ เตรียมพร้อมรับมืออย่างจริงจังมากขึ้น…

“เรื่องนี้มีปัญหา!” แย่งมีดด้วยมือเปล่ามาจากมือสังหารคนหนึ่งได้ ฉู่สวินหยางก็เบนศีรษะไปหาฉู่ฉีเหยียนที่หันหลังชนกับนางเพื่อรับมือกับศัตรู “พวกเขาไม่ได้ตัดสินใจที่จะไปตายเอาดาบหน้า แต่หากเรื่องไม่สำเร็จขึ้นมา ยามนี้ก็คงจะพยายามทำลายล้างพยานหลักฐาน ฆ่าคนปิดปากเป็นแน่!”

ในเมื่ออีกฝ่ายลงมือแล้ว ก็คงไม่อาจปล่อยให้พวกเขาถอนตัวไปได้ง่าย ย่อมต้องขัดขวางอย่างแน่นอน!