ตอนที่ 250 ลั่วเยาเซียน

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

หุบเขาหงส์ร่วงตั้งอยู่ทางตะวันตกของเมืองลั่วหยาง หุบเขาแห่งนี้สูงจากพื้นดินไม่มากนัก ด้านบนมีคฤหาสน์หลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ท่ามกลางทิวทัศน์อันงดงามนามว่า ‘คฤหาสน์หงส์ร่วง’

ในเวลานี้ที่ใจกลางของคฤหาสน์มีหญิงสาวพราวเสน่ห์คนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ที่เหมือนบัลลังก์  ขณะที่พื้นด้านล่างซึ่งอยู่ต่ำกว่ามีคนหลายคนที่ฉินอวี้โม่คุ้นหน้ายืนอยู่

คนเหล่านั้นก็คือจูฉีและบรรดาผู้ติดตามของเขา

หญิงสาวชุดแดงบนบัลลังก์มิใช่ใครอื่น แต่เป็นผู้นำแห่งหุบเขาหงส์ร่วง — ลั่วเยาเซียน

ลั่วเยาเซียนผู้นี้ถือเป็นคนที่มีชื่อเสียงไม่น้อยในละแวกนี้ เหตุผลก็ไม่ใช่เพราะพลังที่สูงส่งแต่เป็นเพราะรสนิยมในการแต่งตัว

แม้ว่าจะสวมใส่อาภรณ์ของสตรีอยู่ก็ตาม แต่แท้จริงแล้วคนผู้นี้คือบุรุษที่มีรูปลักษณ์งดงามอ่อนหวานคล้ายสตรี

ลั่วเยาเซียนมิเคยสนใจสายตาของผู้คน เขาชื่นชอบในการแต่งกายแบบสตรีเพศ ปกติแล้วนอกเหนือจากการแต่งกาย เขายังทำกิริยารวมถึงวิธีการพูดเหมือนผู้หญิงด้วย ยิ่งกว่านั้นชื่อของเขาก็เป็นชื่อที่มีความหมายออกไปทางผู้หญิงเช่นกัน ด้วยเหตุนี้จึงไม่แปลกที่คนผู้นี้จะเป็นที่รู้จักกันในแถบนี้

**落妖仙(ลั่วเยาเซียน) แปลว่า ‘ธิดามารล่วงลับ’

อย่างไรก็ตาม คนส่วนมากก็มักจะดูถูกเหยียดหยามเขาอยู่เสมอ ถึงอย่างไรเขาก็เป็นบุรุษเพศ การเอาอาภรณ์สตรีมาสวมใส่และยังทำกิริยาเหมือนสตรีเป็นสิ่งที่ชายอื่นไม่สามารถยอมรับได้

“ฮิ ๆ คุณชายจู ข้าช่วยท่านจับชาวบ้านจันทรามาตามที่ตกลงแล้ว หลังจากนี้ทุกอย่างจะเป็นไปตามแผน แต่คุณชายต้องอย่าลืมสัญญาที่ให้ไว้กับข้า”

ลั่วเยาเซียนกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เย้ายวน

หากไม่ใช่คนที่รู้จักคนผู้นี้หรือไม่มีสายตาที่เฉียบคมพอก็คงเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นสตรีโฉมงามเป็นแน่

“หัวหน้าลั่วไม่ต้องห่วง ข้าจูฉีเป็นคนถือสัจจะ ขอเพียงข้ากลับไปถึงบ้านแล้วแจ้งเรื่องนี้ให้ท่านพ่อทราบ หุบเขาหงส์ร่วงจะกลายเป็นพันธมิตรที่แน่นแฟ้นของเราทันที พวกเราขอสัญญาว่าจะช่วยพวกท่านรวมดินแดนในละแวกนี้ให้เป็นหนึ่ง ภายใต้การปกครองของหัวหน้าลั่ว”

จูฉีมองลั่วเยาเซียนพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม

กล่าวตามตรงแม้ก่อนจะมา เขาก็พอรู้เรื่องของบุรุษคล้ายสตรีตรงหน้ามาบ้างแล้ว แต่พอมาเจอจริง ๆ จูฉีก็ยังรู้สึกประหลาดใจอยู่ดี

ลั่วเยาเซียนงดงามสมคำร่ำลือและยังเป็นคนที่มีเสน่ห์อันเหลือล้นไม่แพ้สตรีจริง ๆ เลยแม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงฉินอวี้โม่ที่เขาเคยพบในป่าก่อนหน้านี้ ความรู้สึกอัศจรรย์ของจูฉีก็ลดน้อยลงไปกว่าครึ่ง

เพราะเมื่อเทียบกับฉินอวี้โม่แล้ว รัศมีความงามของลั่วเยาเซียนก็ดูหม่นหมองลงไปถนัดตา

“เป็นเช่นนั้นข้าก็เบาใจ”

ลั่วเยาเซียนหัวเราะออกมาก่อนจะกล่าวต่อว่า “ตอนนี้ชาวบ้านจันทราทั้งหมดอยู่ในมือเราแล้ว คุณชายจูมั่นใจแค่ไหนว่าฉินอวี้โม่จะกล้ามา ?”

ทันทีที่เสียงของเขาเงียบลงไป กลุ่มคนที่ถูกส่งออกไปให้แจ้งข่าวกับฉินอวี้โม่ก็กลับมาพอดี

“เป็นอย่างไรบ้าง พวกเจ้าพบฉินอวี้โม่หรือไม่ ?”

แม้จะเห็นว่าสีหน้าของคนที่กลับมาแต่ละคนดูไม่ดีนัก แต่ลั่วเยาเซียนก็ยังเอ่ยถามถึงเรื่องที่อยากรู้ออกไป

“นายท่าน พวกเราพบนางและทำภารกิจสำเร็จแล้วขอรับ”

ชายที่เป็นผู้นำกลุ่มพยักหน้าก่อนกล่าวตอบอย่างนอบน้อม

“แล้วคำตอบของนางล่ะ ?”

ทันทีที่ได้ยินคำตอบของลูกน้อง ลั่วเยาเซียนก็เผยรอยยิ้มยินดีออกมาและรีบถามต่อ

คนเหล่านี้ถือเป็นคนที่แข็งแกร่งมากในหุบเขาหงส์ร่วง การทำให้พวกเขามีสีหน้าที่ย่ำแย่ได้ถือเป็นเรื่องไม่ปกติ ลั่วเยาเซียนจึงอยากทราบว่าฉินอวี้โม่พูดอะไรกับพวกเขา

“นางบอกว่านางจะมา”

คนที่เป็นผู้นำกลุ่มกล่าวตอบไปตามตรง

“โอ้ ! คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่านางจะกล้าถึงเพียงนี้”

ลั่วเยาเซียนหัวเราะ เขารู้สึกสงสัยและสนใจเกี่ยวกับสตรีผู้นี้ขึ้นมาแล้ว นางเป็นคนแบบใดกันถึงทำให้จูฉีมาขอความช่วยเหลือจากเขาเพื่อแก้แค้น เป็นคนแบบใดกันที่รู้ว่ามีกับดักรออยู่แล้วก็ยังกล้ามา

ในระหว่างที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่นี้ ฉินอวี้โม่ก็มาถึงหน้าประตูทางเข้าหุบเขาหงส์ร่วงแล้ว

“แม่นางมาหาผู้ใด มีอะไรให้ข้าช่วยหรือไม่ ?”

เมื่อคนเฝ้าประตูเห็นฉินอวี้โม่ก็ตกตะลึงในความงามของนางเล็กน้อยพลางรีบกล่าวถามอย่างสุภาพ

น้ำเสียงของคนเฝ้าประตูดูอ่อนน้อมมาก ถึงอย่างไรต่อหน้าของสาวงามเช่นนี้ชายใดจะกล้าหยาบคายได้

“ข้ามาหาจูฉี”

ฉินอวี้โม่เอ่ยตอบเสียงเรียบนิ่งก่อนจะเดินตรงเข้าไปข้างในโดยไม่สนใจคนเฝ้าประตู

“จูฉี โผล่หัวออกมา!!!”

ทันทีที่เดินเข้ามาข้างใน ฉินอวี้โม่ก็ตะโกนออกไปโดยใช้พลังมายาช่วยขยายเสียงให้ได้ยินกันไปทั่ว ไม่ว่าใครในหุบเขาต่างก็ได้ยินนางทั้งสิ้น

ขณะที่จูฉีและลั่วเยาเซียนกำลังสนทนากันอยู่ก็ได้ยินเสียงของฉินอวี้โม่ ทั้งคู่ตกใจและหันมามองหน้ากันก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไป

ฉินอวี้โม่เรียกเสี่ยวเฮยออกมาทันที และให้มันพาบินขึ้นไปบนอากาศ

นางไม่ทราบว่าในตอนนี้ัจูฉีและลั่วเยาเซียนอยู่ที่ใด นางทำได้เพียงให้ตัวเองเป็นที่สังเกตเห็นและให้อีกฝ่ายออกมาหาเองเท่านั้น

ทันทีที่จูฉีและลั่วเยาเซียนเดินออกมาก็เห็นอาชาสีดำบินอยู่บนท้องฟ้า บนหลังของมันมีสตรีในชุดขาวดุจเทพธิดานั่งอยู่

เมื่อผู้คนในหุบเขาหงส์ร่วงได้ยินเสียงฉินอวี้โม่ พวกเขาก็รีบออกมาเพื่อดูเหตุการณ์

เมื่อเห็นฉินอวี้โม่อยู่บนท้องฟ้าพวกเขาก็อ้าปากค้างด้วยอาการตกตะลึง

มันเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นสตรีที่งดงามราวเทพเซียนเช่นนี้ แม้ว่าผู้นำของพวกเขาเองก็งดงามเช่นกันแต่เมื่อเทียบกันแล้วก็ยังดูห่างชั้นกันมาก

“เจ้าคือฉินอวี้โม่อย่างนั้นรึ ?”

ลั่วเยาเซียนก้าวออกมา เขาจ้องมองฉินอวี้โม่ด้วยสายตาไม่สบอารมณ์ก่อนจะกล่าวถาม

สิ่งที่เขาเกลียดมากที่สุดก็คือสตรีโฉมงาม

โดยเฉพาะสตรีอย่างฉินอวี้โม่ผู้นี้ ความงามของนางทำให้หญิงสาวทุกคนต้องอิจฉา ใบหน้าอันงดงามนั้นเป็นสิ่งที่ลั่วเยาเซียนอยากจะทำลายมันทิ้งเสียจริง ๆ

“เจ้าก็คงจะเป็นลั่วเยาเซียน ผู้นำของหุบเขาหงส์ร่วง”

ฉินอวี้โม่พยักหน้ารับ

ก่อนจะมาถึงที่นี่นางก็พอจะได้ข้อมูลมาบ้างว่าคนผู้นี้เป็นคนประเภทใด

นางอยากจะรู้เหลือเกินว่าชายที่ชอบแต่งตัวเป็นสตรีที่ทุกคนพูดถึงกันจะมีลักษณะเป็นเช่นไร

แม้แต่ในชีวิตก่อนของนาง ชายประเภทนี้ก็ไม่คอยเป็นที่ยอมรับกันในสังคมเท่าใดนัก ยิ่งในชีวิตนี้เกรงว่าคนประเภทนี้คงเป็นที่ดูถูกเหยียดหยามเป็นแน่

แต่พอได้มาเห็นลั่วเยาเซียนจริง ๆ นางก็ตกใจไม่น้อย

ลั่วเยาเซียนผู้นี้งดงามสมคำร่ำลือจริง ๆ ถ้าคนผู้นี้คือผู้หญิงจริง ๆ ก็ถือเป็นสตรีที่งดงามมากพอจะทำให้ผู้ชายยอมต่อสู้เพื่อแย่งชิงเลยทีเดียว

ยิ่งกว่านั้น ผู้คนยังบอกอีกว่าลั่วเยาเซียนผู้นี้เป็นคนที่คิดอะไรลึกซึ้งและเฉลียวฉลาด

ทันทีที่ได้พบ ฉินอวี้โม่ก็เชื่อในข่าวลือนั้น คนผู้นี้คงไม่ใช่คนธรรมดา แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร การกระทำของเขาเป็นสิ่งที่ไม่น่าให้อภัยเอาเสียเลย

“ชาวบ้านจันทราอยู่ที่ไหน ?”

ฉินอวี้โม่กล่าวถามเรื่องสำคัญ วันนี้ที่มาก็เพื่อช่วยชาวบ้านทุกคน เรื่องอื่นนางไม่สนใจ

ถ้าลั่วเยาเซียนยอมปล่อยคนออกมาแต่โดยดี ฉินอวี้โม่ก็คิดว่าจะให้เรื่องนี้ยุติลงโดยไม่เอาเรื่องอีกฝ่าย การทำเช่นนั้นถือเป็นผลดีกับนางด้วย การมาอยู่ในดินแดนต่างถิ่นเช่นนี้ หากทำตัวเป็นจุดเด่นเกินไปจะนำภัยร้ายมาสู่ตัวได้

“ไปพาพวกชาวบ้านออกมา”

ทันทีที่ได้ยินที่ฉินอวี้โม่พูด ลั่วเยาเซียนก็หัวเราะก่อนจะสั่งการคนของตัวเอง

ไม่นานนักก็มีชาวบ้านบางส่วนถูกปล่อยตัวออกมา ที่มือของพวกเขาถูกเชือกมัดเอาไว้

ภาพที่ปรากฏสู่สายตาของฉินอวี้โม่ก็คือภาพของหัวหน้าหมู่บ้านหลัวซิงที่มีใบหน้าอ่อนล้า กลิ่นอายของพลังดูเบาบางมาก และตามร่างกายก็ยังเห็นได้ว่ามีเลือดไหลออกมาด้วย

ด้านข้างเขาคือผู้อาวุโสหลิวที่มีใบหน้าซีดเซียว มุมปากของเขามีเลือดไหลและสภาพโดยรวมดูย่ำแย่มาก

ส่วนคนอื่น ๆ ก็มีสภาพไม่แตกต่างกันมากนัก มีร่องรอยแห่งความโกรธแค้นในแววตาของพวกเขาอย่างชัดเจน

เมื่อเห็นฉินอวี้โม่ ชาวหมู่บ้านจันทราก็ตกใจไม่น้อย คิ้วของหลัวซิงขมวดเข้าหากัน “แม่นางอวี้โม่รีบหนีไป!”

ไม่กี่วันก่อน คนจากหุบเขาหงส์ร่วงบุกมาที่หมู่บ้านและเข้าจู่โจมพวกเขาโดยที่พวกเขาไม่ทันได้ตั้งตัว

แม้ว่าหลัวซิงและผู้อาวุโสจะพยายามต้านสุดกำลังก็ยังไม่อาจต้านทานพลังที่ห่างชั้นกันได้ ด้วยเหตุนั้นทำให้ทุกคนในหมู่บ้านถูกจับ

หลังจากถูกจับตัวได้ อีกฝ่ายก็เอาแต่ถามถึงเรื่องของฉินอวี้โม่ แต่ก็ไม่มีผู้ใดในหมู่บ้านที่ยอมเปิดปากพูดอะไรเกี่ยวกับผู้มีพระคุณ

ฉินอวี้โม่เป็นผู้ที่ช่วยชีวิตทุกคนเอาไว้ แม้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นอาจจะมีนางเป็นต้นเหตุ แต่ก็ไม่มีใครนึกโกรธหรือถือโทษนาง

ในทางตรงข้าม พวกเขาหวังอยากจะให้ฉินอวี้โม่และเสี่ยวเหยียนหนีรอดไปได้และไม่ต้องกลับมาอีก

แม้จะได้ติดต่อหรือรู้จักกันไม่นาน แต่หลัวซิงก็รู้ดีว่าถ้าฉินอวี้โม่ทราบเรื่องนี้ นางจะต้องรีบมาช่วยโดยไม่ลังเลเป็นแน่

ต่อหน้าจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งจำนวนมากของหุบเขาหงส์ร่วง แม้ฉินอวี้โม่จะมีพรสวรรค์สูงเทียมฟ้าก็คงไม่อาจจะสู้ด้วยตัวคนเดียวได้

“ใช่ แม่นางรีบหนีไปเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเรา”

ชาวบ้านพากันตะโกนออกมา

พวกเขาพอจะคาดเดาเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้แล้ว เหตุผลที่อีกฝ่ายจับพวกเขาเอาไว้และยังไม่ทำอะไรก็เพื่อใช้ต่อรองกับฉินอวี้โม่

เดิมทีทุกคนคิดว่าฉินอวี้โม่คงไม่มาแน่และอยากให้เป็นเช่นนั้นมากกว่า แต่การที่นางมาปรากฏตัวที่นี่เป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาซึ้งใจมาก  แต่กระนั้นสีหน้าของทุกคนก็เต็มไปด้วยความกังวลเพราะถ้าเกิดอะไรที่ไม่ดีขึ้น จะไม่มีใครช่วยนางได้เลย

ถ้าฉินอวี้โม่เป็นอะไรไป พวกเขาจะไม่มีวันให้อภัยตัวเอง

เมื่อได้ยินสิ่งที่ชาวบ้านพูด ฉินอวี้โม่ก็อดยิ้มไม่ได้

คนเหล่านี้เป็นคนที่มีจิตใจดี แม้จะรู้ว่าที่ตัวเองถูกจับมาก็เพราะนาง ได้รับบาดเจ็บก็เพราะนาง แต่กลับไม่มีใครบ่นหรือต่อว่านางออกมาแม้แต่คำเดียว ตรงข้ามพวกเขากลับเป็นห่วงความปลอดภัยของนาง เรื่องนี้ทำให้ฉินอวี้โม่ซาบซึ้งจนไม่สามารถพรรณาออกมาเป็นคำพูดได้

“ที่พวกเจ้าต้องการตัวก็คือข้า ในเมื่อข้ามาที่นี่แล้วก็รีบปล่อยชาวบ้านไปเดี๋ยวนี้!”

ฉินอวี้โม่หันไปจ้องมองจูฉีและลั่วเยาเซียนพลางกล่าวด้วยเสียงที่ดุดัน น่าเกรงขามยากจะปฏิเสธ

เมื่อได้ยินเช่นนั้น จูฉีและลั่วเยาเซียนก็ชะงักไปชั่วครู่ก่อนที่พวกเขาจะหันมองหน้ากันแล้วพยักหน้า

วันนี้พวกเขาเตรียมการไว้หมดแล้ว ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ไม่เชื่อว่าฉินอวี้โม่จะหนีรอดไปได้

ทันทีที่ลั่วเยาเซียนปรบมือของตัวเอง ชาวบ้านจันทราทั้งหมดก็ได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระ

เมื่อเห็นชาวบ้านจันทรากำลังเดินมายังทิศทางที่นางอยู่ ฉินอวี้โม่ก็สั่งให้เสี่ยวเฮยร่อนลงบนพื้น

“แม่นางอวี้โม่ เจ้ารีบหนีไป เป้าหมายของพวกมันก็คือเจ้า อย่าห่วงพวกเราเลย”

แม้ว่าจะมีใบหน้าที่ซีดมาก แต่หลัวซิงก็ยังกล่าวอย่างหนักแน่น

“ท่านหัวหน้าหลัวซิงไม่จำเป็นต้องพูดแล้ว วันนี้ข้าจะช่วยพวกท่านออกไป”

ฉินอวี้โม่ส่ายศีรษะ นางรู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องการจะพูดอะไร

แต่ในเมื่อวันนี้นางกล้ามา นางย่อมเตรียมตัวมาพร้อมเช่นกัน

ลั่วเยาเซียนและจูฉีคิดจะเล่นไม้นี้กับนาง ฉินอวี้โม่ก็จะช่วยเล่นกับพวกเขาสักครั้ง

ต่อให้อีกฝ่ายทุ่มกำลังทั้งหมดเข้าสู้กับนางในวันนี้ นางก็ยังมั่นใจว่าจะสู้ได้โดยไม่เป็นรอง

ที่สำคัญ วันนี้นางจะต้องทำให้คนของหุบเขาหงส์ร่วงหวาดกลัวจนไม่กล้าบุกเข้าโจมตีหมู่บ้านจันทราอีก มิฉะนั้นแล้วปัญหาก็จะเกิดอย่างไม่รู้จบ

เมื่อได้ยินวาจาของฉินอวี้โม่ หลัวซิงก็ลังเลอยู่ชั่วครู่ทว่าก็ยังพยักหน้า

“ทุกคนไปกันเถอะ อย่าให้ตัวเองเป็นภาระของแม่นางอวี้โม่ !”

หลัวซิงหันไปสั่งการชาวบ้านทุกคนให้รีบออกจากหุบเขาหงส์ร่วงเพื่อไม่ให้เป็นตัวถ่วงของฉินอวี้โม่

.