หลังจากเข้าพิธีคำนับก็ถือว่าได้แต่งกันเรียบร้อยแล้ว ส่วนงานเลี้ยงฉลองที่จัดไว้ให้คนนอกได้เป็นสักขีพยาน จะบอกว่าเสี่ยวเชี่ยนไม่แคร์เลยก็ไม่ใช่ พูดได้แค่ว่าไม่ได้ให้ความสำคัญมาก
“ยังไงผมไม่ยอม!” ต้าหลงไม่ได้ฉลาดเหมือนเสี่ยวเชี่ยน
“แล้วนายเชื่อไหมว่าพี่เขยนายเวลานี้ก็ไม่อยากยอมเหมือนกัน? เขารู้สึกแย่ยิ่งกว่านายอีก!” เสี่ยวเชี่ยนตำหนิ
เกิดความเงียบขึ้นภายในห้อง
พอนึกถึงความจำเป็นของอวี๋หมิงหลาง ทุกคนก็ยอมรับคำพูดของเสี่ยวเชี่ยน
อวี๋หมิงหลางดูตื่นเต้นกับงานแต่งมากกว่าเสี่ยวเชี่ยนเสียอีก เขาอยากแต่งงานยิ่งกว่าใคร
เจี่ยซิ่วฟางเช็ดน้ำตาอย่างเงียบๆ “รักกันขนาดนี้ ทำไมพวกแกต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วยนะ?”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ก็แค่งานเลี้ยงขาดเจ้าบ่าวไปไม่ใช่เหรอ? ไม่มีเขาหนูก็ทำได้”
นี่เป็นเรื่องงานของเสี่ยวเฉียง ยิงธนูไปแล้วมีเหรอจะดึงกลับได้ ตอนนี้โกรธไปก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าไม่ไปงานไม่เท่ากับทำเสี่ยวเฉียงขายหน้าเหรอ?
“ผมไม่เข้าใจ ทำไมพี่ต้องปกป้องอวี๋หมิงหลางด้วย” ต้าหลงโมโหจนตอนนี้ไม่เรียกว่าพี่เขยแล้ว
“นายไม่เข้าใจว่าอะไรคืออำนาจ และก็ไม่เข้าใจว่าอะไรคือสามีภรรยา สามีภรรยาก็คือคนที่รวมกันเป็นคนๆเดียว ปกป้องผู้ชายของตัวเองก็เท่ากับปกป้องตัวเอง อย่าโกรธจนหน้ามืดตามัวโดยไม่สนผลที่ตามมา เฉินจื่อหลง เมื่อไรที่นายเข้าใจเรื่องพวกนี้ เมื่อนั้นก็แสดงว่านายโตแล้ว”
“เห้อ…” เจี่ยซิ่วฟางเช็ดน้ำตา ต้าหลงหุบปากสนิทไม่พูดอะไร
“ออกไปกันเถอะ ตอนนี้ถ้าพวกคุณไปเอาเรื่องพวกเขา ต่อไปเชี่ยนเอ๋อจะอยู่ในครอบครัวนั้นลำบาก” พ่อเลี่ยวที่อีคิวสูงพูดสรุป บวกกับท่าทีเอาจริงของเสี่ยวเชี่ยน เจี่ยซิ่วฟางทำได้แค่เช็ดน้ำตาแล้วฝืนยิ้ม ต้าหลงก็ไม่กล้าอารมณ์เสียอีก
พอออกจากห้องเสี่ยวเชี่ยนก็เห็นแม่สามีที่ทำหน้ารู้สึกผิด
“คือว่า เรื่องนี้ คือ…เสี่ยวเชี่ยนจ๊ะ พวกเราต้องขอโทษหนูด้วย พวกเราเองก็ไม่คิดว่าอยู่ๆเขาจะถูกเรียกตัวกลับไป แม่…”
แม่อวี๋รู้สึกผิดต่อลูกสะใภ้มากจริงๆ
“เรื่องเกิดขึ้นกะทันหันแบบนี้ไม่มีเวลามานั่งหาว่าใครถูกใครผิดหรอกค่ะ แม่ก็อย่าไปโมโหใส่พ่อเลยนะคะ วันมงคลพวกเราจะเป็นแบบนี้กันไม่ได้ ในเมื่อเข้าพิธีเสร็จแล้วเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ตอนนี้เรื่องที่เราควรทำก็คือรับมือกับงานเลี้ยงค่ะ”
“เห้อ! แม่รู้สึกผิดกับหนูจริงๆ…” เด็กคนนี้รู้จักกาลเทศะจริงๆ แถมยังปลอบใจเธอด้วย แม่อวี๋น้ำตาคลอ
“พวกผู้ใหญ่ต่างให้เกียรติมาร่วมงาน หมิงหลางถูกเรียกตัวไปแต่เราจะยกเลิกงานเลี้ยงไม่ได้ หนูไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ แล้วเราไปดื่มเหล้ามงคลที่โรงแรมกัน —- เพื่อนๆ ฉันขอเปลี่ยนชุด โปะเครื่องสำอางหน่อย แล้วเรามาถ่ายรูปกัน สามีฉันมีธุระต้องไปก่อน ไว้รอเขากลับมาพวกเราค่อยถ่ายรูปรวมนะ!”
ประธานเชี่ยนพูดออกมาแบบนั้นบรรดาเพื่อนๆของเธอก็เข้าใจ รีบแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น วิกฤติตรงหน้าได้คลี่คลายลงเพราะเสี่ยวเชี่ยน
เสี่ยวเชี่ยนลากสืออวี้เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย เสี่ยวเชี่ยนถอดชุดแต่งงานออกด้วยสีหน้าเรียบเฉย ชุดแต่งงานมีทั้งหมดสี่ชุดคือ ชุดเข้าพิธีคำนับ ชุดหงส์มังกรใช้ต้อนรับญาติๆตระกูลอวี๋ ชุดกี่เพ้าไว้ใส่ถ่ายรูปกับเพื่อนสนิท และชุดสุดท้ายใส่ไปงานเลี้ยงฉลอง
เธออยากให้อวี๋หมิงหลางเห็นหน้าเธอในชุดแต่งงานมาก แต่เขากลับไม่เปิดผ้าคลุมก่อนออกไป เธอจึงต้องจำใจเปลี่ยนไปใส่ชุดกี่เพ้าแล้วออกไปถ่ายรูปกับเพื่อนๆ ในใจจะไม่รู้สึกเสียดายก็คงแปลก
“ดูทำหน้าเข้า” เสี่ยวเชี่ยนให้สืออวี้ช่วยเปลี่ยนชุดพลางถามขึ้น
“ก็ฉันเสียดายแทนเธอ…” ในฐานะที่สืออวี้เป็นเพื่อนซี้ปึ้กกับประธานเชี่ยน จะไม่ให้เธอไม่รู้สึกอะไรเลยได้ยังไง?
“ขนาดเธอยังเสียดายแล้วคิดว่าเขาไม่เสียดายเหรอ?” เสี่ยวเชี่ยนมองไปนอกหน้าต่าง ไม่รู้ว่าเวลานี้อวี๋หมิงหลางจะเสียสมาธิหรือเปล่า
สืออวี้มองใบหน้าด้านข้างที่ถูกแต่งหน้าอย่างประณีตของเสี่ยวเชี่ยนก็รู้สึกเหมือนตัวเองเห็นนางฟ้าในโลกมนุษย์
เทพต่างกับมนุษย์ตรงที่เทพอดทนได้ แต่มนุษย์อดทนไม่ได้ ส่วนในใจของเทพนั้นจะทุกข์เป็นหรือเปล่า คงมีแค่เสี่ยวเชี่ยนที่รู้
เสี่ยวเชี่ยนเลือกเส้นทางที่ไว้หน้าตระกูลอวี๋ และให้เกียรติอวี๋หมิงหลางที่สุด
ระหว่างทางไปโรงแรม เจี่ยซิ่วฟางถามพ่อเลี่ยว
“เชี่ยนเอ๋อของเรายอมพวกเขาขนาดนี้ ทางนั้นจะลดคุณค่าในตัวของเชี่ยนเอ๋อหรือเปล่า แล้วแขกคนอื่นจะดูถูกเชี่ยนเอ๋อไหมที่เชี่ยนเอ๋อดูยังจัดงานแต่งต่อ?”
พ่อเลี่ยวส่ายหน้า “ไม่หรอก สถานะของเชี่ยนเอ๋อในตระกูลอวี๋คุณก็น่าจะเห็นแล้ว ยิ่งตอนนี้เชี่ยนเอ๋อทำตัวนิ่งให้มากเท่าไร ก็จะยิ่งเป็นผลดี”
ยังไงพ่อเลี่ยวก็เป็นคนมองการณ์ไกล ต่างกับเจี่ยซิ่วฟาง
ถึงเจี่ยซิ่วฟางจะทำเงินได้จากการรื้อถอนซากก่อสร้างมามากด้วยความคุ้มครองของพี่ใหญ่ แต่ความคิดก็ยังเหมือนผู้หญิงบ้านนอกการศึกษาน้อยอยู่ดี
เธอไม่รู้ว่าวันนี้คนที่มาร่วมงานแต่งไม่ใช่คนบ้านนอกทั่วไป การที่เสี่ยวเชี่ยนทำแบบนั้นย่อมมีเหตุผลของตัวเอง
งานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสงานนี้มีความพิเศษตรงที่เจ้าบ่าวไม่อยู่ ทำให้ดูแตกต่างออกไป แต่เจ้าสาวก็ยังดูแลงานได้ดี คอยต้อนรับแขกร่วมกับคนในตระกูลอวี๋ คนที่มางานล้วนเป็นผู้ใหญ่ที่พบเจอโลกมาเยอะ แต่ละคนมีความคิดต่อเจ้าสาวแตกต่างกันออกไป
บ้างก็คิดว่าเจ้าสาวเห็นแก่ฐานะของตระกูลอวี๋ที่ร่ำรวยมาก
บ้างก็คิดว่าเจ้าสาวกำลังปกป้องเกียรติของอวี๋หมิงหลาง นี่คือรักแท้
แต่ไม่ว่าจะแบบไหน ทุกคนต่างคิดเหมือนกันว่าเจ้าสาวคนนี้ไม่ธรรมดา อายุเท่านี้แต่รู้จักวางตัว ไม่แสดงออกว่าไม่พอใจเลยแม้แต่นิดเดียว วางตัวได้ไร้ที่ติ
บรรดาญาติๆของตระกูลอวี๋ที่มาจากต่างเมืองรู้สึกนับถือเสี่ยวเชี่ยนขึ้นมาทันที การที่พ่ออวี๋แม่อวี๋ให้ความสำคัญกับเสี่ยวเชี่ยนยังไม่เท่าไร สิ่งสำคัญที่สุดคือ ลูกสาวคนเดียวของบ้านนี้ที่ขึ้นชื่อว่าเอาใจยากที่สุดกลับคอยเดินตามน้องสะใภ้ต้อยๆ ใครๆต่างรู้ว่าอวี๋หมิงซีเอาแต่ใจแค่ไหน คิดกันมาตลอดว่าไม่ถูกกับเสี่ยวเชี่ยน
แต่ไม่เลย
โต๊ะของบรรดาเพื่อนวัยเด็กของอวี๋หมิงหลางบางคนเคยเจอเสี่ยวเชี่ยน บางคนก็ไม่เคยเจอ แต่ผู้หญิงที่สามารถวางตัวได้ดีในสถานการณ์ที่ไม่มีเจ้าบ่าวอยู่ด้วยนี้ ก็ควรค่าให้ทุกคนเรียกว่าสะใภ้เล็กแล้ว
ผู้บัญชาการที่คราวก่อนได้วิดีโอคอลกับเสี่ยวเชี่ยนก็มาด้วย นั่งโต๊ะเดียวกับพ่ออวี๋ วันนี้มาในชุดลำลอง เสี่ยวเชี่ยนรู้ว่าถึงยศของคนๆนี้จะไม่ได้สูงไปกว่าพ่อสามีของเธอ แต่เรื่องระดับนั้นต่างกัน อำนาจที่อยู่ในมือมีเยอะกว่า และที่สำคัญยิ่งกว่าคือ นี่คือผู้บัญชาการของอวี๋หมิงหลาง
พอยกเหล้ามาถึงโต๊ะนี้ ผู้บัญชาการก็เรียกให้เสี่ยวเชี่ยนนั่งลง พ่ออวี๋ก็อยู่ด้วย
“เสี่ยวเชี่ยน ท่าทีของเธอมันเหนือความคาดหมายมากเลยนะ ดูจากคราวที่แล้วที่เราคุยกัน ฉันคิดว่าเธอจะฉีกเนื้อฉันเป็นชิ้นๆเสียอีก” ผู้บัญชาการไม่ได้แต่งเครื่องแบบ พูดจาก็เป็นกันเอง พูดเชิงติดตลก
“จะทำแบบนั้นได้ไงล่ะคะ หมิงหลางมีหน้าที่ของตัวเอง หนูต้องเข้าใจเรื่องงานของเขาค่ะ” คำพูดนี้ของเสี่ยวเชี่ยนพูดอย่างเป็นทางการมาก
ถ้าผู้บัญชาการไม่ได้เจอโหมดต้มตุ๋น ‘ติดสินบนแบบมีชั้นเชิง’’ ของเสี่ยวเชี่ยนมาก่อนหน้านี้ ก็เกือบเชื่อแล้วว่าเธอพูดจากใจจริง
เสี่ยวเชี่ยนยิ้มหวานให้ มีมาดตามแบบฉบับของสะใภ้ทหาร แต่ผู้บัญชาการกลับรู้สึกว่ายิ้มนี้ช่างน่ากลัว
“อันที่จริงเรื่องในวันนี้ก็ไม่ควรเรียกOneไปหรอก”
เรื่องสั่งอวี๋หมิงหลางให้ไปจับคนเป็นการตัดสินใจของหัวหน้าอวี๋หมิงหลางอีกที ผู้บัญชาการตำแหน่งสูงกว่านั้นจึงไม่จำเป็นต้องลงมือเอง
ระหว่างทางที่เขานั่งรถมาเมืองQถึงได้รู้ว่าวันนี้อวี๋หมิงหลางถูกเรียกตัวไปเร่งด่วน
ตอนนั้นในใจของเขาก็สับสน
เขาอยากให้เลี้ยวรถกลับไปมาก เพราะคราวก่อนเสี่ยวเชี่ยนช่วยแก้ปัญหายังไง สีหน้าตอนที่เธอพูดว่า ‘ติดสินบนแบบมีชั้นเชิง’ เขารู้ดีแก่ใจ
คราวก่อนเสี่ยวเชี่ยนมาช่วยงาน เธอทิ้งคำพูดไว้ให้คิดว่าตัวเองไม่ได้ช่วยเปล่า ให้จำไว้ว่าติดค้างน้ำใจเธออยู่
ครั้งนี้ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาเรียกตัวOneกลับไปในวันมงคล เสี่ยวเชี่ยนมีนิสัยไม่ยอมคนมีเหรอจะปล่อยเขาไป?