บทที่ 18 หวงยี่เฟย[รีไรท์] EnjoyBook
บทที่ 18 หวงยี่เฟย[รีไรท์]
นักหลอมโอสถเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่หายากยิ่งในทวีปเทียนหยวน โดยเฉพาะหากอยู่ในระดับปรมาจารย์ยิ่งเป็นตัวตนที่ถูกหมายปองจากเหล่าอาณาจักรมหาอำนาจทั้งหลาย
ไม่ว่าจะเป็นตระกูลหรืออำนาจขั้วไหนก็ตามเพื่อที่จะได้รับความโปรดปรานจากปรมาจารย์หลอมโอสถแล้วล่ะก็ พวกเขาแม้กระทั่งพยายามเอาอกเอาใจให้ความสำคัญเทียบเท่ากับบรรพบุรุษของพวกเขาเลยด้วยซ้ำ!
หนึ่งในความสามารถที่สำคัญของปรมาจารย์หลอมโอสถก็คือความสามารถในการหลอมเม็ดโอสถที่ใช้ในการทะลวงขอบเขตรวมแสงดารา แม้ว่าโอสถดาราประสานจะเป็นโอสถที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานทะเลปราณใช้กัน แต่มูลค่าของมันไม่ได้ด้อยไปกว่าโอสถที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราใช้เลย
หลิงตู้ฉิงรู้วิธีหลอมโอสถชนิดนี้จริงหรือ?
นี่เขาไม่ใช่แค่ผู้ดีเก่าตกอับที่รับเลี้ยงเด็กกำพร้ามาเกือบโหลเท่านั้นเหรอ? ที่สำคัญก่อนหน้านี้แม้แต่การบ่มเพาะพลังเขาก็ยังไม่สามารถทำได้ เขาก็แค่คนที่พึ่งจะมาเริ่มบ่มเพาะได้ไม่นานมานี้เองนี่นา?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ มี่ไลก็ถามอย่างขัดแย้งในใจ “ท่านหลิง ตามความเข้าใจของข้าท่านนั้นอาศัยอยู่แต่ในเมืองฟินิกซ์เท่านั้นไม่ใช่เหรอ? แล้วท่านได้ไปเรียนรู้การหลอมโอสถชนิดนี้มาจากที่ไหนกัน?”
หลิงตู้ฉิงพูดว่า “เจ้าเคยได้ยินเรื่องราวของจั๊กจั่นเหมันต์ไหม? จริง ๆ แล้วไม่ใช่ว่าข้าไม่รู้วิธีบ่มเพาะ แต่ก่อนหน้านี้ข้าได้มีโอกาสฝึกฝนเคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ที่มหัศจรรย์มาก
คนทั่วไปสามารถบ่มเพาะได้เมื่ออายุ 7 ขวบ แต่เคล็ดวิชาอันศักดิ์สิทธิ์ของข้ากว่าที่จะฝึกฝนได้ต้องมีอายุ 25 ปีขึ้นไปเท่านั้น ส่วนทักษะการหลอมโอสถของข้านั้นก็มาจากความมหัศจรรย์ของเคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ที่ข้าบรรลุมา เอาล่ะ ตอนนี้เจ้าเริ่มนอกประเด็นไปไกลแล้ว ตอนนี้เรากำลังพูดถึงความร่วมมือทางการค้า ไม่ใช่เทคนิคการฝึกฝนของข้า”
มี่ไลนวดขมับ นางรู้สึกเหนื่อยมากเมื่อต้องรับมือกับหลิงตู้ฉิง
มีหลายอย่างเกี่ยวกับเขาที่นางไม่เข้าใจเลย อย่างไรก็ตามเมื่อดูท่าทีที่จริงจังของหลิงตู้ฉิงดูเหมือนว่าเขาจะไม่โกหก
นางเริ่มไม่แน่ใจว่าควรจะเชื่อเขาหรือไม่
“เอาแบบนี้เป็นไง ท่านหลิงข้าไม่มีทางที่จะพิสูจน์สิ่งที่ท่านกล่าวอ้างมามากมาย แต่ท่านได้กล่าวมาว่าตราบใดที่ท่านมีสูตรโอสถผสานลมปราณหรือสูตรโอสถบำรุงลมปราณ ท่านบอกว่าท่านจะสามารถหลอมมันได้ เผอิญทางเรามีสูตรโอสถทั้งสองอยู่พอดี หากท่านหลิงไม่รังเกียจ ข้าเสนอให้ท่านหลอมพวกมันออกมาก่อน ตราบใดที่ท่านสามารถหลอมโอสถทั้งสองนี้ได้เราจะร่วมมือกับท่านทันที” มี่ไลเสนอ
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และพูดว่า “ไม่มีปัญหา เตรียมทุกอย่างมาให้พร้อมตอนนี้เลย ข้ายังต้องรีบกลับเรือนเพื่อไปดูแลบรรดาบุตรของข้าหลังจากคุยกับเจ้าเสร็จอีก!
เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงตอบตกลง มี่ไลจึงหยิบอุปกรณ์สื่อสารของนางออกมาทันทีและสั่งให้อาจารย์หลอมโอสถประจำตระกูลออกมา
ไม่นานหลังจากนั้นชายชราที่มีผมเผ้ายุ่งเหยิงก็เดินเข้ามา
ชายชราผู้นี้มีกลิ่นฉุนของสมุนไพรตลบอบอวนอยู่รอบกาย ในผมอันยุ่งเหยิงของเขายังมีเศษของสมุนไพรต่าง ๆ ติดอยู่ทั่วผมอันยุ่งเหยิง
“คุณหนูใหญ่มีอะไรงั้นหรือ?” ชายชราถามอย่างงุนงง
“นี่คือแขกรับเชิญอาวุโสและยังเป็นอาจารย์หลอมโอสถที่เก่งที่สุดของตระกูลข้า ชื่อของเขาคือหวงยี่เฟย หรือท่านสามารถเรียกเขาได้ว่าอาจารย์หวง” มี่ไลได้แนะนำหวงยี่เฟยให้กับหลิงตู้ฉิง
เมื่อพูดกับหลิงตู้ฉิงจบ มี่ไลจึงหันมากล่าวกับหวงยี่เฟยต่อ “อาจารย์หวง ท่านหลิงผู้นี้จะพิสูจน์ความสามารถของตัวเขาเองโดยการหลอมโอสถผสานลมปราณและโอสถบำรุงลมปราณ ด้วยเหตุนี้นอกเหนือจากท่านก็ไม่มีใครในตระกูลของเราที่รู้วิธีแยกแยะความแตกต่างระหว่างระดับของเม็ดโอสถแต่ละชนิด ดังนั้นข้าจึงต้องขอความช่วยเหลือจากท่านเพื่อแยกแยะความแตกต่าง”
หวงยี่เฟยกลอกตามองหลิงตู้ฉิง และถามว่า “ใครคืออาจารย์ของเจ้า?”
หลิงตู้ฉิงหน้ามุ่ย “ข้าเรียนรู้ด้วยตนเอง!”
แม้ว่าหลิงตู้ฉิงจะไม่เคยศึกษาเต๋าแห่งโอสถมาก่อนในชาตินี้ แต่ถ้าพูดถึงตัวตนเก่าของเขาในชาติที่แล้วนั้นแม้แต่เทพโอสถยังต้องมากราบกรานขอคำชี้แนะจากเขา
“ศึกษาด้วยตนเอง?” หวงยี่เฟยเบะปากยื่นและพูดว่า “ถ้าการศึกษาด้วยตนเองสามารถช่วยให้เป็นปรมาจารย์ได้ แล้วองค์ความรู้ที่สืบทอดต่อกันมาจะไปมีความสำคัญอะไร คุณหนูใหญ่ ข้าคิดว่าท่านคงไม่จำเป็นที่จะต้องพิสูจน์อะไรกับคนผู้นี้”
มี่ไลมองหลิงตู้ฉิงอย่างมีความหมายและพูดว่า “ท่านหลิง…”
หลิงตู้ฉิงโบกมือหยุดมี่ไลไม่ให้พูดต่อ จากนั้นเขาก็ถามหวงยี่เฟยว่า “เจ้ามีกลิ่นของหญ้ามัจฉามังกรอยู่บนตัวและหญ้ามัจฉามังกรเป็นส่วนผสมหลักของโอสถดาราประสาน หากข้าเดาไม่ผิดเจ้าน่าจะกำลังค้นคว้าเกี่ยวกับโอสถดาราประสานอยู่ใช่ไหม?”
“เรื่องนี้มีอะไรแปลก?” หวงยี่เฟยกลอกตา “กลิ่นของหญ้ามัจฉามังกรนั้นแรงมากและใคร ๆ ก็รู้ว่าหญ้ามัจฉามังกรเป็นส่วนผสมหลักของโอสถดาราประสาน มีอะไรที่มันเป็นความลับกัน?”
หลิงตู้ฉิงคว้าร่างของหวงยี่เฟย ดูเหมือนจะเอาอะไรออกมาจากตัวเขา จากนั้นก็สูดดมแล้วส่ายหัว “แม้ว่าเจ้าจะศึกษามันอีกร้อยปี เจ้าก็ไม่สามารถหลอมโอสถดาราประสานออกมาได้หรอก!”
“ปริมาณที่เจ้าใช้หญ้ามัจฉามังกรนั้นมากกว่าสองเท่าของปริมาณที่ใช้ในการหลอมโอสถดาราประสาน ต่อให้เจ้าใส่หญ้ามัจฉามังกรมากขึ้นก็ไม่ได้ทำให้เจ้าหลอมมันได้ง่ายขึ้นหรอก โอสถชนิดนี้ต้องอาศัยรูปแบบการเรียงตัวของกลุ่มดวงดาวเพื่อที่ขึ้นรูปมาเป็นเม็ดยาได้ แต่นี่เจ้ากลับผสมสมุนไพรอื่นลงไปมั่วซั่วไปหมด!”
“และเถาวัลย์โลหิต! เจ้าไม่ควรนำเถาวัลย์โลหิตมาเป็นส่วนผสม นอกจากจะเป็นอันตรายต่อคุณสมบัติทางยาของหญ้ามัจฉามังกรแล้วยังทำให้โอสถดาราประสานมีพิษอีกต่างหาก”
“สูตรยาของเจ้ามันล้มเหลว!”
“เจ้าทำพลาดมากมายขนาดนี้แล้วเจ้ายังต้องการที่จะหลอมโอสถดาราประสานอีกงั้นหรือ? ต่อให้เจ้าหลอมมันออกมามากเท่าไหร่มันก็มีแต่ความล้มเหลวมากเท่านั้น!”
มี่ไลมองดูหลิงตู้ฉิงด้วยความงุนงง ถึงแม้นางจะไม่รู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับการหลอมโอสถ แต่ทำไมน้ำเสียงคำพูดของชายผู้นี้มันจึงดูมั่นใจมากราวกับว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นล้วนถูกต้องทุกอย่าง เพียงแค่สูดดมกลิ่นของสมุนไพรในอากาศเขาก็สามารถแยกแยะให้เห็นปัญหามากมายของ หวงยี่เฟยได้จริงงั้นหรือ? หรือว่ามันจะเป็นเรื่องจริงที่ว่าเขาเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถ?
นางรีบมองไปยังหวงยี่เฟย เพราะนางไม่รู้ว่าคำพูดของหลิงตู้ฉิงนั้นจริงหรือไม่ ดังนั้นนางจึงสังเกตอาการของหวงยี่เฟยในการตัดสินเท่านั้นว่ามันถูกต้องรึเปล่า
ในขณะนี้ หวงยี่เฟยที่ได้ฟังหลิงตู้ฉิงพูดจนจบ เขาตัวสั่นชี้นิ้วไปที่หลิงตู้ฉิงและอ้าปากค้างอยู่เป็นเวลานาน
เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก ประโยคแรกที่ออกมาจากปากของหวงยี่เฟยก็หลุดออกมา “เจ้า เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้! สามพันปีมาแล้วบรรพบุรุษเทพโอสถ เหยาเจิ้นเฟย ได้ปรับปรุงสูตรโอสถดาราประสานขึ้นมาด้วยตนเองเป็นการส่วนตัว เขาเป็นผู้ชี้นำทางสว่างให้แก่บรรดาปรมาจารย์รุ่นหลังหลาย ๆ คนให้สามารถหลอมโอสถชนิดนี้สำเร็จ!”
“ท่านเทพโอสถยังมีส่วนช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญนับไม่ถ้วนก้าวเข้าสู่ขอบเขตรวมแสงดารา และยังมีอีกมากที่ทะลวงไปได้ถึงขอบเขตนภา แต่ตอนนี้เจ้ากลับดูหมิ่นเขา หาว่าสูตรโอสถของเขานี้คือความล้มเหลวงั้นเหรอ!? คนสามหาวอย่างเจ้าไม่คู่ควรกับการเป็นนักหลอมยา!”
หลิงตู้ฉิงเมื่อได้ยินเช่นนั้นเขารู้สึกงุนงง ไอ้คนที่คิดสูตรยาที่ล้มเหลวผู้นั้นมันนรกอะไรกันที่บังอาจเรียกตัวเองว่าเทพโอสถ?
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและพูดขึ้น “ถูกต้องหากมองโดยผิวเผินแล้ว สูตรโอสถที่เจ้ากำลังศึกษาอยู่นั้นถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้ง่ายต่อการหลอมยิ่งขึ้น แต่มันจะมีประโยชน์อะไรกันหากสูตรที่เจ้าใช้อยู่นั้นต่อให้หลอมโอสดาราประสานออกมาได้สำเร็จแต่ระดับความบริสุทธิ์นั้นอยู่ในระดับต่ำเตี้ยเรี่ยดิน?”
“ไม่ใช่ทุกคนที่มีคุณสมบัติในการปรับปรุงสูตรของโอสถโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ไม่มีความรู้เพียงพอ หากไม่มีความสามารถที่เพียงพอวิธีที่ถูกต้องที่สุดในการหลอมโอสถคือหลอมตามสูตรที่มีมาตั้งแต่แรกเริ่ม ไม่ใช่ไปปรับแต่งสูตรให้โอสถคุณภาพต่ำลงแต่หลอมง่ายขึ้น! เฮ้อ…เจ้าเองก็ดูไม่ใช่คนที่พึ่งศึกษาเรื่องโอสถมาไม่กี่ปี แต่ทำไมเรื่องแค่นี้เจ้าถึงกลับไม่เข้าใจมันได้กัน”
หวงยี่เฟยคำรามอย่างดุเดือด “ความสามารถเท่าห่างอึ่งเช่นเจ้า กล้าดียังไงที่มาตั้งคำถามสงสัยถึงความสามารถของท่านเทพโอสถ ตัวเจ้าเองสามารถหลอมโอสถได้ถึงแค่ระดับไหนกัน?”
“ที่ข้ากล้าพูด นั่นก็เป็นเพราะว่าข้าเก่งกว่าไอ้เทพโอสถอะไรนั่นของเจ้ายังไงล่ะ!” หลิงตู้ฉิงตอบกลับขัดจังหวะหวงยี่เฟย
หวงยี่เฟยโมโหและตะโกนว่า “เหอะ! ถ้าเจ้ามีความสามารถจริง ไม่ได้มีดีแค่ลมปาก เอาอย่างนี้ไหมล่ะ เจ้าจงหลอมโอสถดาราประสานให้ข้าดูเป็นไง?”
“แน่นอนข้าจะหลอมให้เจ้าดู!” หลิงตู้ฉิงขัดจังหวะหวงยี่เฟยอีกครั้งด้วยรอยยิ้ม