บทที่ 19 ระยิบระยับ[รีไรท์]

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

บทที่ 19 ระยิบระยับ[รีไรท์] EnjoyBook

บทที่ 19 ระยิบระยับ[รีไรท์]

เมื่อมี่ไลได้ยินพวกเขาสองคนโต้เถียงกัน นางก็เริ่มสับสนทันที

ตอนนี้นางไม่รู้ว่าจะเชื่อใครอีกต่อไป

หวงยี่เฟยเป็นถึงแขกรับเชิญอาวุโสของตระกูลและยังเป็นอาจารย์หลอมโอสถที่มีชื่อเสียงมานาน ตัวตนของเขาเป็นที่รู้จักกันดีในอาณาจักรจันทรา ในแง่ของชื่อเสียงและผลงานนางควรจะไว้วางใจหวงยี่เฟย แต่การแสดงออกอย่างมั่นใจของหลิงตู้ฉิงทำให้นางเองก็ไม่อาจมองข้ามไปได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตามนางไม่รู้วิธีหลอมโอสถดังนั้นนางจึงไม่แน่ใจ! ตอนนี้นางจึงทำได้เพียงหวังว่าทั้งสองคนจะสามารถหาวิธีของพวกเขาเองมาพิสูจน์ความสามารถของกันและกัน

ในเวลานี้เมื่อหวงยี่เฟยได้ยินว่าหลิงตู้ฉิงยืนยันว่าเขาสามารถหลอมโอสถดาราประสานได้ หวงยี่เฟยก็คำราม “เจ้าสารเลวโง่ เจ้าพูดว่าเจ้าสามารถหลอมได้งั้นหรือ? ได้! งั้นข้าจะให้เจ้าพิสูจน์มันออกมา ข้าอยากจะเห็นความสามารถของเจ้าจริง ๆ ว่ามันจะดีเหมือนปากของเจ้าที่พ่นแต่คำไร้สาระออกมามากมายได้จริงหรือเปล่า!”

หลิงตู้ฉิงมองเขาแล้วพูดว่า “สรุปแล้วเจ้าไม่เชื่อข้างั้นสินะ งั้นเจ้าก็รีบไปนำส่วนผสมที่เจ้ามี เอามาให้ข้า แล้วข้าจะได้ทำให้เจ้าดู!”

หวงยี่เฟยจ้องมองหลิงตู้ฉิงอย่างดุร้าย จากนั้นเขาก็หันกลับและรีบเดินจากไป!

“อาจารย์หวง อย่าโกรธไปเลย…” มี่ไลทำได้แค่เพียงโน้มน้าวเขา อย่างไรก็ตาม หวงยี่เฟยผู้โกรธแค้นไม่สนใจนางและเดินออกจากห้องทำงานนางไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อมองไปยังหวงยี่เฟยที่ออกจากห้องไปอย่างโกรธเกรี้ยว มี่ไลหันกลับมาที่หลิงตู้ฉิงและถอนหายใจ “ท่านหลิง ข้าเสียใจ แต่ข้าเกรงว่าข้าคงไม่สามารถร่วมงานกับท่านได้ ข้าจนปัญญาที่จะพิสูจน์ความสามารถของท่าน ประกอบกับที่ท่านทำให้อาจารย์หวง…เห้อ…ในตอนนี้บรรดาบุตรของท่านคงกำลังรอท่านกลับไปที่เรือนของท่านอยู่ ข้าคิดว่าท่านควรจะรีบกลับไปดูแลพวกเขาก่อนจะดีกว่า”

หลิงตู้ฉิงโบกมือแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรไหน ๆ ข้าก็มาที่นี่แล้ว หากข้าจะอยู่รอต่อไปอีกสักหน่อยคงจะไม่เป็นไร!”

มี่ไลได้แต่สาปแช่งอยู่ในใจ ความหมายแฝงของคำที่นางกล่าวคือต้องการไล่ให้หลิงตู้ฉิงจากไป

ในด้านความสำคัญนางต้องเลือกไว้หน้าอาจารย์หวงเอาไว้ก่อน เพราะนางยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าหลิงตู้ฉิงนั้นมีความสามารถมากพออย่างที่เขาพูดไว้หรือเปล่า

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าหลิงตู้ฉิงจะไม่เข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของนาง เขานั่งไขว้ขาอย่างสบาย ๆ

อันที่จริง หลิงตู้ฉิงจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าคำพูดของมี่ไลมีความหมายอื่นแฝงอยู่? ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เขาอาจจะหันหลังกลับและจากไป

แต่ตอนนี้เมื่อเหตุการณ์มันเลยเถิดมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาไม่สามารถจากไปเช่นนี้ได้!

ในขณะที่หวงยี่เฟยจากไปด้วยความโกรธ หลิงตู้ฉิงมองเห็นแววตาท้าทายบนใบหน้าของหวงยี่เฟยแน่นอนว่าตอนนี้เขาต้องรอให้ชายชราผู้นั้นกลับมาก่อน จากนั้นเขาต้องใช้โอกาสนี้พิสูจน์ให้มี่ไลเห็นว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นถูกต้อง มิฉะนั้นแผนที่เขาตั้งใจว่าจะร่วมมือทำการค้ากับตระกูลมี่คงล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า

มี่ไลมองไปยังหลิงตู้ฉิงที่ดูผ่อนคลายอย่างพูดไม่ออก ในใจนางทั้งโมโหและสงสัยผสมปนเปกันไป นางอยากจะรู้ว่าหลิงตู้ฉิงต้องการจะทำอะไร

ไม่นานหลังจากนั้น หวงยี่เฟยก็กลับมาพร้อมกับแบกเตาหลอมขนาดใหญ่ไว้ในอ้อมแขน เมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้หลิงตู้ฉิง เขาก็โยนเตาหลอมโอสถไปที่ด้านข้างของห้องอย่างหนักหน่วงและวาดเครื่องหมายลงบนพื้นหินอ่อนกลางห้องทำงานมี่ไล หลังจากนั้นเขาก็ขว้างสมุนไพรอีกกองหนึ่งออกมา

“ข้าจะให้เจ้ายืมเตาหลอมและสมุนไพรแก่เจ้า” หวงยี่เฟยพูดด้วยความโกรธ “แต่ถ้าในวันนี้เจ้าหลอมโอสถดาราประสานไม่สำเร็จ เจ้าต้องสาบานต่อหน้าของชื่อเทพโอสถว่าเจ้าจะไม่หลอมโอสถอีกต่อไป!”

หลิงตู้ฉิงมองไปที่เตาหลอมและถามว่า “แล้วถ้าข้าสามารถทำได้ล่ะ?”

“ข้าจะยอมคุกเข่าขอขมาเจ้า!” หวงยี่เฟยพูดอย่างดุเดือด

หลิงตู้ฉิงยืนขึ้นแล้วเหยียดตัว เขาเตะเก้าอี้ถอยออกไป

จากนั้นเขาโบกมือซ้ายไปทางกองสมุนไพร ส่งผลให้กองสมุนไพรลอยขึ้นไปบนอากาศทันที

หลังจากนั้นเขาส่งบรรดาสมุนไพรบางชนิดที่ลอยอยู่ในอากาศ บินลงไปยังเตาหลอม

จากนั้นเขาโบกมืออีกครั้งเพื่อส่งสมุนไพรที่ยังเหลืออยู่ บินไปกองไว้อีกมุมหนึ่งของห้อง

หวงยี่เฟยมองอย่างถี่ถ้วนไปยังกองสมุนไพรที่เหลืออยู่ จากนั้นเขาหันกลับมาเพ่งมองเทคนิคของหลิงตู้ฉิงที่ใช้หลอมโอสถอย่างใจจดใจจ่อ

แต่เทคนิคการหลอมโอสถที่หลิงตู้ฉิงแสดงออกมา มันทำให้หวงยี่เฟยรู้สึกมึนงงเป็นอย่างมาก มันเป็นเทคนิคที่เขาไม่เคยเห็นหรือเคยได้ยินมาก่อน จนตอนนี้เขาไม่สามารถแยกแยะได้แล้วว่าหลิงตู้ฉิงนั้นหลอมโอสถเป็นหรือไม่

เมื่อเวลาผ่านไปชั่วครู่ หลิงตู้ฉิงก็ตะโกนว่า “เพลิง!”

จู่ ๆ เปลวเพลิงซึ่งไม่ทราบว่าปะทุขึ้นมาจากไหนก็ได้ลุกท่วมเตาหลอมโอสถของหวงยี่เฟย หลิงตู้ฉิงกระทืบเท้า เตาหลอมก็ลอยขึ้นไปในอากาศและตกลงบนฝ่ามือของเขา จากนั้นเตาก็เริ่มหมุน

เมื่อเตาหลอมโอสถหมุนได้เก้ารอบ หลิงตู้ฉิงก็โยนเตาลงบนพื้นโดยไม่สนใจมันอีก จากนั้นเขาจึงหยิบแผ่นกระดาษซึ่งระบุรายการสิ่งของที่ตัวเขาเองต้องการออกจากแหวนมิติ แล้วโยนไปที่มี่ไล

“ส่งสิ่งของในรายการที่ข้าเขียนไว้ไปที่เรือนของข้าในวันพรุ่งนี้!” หลังจากพูดจบเขาก็หันหลังกลับและเดินออกไป สำหรับรายการสิ่งของนั้นมันเป็นสิ่งที่เขาเตรียมไว้สำหรับลูก ๆ ของเขาเพื่อใช้ในการปลุกสายเลือดพรสวรรค์ในกาย

“เฮ้! นี่เจ้าจะไม่รอให้โอสถขึ้นรูปเสร็จก่อนเหรอไง? แล้วถ้ามันล้มเหลว เจ้าควรจะอยู่สาบานต่อเทพแห่งโอสถก่อนว่าเจ้าจะไม่หลอมโอสถใด ๆ อีกต่อไปไม่ใช่รึไง!” หวงยี่เฟยพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

“ข้ารีบ! เจ้าเปิดมันดูเอาเองเถอะ!” เสียงหลิงตู้ฉิงดังมาจากระยะไกล

เมื่อหลิงตู้ฉิงหายตัวไปจากสายตาของนาง มี่ไลหายใจเข้าลึก ๆ นางไม่รีบที่จะตรวจรายการสิ่งของในแผ่นกระดาษ นางถามหวงยี่เฟยอย่างคาดหวังว่า “อาจารย์หวง ทำไมท่านไม่ลองเปิดดูข้างในเตาหลอมก่อนล่ะ”

หวงยี่เฟยรู้สึกสงสัยเช่นกัน เขาจึงเดินไปเอื้อมมือเปิดฝาของเตาหลอมออก และมองเข้าไปด้านใน แต่แล้วเมื่อเขามองไปด้านใน หวงยี่เฟยถึงกับตาค้าง แข้งขาอ่อนล้มลงนั่งกับพื้น จากนั้นเขาก็เริ่มพึมพำกับตัวเอง “นี่มันเป็นไปไม่ได้! นี่มันเป็นไปไม่ได้!”

มี่ไลถามอย่างร้อนใจ “ท่านอาจารย์หวง หลิงตู้ฉิงหลอมโอสถสำเร็จหรือไม่?”

หากหลิงตู้ฉิงประสบความสำเร็จ นั่นจะหมายถึงว่าหลิงตู้ฉิงเป็นนักหลอมโอสถที่อยู่ในระดับปรมาจารย์ทันที และด้วยฐานะปรมาจารย์หลอมยาผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อเวลาที่นางร่วมมือทำการค้ากับเขามันจะไม่ใช่แค่เรื่องของการร่วมมือกัน แต่มันจะกลับกลายเป็นตระกูลของนางจำเป็นต้องหวังพึ่งหลิงตู้ฉิงแทน

อย่างไรก็ตามในตอนนี้ หวงยี่เฟยที่กำลังทำหน้าเหมือนเห็นผี เขาพูดต่อไปว่ามันเป็นไปไม่ได้และไม่ตอบคำถามของนาง

มี่ไลร้อนใจจนไม่สนมารยาทอะไรอีกต่อไปแล้ว นางถือวิสาสะก้มลงมองไปที่ด้านในเตาหลอมอย่างรวดเร็วและเมื่อนางได้เห็นโอสถที่อยู่ในเตาหลอม นางก็รู้สึกแข้งขาอ่อนนั่งบนพื้นด้วยอาการงุนงงคล้ายกับหวงยี่เฟยเช่นกัน

ภายในเตาหลอมขณะนี้มีเม็ดโอสถอยู่จำนวนหนึ่งเรียงรายอยู่ในเตาหลอม

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเม็ดโอสถแต่ละเม็ดเปล่งแสงระยิบระยับคล้ายกับว่าภายในของมันเต็มไปด้วยดวงดาว!

มี่ไลเงียบไปนานก่อนที่นางจะพูดกับหวงยี่เฟยว่า “อาจารย์หวง นี่เป็นเม็ดโอสถคุณภาพสูงสุดระดับตำนานหรือไม่?”

“เป็นไปไม่ได้! มันเป็นไปไม่ได้!” หวงยี่เฟย ซึ่งอยู่ในสภาวะตกตะลึงเขาไม่ได้ตอบคำถาม

หลิงตู้ฉิงประสบความสำเร็จในการหลอมโอสถดาราประสานได้อย่างไร? แล้ววิธีการหลอมยาที่หลิงตู้ฉิงใช้มันคือวิธีหลอมแบบใดกัน? หรือว่าจะเป็นไปได้จริง ๆ ที่ตำราวิธีการหลอมยาของท่านเทพโอสถจะผิดจริง ๆ?

ไม่ว่ายาเม็ดนั้นจะเป็นโอสถดาราประสานหรือไม่ แต่ตอนนี้หวงยี่เฟยรู้แล้วว่าหลิงตู้ฉิงนั้นเป็นฝ่ายถูกทันทีที่เขาเห็นคุณภาพของเม็ดโอสถในเตา เม็ดโอสถทุกเม็ดล้วนมีรัศมีของพลังดารา ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของโอสถดาราประสานที่อยู่ในระดับคุณภาพสูงสุด

อย่างไรก็ตาม ได้มีการกล่าวไว้ว่ามีเพียงจักรพรรดิโอสถเมื่อ 300 ปีที่แล้วเท่านั้นที่สามารถหลอมโอสถดาราประสานได้ถึงระดับนี้ จนกระทั่งปัจจุบันนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถหลอมมันขึ้นมาใหม่ได้อีก

หลิงตู้ฉิง คนผู้นี้เป็นใครกันแน่? ทำไมเขาถึงหลอมโอสถดาราประสานได้สำเร็จ

หรือว่าจริง ๆ แล้วเขาคือจักรพรรดิโอสถปลอมตัวมา?

หวงยี่เฟยหยิบโอสถดาราประสานในเตาหลอมขึ้นมา ซึ่งตัวเม็ดโอสถกำลังส่องประกายรัศมีออกมาอย่างรุนแรง เขาหยิบขวดยาออกมาจากแหวนมิติด้วยอาการมือสั่นสะท้านและเตรียมที่จะใส่เม็ดยาลงไป อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นลักษณะหยาบ ๆ ของขวดยาเขาก็รีบโยนขวดทิ้งไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้นเขาก็หยิบกล่อง ซึ่งมีการปักลวดลายไว้อย่างงดงามออกมาอย่างระมัดระวังและใส่เม็ดโอสถลงไป ในที่สุดเขาก็มอบมันให้กับมี่ไลด้วยความยากลำบาก “คุณหนูใหญ่ โอสถเหล่านี้เป็นของท่านแล้ว!”

แม้ว่าหวงยี่เฟยจะต้องการพวกมัน แต่ด้วยมูลค่าของโอสถดาราประสานเหล่านี้นั้นล้วนน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง และเขาเองเป็นเพียงผู้ให้ยืมเตาหลอม แต่วัตถุดิบสมุนไพรต่าง ๆ ล้วนเป็นของตระกูลมี่ทั้งหมด เขาจึงไม่สามารถหน้าด้านแอบอ้างเม็ดยาเป็นของตนเองได้

ในตอนนี้เขาสงสัยเป็นอย่างมากว่าหลิงตู้ฉิงเป็นใคร ถ้าเขาสามารถขอคำชี้แนะจากหลิงตู้ฉิงได้มันจะดีแค่ไหน?

“คุณหนูใหญ่ ท่านรู้หรือไม่ว่าท่านหลิงอาศัยอยู่ที่ไหน ข้าอยากจะไปพบกับเขาอีกสักครั้ง!” หวงยี่เฟยพูดอย่างร้อนใจกับมี่ไล

มี่ไลพยักหน้าอย่างงุนงง นางยังไม่หายจากอาการตกตะลึง