ตอนที่ 307: คนแปลกหน้า
ขณะที่ชายสองคนเห็นหญิงสาวพูด คนที่สูงกำยำก็มองใบหน้าที่งดงามของนางและหยุดอยู่กับที่ทันที เขาตอบกลับอย่างรวดเร็วและพูดด้วยท่าทางหดหู่ “แม่นางคนนี้ช่างแข็งแกร่งเหลือเกิน ข้าเดินทางมา 30 ปี แต่ข้าไม่เคยเห็นหญิงสาวที่กล้าหาญมาก่อน เจ้าชื่ออะไร ? ข้าเป็นคนค้นพบถ้ำนี้และบังเอิญมีคนเข้ามาเมื่อข้าไม่อยู่ ถึงเจ้าจะขอให้ข้าออกไป มันควรจะเป็นเจ้าที่ต้องไป”
จากนั้นชายคนนั้นมองไปรอบ ๆ ถ้ำและเห็นชายคนหนึ่งซึ่งก็คือคนที่พวกเขาเคยเห็นเมื่อไม่นานมานี้ – เจี้ยนเฉิน ชายคนนั้นยิ้มกว้างเมื่อเห็นเขา “ช่างบังเอิญเสียเหลือเกิน น้องชาย เราได้พบกันอีกครั้ง”
เจี้ยนเฉินมองทั้งชายวัยกลางคนและชายที่มีร่างสูงกำยำด้วยสายตาที่คมชัด เขาจึงค้นพบว่าพวกเขาทั้งสองเป็นเซียนปฐพี
ในขณะที่คนที่สามารถพัฒนาจากการเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษไปสู่การเป็นเซียนปฐพีนั้นมีหนึ่งในสิบส่วน คนที่สามารถเป็นเซียนปบพีได้ก่อนอายุ 50 ปีมีโอกาสเพียงหนึ่งในร้อยส่วน ผู้ชายหลายแสนคนเข้าร่วมในการแข่งขันครั้งนี้ และมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เป็นเซียนปฐพีที่ยังอายุน้อย
ตอนนี้การแข่งขันในส่วนนี้ก็มาถึงข้อสรุป เมื่อมาถึงจุดนี้คนที่เหลือเพียงไม่กี่คนที่ยังมีชีวิตรอดและไม่ได้บาดเจ็บเกือบทั้งหมดเป็นเซียนปฐพี โดยมีเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษไม่กี่คน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่เซียนปฐพี 2 คนจะมาปรากฏตัวให้เห็น
ชายร่างสูงกำยำเดินไปที่ด้านข้างของถ้ำโดยไม่รอคำตอบของเจี้ยนเฉินและนั่งลงพร้อมกับรอยยิ้ม น้องชาย เนื่องจากเจ้ามีคนเจ็บ 2 คน ข้าจะไม่ขับไล่เจ้าออกไป เราทุกคนควรปกป้องซึ่งกันและกัน เนื่องจากทุกคนอารมณ์ดี ตอนนี้เราควรเป็นมิตรกันไม่ใช่หรือ หยุนเจิ้ง ? ” ชายร่างสูงกำยำถามชายวัยกลางคน
ชายวัยกลางคนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “ศิษย์พี่พูดถูก หากไม่มีใครคัดค้านเราก็ควรพักผ่อน หากเราเจอปัญหา เราก็สามารถช่วยเหลือกันได้ เพราะสุดท้ายยิ่งเรามีคนมากเท่าไหร่เราก็ยิ่งแข็งแกร่ง” ชายวัยกลางคนนั่งลงถัดจากชายร่างสูงและเริ่มมองคนสี่คนที่อยู่ตรงหน้า
หญิงสาวยังคงมีท่าทางเย็นชาขณะที่นางจ้องมองชายสองคนอย่างระมัดระวัง นางควรรอบคอบมากที่สุดแม้ว่าใบหน้าของพวกเขาจะมีความปรารถนาดี
เจี้ยนเฉินมองหญิงสาวคนนั้นครู่หนึ่งก่อนที่จะพยักหน้าว่า “ไม่เป็นไร ตอนนี้เราจะแบ่งปันถ้ำนี้กัน แต่จำไว้ว่า หากมีใครกล้าทำร้ายเราไม่ว่าทางใด ตอนนั้นอย่ามาโทษเราที่ไม่สุภาพ” ดวงตาของเจี้ยนเฉินส่องประกายแวววับที่อันตรายเมื่อเขาพูดประโยคสุดท้าย
เมื่อได้ยินอย่างนี้ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้าง ๆ ก็เริ่มรู้สึกอึดอัดใจอยู่ครู่หนึ่ง เพราะดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องที่เด็กหนุ่มอายุ 20 ปีจะมาข่มขู่เซียนปฐพีอย่างเขา ด้วยเหตุนี้เขาจึงสามารถสรุปได้ว่าเจี้ยนเฉินไม่ใช่คนธรรมดา สำหรับคนที่รักษาเข็มขัดมิติมาได้อย่างยาวนานในช่วงเวลาที่มีการสังหารหมู่ที่รุนแรงในการแข่งขันโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ มันช่างน่ายกย่อง เมื่อพวกเขามองทั้งสองด้วยท่าทีที่หยิ่งยโส นี่ก็สามารถยืนยันได้ถึงความมั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเอง
ชายคนนั้นดูเหมือนจะไม่ได้ยินคำขู่ของเจี้ยนเฉินและเริ่มหัวเราะว่า “ข้าคือศิษย์พี่อัน สหายของข้าคือหยุนเจิ้ง แล้วเจ้าชื่ออะไร ? “
เมื่อเห็นท่าทางที่เรียบง่ายและตรงไปตรงมาของชายร่างกำยำ เจี้ยนเฉินสรุปทันทีว่าชายคนนี้ซื่อสัตย์ คนประเภทนี้ปกติไม่มีเจตนาร้ายซ่อนเร้น และแม้ว่าพวกเขาจะมีพวกเขาก็จะไม่ลงมือทำ
ความทรงจำเมื่อนานมานี้ได้หวนกลับมาในใจของเขาทันที เขานึกถึงพี่ใหญ่เจียงหยางหู่และเถี่ยต้าจากสำนักคากัต สองคนนี้คล้ายกับศิษย์พี่อันที่อยู่ตรงหน้าเขา ด้วยเหตุนี้ เจี้ยนเฉินจึงมีเจตนาดีกับพวกเขา
“ข้าชื่อเจี้ยนเฉิน ! ” เจี้ยนเฉินพูดกับศิษย์พี่อันพูดด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร
หญิงสาวที่นั่งอยู่บนก้อนหินจ้องมองรอยยิ้มของเจี้ยนเฉินด้วยท่าทางที่ซับซ้อน หลังจากนั้นไม่นาน สีหน้าเยือกเย็นบนใบหน้าของนางค่อย ๆ จางหายไปและเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่ดูอ่อนโยน
เนื่องจากกรรมพันธุ์และวิธีการบ่มเพาะ รูปร่างหน้าตาของเจี้ยนเฉินนั้นหล่อเหลามากเป็นพิเศษและอาจกล่าวได้ว่าสมบูรณ์แบบ รอยยิ้มของเขาสามารถทำให้คนหลงใหลและไม่มีผู้หญิงคนใดที่สามารถต้านทานได้ แม้แต่หญิงสาวที่อยู่ไม่ไกลจากเขาก็รู้สึกทึ่งไปบ้าง นางได้สติอย่างรวดเร็วและเบนสายตาออกจากเจี้ยนเฉินไปมองทางอื่น
“เจี้ยนเฉิน ข้าเห็นว่าเจ้ายังเด็ก เจ้าอาจจะอายุไม่ถึง 25 ปี” ศิษย์พี่อันถาม
เจี้ยนเฉินยิ้มเล็กน้อยแต่ไม่ตอบเขา
ศิษย์พี่อันมองไปที่หญิงสาวที่สวมชุดสีเหลืองและถามต่อไปว่า “แม่นาง เจ้าเองก็เป็นหญิงสาวที่งดงามแม้ข้ายังรู้สึกประหลาดใจมาก เจ้าชื่ออะไร ?
หญิงสาวพ่นลมทางจมูกและหันหน้าหนีจากเขา นางเอนตัวไปทางกำแพงมองดูหลังคาถ้ำที่มืดมิด
ชายร่างกำยำหัวเราะอย่างเขินอาย และหันไปหาเจี้ยนเฉินเพื่อขอความช่วยเหลือ
“ศิษย์พี่อันไม่ต้องกังวล นางขี้โมโห” เจี้ยนเฉินยิ้ม แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ชื่อของหญิงสาวจนกระทั้งชิเซียงกราน เรียกนางว่าหลวนเอ๋อ
เมื่อได้ยินคำพูดของเจี้ยนเฉิน เด็กสาวก็หมุนไปรอบ ๆ พร้อมกับพูดด้วยความโกรธว่า “เจ้าต่างหากขี้โมโห ! “
ศิษย์พี่อันลูบจมูกตัวเองและลอบมองหญิงสาว เขากำลังคิดกับตัวเองว่า ดูเหมือนว่าเจี้ยนเฉินจะพูดถูก ในขณะที่หญิงสาวคนนี้ค่อนข้างงดงาม อารมณ์ของนางก็ค่อนข้างน่ากลัวเช่นกัน นี่ไม่ใช่คนที่เราควรล่วงเกิน”
เจี้ยนเฉินหรี่ตา เขามองด้วยสีหน้าไม่พอใจ จากนั้นเขาหยิบเข็มขัดมิติสองสามชิ้นที่มีเลือดแห้งติดอยู่และยังมีแหวนมิติ
“ว้าว เจี้ยนเฉิน เจ้ามีเข็มขัดมิติเยอะมาก ! มีเลือดเปื้อนอยู่เลย เจ้าขโมยของเหล่านี้มาหรือ ? ” ศิษย์พี่อันมองเจี้ยนเฉินด้วยท่าทางตกใจและอ้าปากค้าง
แม้แต่หยุนเจิ้งซึ่งนั่งถัดจากศิษย์พี่อันก็มองเจี้ยนเฉิน เขาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
เจี้ยนเฉินหัวเราะกับคำพูดของศิษย์พี่อันและตอบว่า “มันถือว่าเป็นการขโมยหรือไม่ถ้าพวกเขาโจมตีก่อน”
ภายใต้สายตาอันงุนงงของศิษย์พี่อันและหยุนเจิ้ง เจี้ยนเฉินเริ่มนำสิ่งของที่อยู่ในเข็มขัดและแหวนมิติออกมา โดยรวมแล้วมีบัตรม่วง 4 ใบ แกนอสูรระดับห้า 3 อัน, แกนอสูรระดับสี่ 200 อัน, แกนอสูรระดับสาม 500 อัน, มีกองเงินเล็ก ๆ ที่ส่องแสง, มีเหรียญม่วง, เหรียญทองและเหรียญเงิน มีกองป้ายประมาณ 400 ป้ายวางอยู่
เมื่อเห็นกองป้ายสีดำ ศิษย์พี่อันก็จ้องมองมันทันที ตาของเขาแทบหลุดออกมาเบ้า ตอนที่เขาร้องอุทานว่า ” ทำไมมันมากมายเช่นนี้..”
แม้แต่หยุนเจิ้งก็รู้สึกประหลาดใจ หัวใจของเขาเริ่มเต้นกระหน่ำอย่างดุเดือด
เจี้ยนเฉินไม่ได้เงยหน้าขึ้นจากกองและเริ่มแบ่งสิ่งของออกเป็น 2 กองเล็ก ๆ เขาเก็บมันไว้ในเข็มขัดมิติและมอบมันให้กับหญิงสาวแล้วพูดว่า “รับไป นี่เป็นของเจ้า”
หญิงสาวจ้องเจี้ยนเฉินอย่างบูดบึ้งขณะที่นางหยิบป้าย 200 อันจากเข็มขัดมิติที่เจี้ยนเฉินมอบให้มาใส่ในเข็มขัดมิติของนาง จากนั้นนางก็โยนเข็มขัดมิติกลับไปให้เจี้ยนเฉินและพูดว่า “ของชิ้นอื่นในนี้ไม่มีค่าอะไรสำหรับข้า”
เจี้ยนเฉินหยิบของที่เหลือลงในเข็มขัดมิติของเขาโดยไม่ขัดข้อง บัตรม่วง 2 ใบ แกนอสูรระดับห้า 2 ชิ้น แกนอสูรระดับสี่ 100 ชิ้น และกองเงินทั้งหมด เขาไม่คิดว่าหญิงสาวจะรวยขนาดที่นางไม่สนใจของมีค่าอย่างอื่น
ศิษย์พี่อันจ้องเข็มขัดมิติที่ถูกโยนไปทางเจี้ยนเฉินด้วยสายตาที่ไม่อยากเชื่อและกลืนน้ำลายลงคอของเขาด้วยความยากลำบาก เขาหันไปมองใบหน้าที่หล่อเหลาของเจี้ยนเฉิน หัวล้านของเขาโขกเข้ากับกำแพงของถ้ำอย่างต่อเนื่องด้วยความเสียใจ “ทำไมข้าเกิดเร็วเกินไป ? อ๊ะ… ทำไมข้าถึงไม่ได้เกิดมาหล่อเหลาล่ะ ? ข้าเพิ่งคิดได้ว่า ถ้าข้าเกิดมาหล่อและโด่งดัง หญิงสาวที่งดงามก็จะยอมมอบของมีค่าให้กับข้า..”
ศิษย์พี่อันยังคงพึมพำกับตัวเองราวกับว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ หญิงสาวที่นั่งอยู่บนก้อนหินเริ่มก้มหน้าอย่างโกรธเคืองขณะที่พยายามแกล้งทำเป็นไม่สนใจชายคนนั้น แต่ดวงตาของนางยังคงจ้องเขาต่อไปอย่างมุ่งร้าย
หยุนเจิ้งนั่งอยู่ข้าง ๆ ศิษย์พี่อัน เขามองเจี้ยนเฉินกับหญิงสาวสลับกันไปมาช้า ๆ เขาตกใจกับสิ่งที่หญิงสาวทำ บัตรม่วง 2 ใบ, แกนอสูรระดับห้า 2 อัน, แกนอสูรระดับสี่ 100 อัน และเงินจำนวนมาก นี่ไม่ใช่สิ่งของที่จะให้กันง่าย ๆ เรื่องนี้มันเกินกว่าที่เขาจะรับได้ สิ่งของที่อยู่ในเข็มขัดมิติล้ำค่ามากสำหรับเซียนปฐพีทุกคน
“ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะอายุเท่า ๆ กัน แต่พวกเขาไม่ใช่คนธรรมดา คนที่สามารถโยนแกนอสูรระดับ 5 ให้กันไปมาได้ พวกเขาจะต้องเป็นคนที่มีอำนาจและมีสถานะสูงส่ง” ชายคนนั้นคิดกับตัวเอง