ตอนที่ 308: หยุนเจิ้งตกตะลึง
เวลาผ่านไป กลุ่มของเจี้ยนเฉินพักแรมอยู่ในถ้ำเป็นเวลา 7 วัน ในเวลานั้น เจี้ยนเฉิน, ศิษย์พี่อันและหยุนเจิ้งยังคงพูดคุยกันอย่างมีอัธยาศัยดี หญิงสาวชุดเหลืองไม่ค่อยพูด แม้กระทั่งตอนนี้เจี้ยนเฉินก็ยังไม่รู้ชื่อของนาง
อาการบาดเจ็บของฉินเซียวค่อยดีขึ้นอย่างช้า ๆ มันเริ่มตกสะเก็ด หากใช้โอสถต่อไปอีก 10 วัน เขาคงจะเดินได้ ส่วนอาการบาดเจ็บของฉินเจว๋ก็ดีขึ้นมากจนเขามีกำลังมากพอที่จะต่อสู้ ด้วยความแข็งแกร่งของเขามันจะใช้เวลาอีกสองสามวันสำหรับเขาในการรักษาแผลให้หายดี
ภายในถ้ำมืด ไฟที่ลุกไหม้อย่างไม่หยุดหย่อนลุกโชน ทางด้านข้างเจี้ยนเฉินที่นั่งอยู่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นและมองไปรอบ ๆ ห้อง ฉินเจว๋,หญิงสาวและศิษย์พี่อันต่างนั่งอยู่ในท่านั่งสมาธิและฉินเซียวยังคงนอนอยู่บนเปลหามโดยที่ดวงตาของเขาปิดอยู่ในท่านอน มีเพียงหยุนเจิ้งที่ไม่ได้อยู่ในถ้ำ
เจี้ยนเฉินจุดเปลวไฟอีกครั้งก่อนที่จะเดินออกจากถ้ำ ไม่นานหลังจากที่เขาจากไป หญิงสาวชุดเหลืองก็ลืมตา นางสำรวจรอบ ๆ จากนั้นนางจึงหลับตาและทำสมาธิอีกครั้ง
เมื่อมาถึงทางเข้าถ้ำ เจี้ยนเฉินเริ่มสูดอากาศบริสุทธิ์จากโลกภายนอกก่อนที่จะหลับตาอย่างมีความสุข การระบายอากาศภายในถ้ำนั้นไม่ค่อยดีนัก ทำให้อากาศข้างในถ้ำร้อนอบอ้าว ทุกคนข้างในจึงรู้สึกอึดอัด
เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ อีกครั้ง เขาปีนลงไปตามทางลาดของภูเขาเพื่อเดินสำรวจ เนื่องจากเขาต้องปกป้องฉินเซียว เขาจึงไม่กล้าไปไหนไกล เจี้ยนเฉินไม่คิดจะออกไปจากที่นี่จนกว่าฉินเซียวจะหายเป็นปกติ หากพวกเขาต้องเดินทางกับฉินเซียวที่เคลื่อนที่ไม่ได้และเจอบุคคลที่แข็งแกร่ง มันจะเป็นปัญหาอย่างมาก แม้ว่าเขาจะไม่กลัว แต่ถ้าเป้าหมายคือฉินเซียว เจี้ยนเฉินจะติดอยู่ในสถานการณ์ที่มีปัญหา
ในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ เจี้ยนเฉินได้รวบรวมป้ายได้อย่างน้อย 1,000 อัน การแข่งขันนั้นต้องใช้ป้ายเพียง 500 อันเท่านั้นจึงจะผ่านไปได้ ดังนั้นเจี้ยนเฉินจึงมีมากกว่าความต้องการ สิ่งเดียวที่เหลือไว้ให้เขาทำคือรักษาชีวิตให้รอดตลอดเวลาที่เหลือ
เจี้ยนเฉินกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้สูง 30 เมตรและนั่งอยู่บนกิ่งไม้ เขาเอนตัวเองเข้ากับต้นไม้และคิดเกี่ยวกับหมิงตงที่ยังคงอยู่ในเทวสถานลึกลับ “ข้าสงสัยว่าหมิงตงกำลังทำอะไรอยู่. บรรพบุรุษของเขาเป็นมิตรกับเจ้านายของเทวสถาน เขาจะช่วยหมิงตงอย่างแน่นอน เมื่อได้เจอเขาอีกครั้ง เขาคงแตกต่างจากเดิมมาก”
“งานชุมนุมทหารรับจ้างนี้เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการได้รับทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ ตราบใดที่ข้าพยายามอย่างหนัก ข้าจะได้มันมาแน่นอน ! เมื่อข้าแข็งแกร่งพอ ข้าจะสามารถกลับไปที่อาณาจักรเกอซุนและสะสางความแค้นกับสำนักหัวหยุน ด้วยทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ ตระกูลเจียงหยางจะมีพลังเพิ่มมากขึ้น” เจี้ยนเฉินยังคงนอนอยู่บนต้นไม้พึมพำกับตัวเองในขณะที่เขาจ้องมองด้วยความมุ่งมั่น
หลังจากนั้นไม่นานเจี้ยนเฉินก็ถอนหายใจด้วยท่าทางที่เป็นกังวล “อาณาจักรเกอซุนกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดี สี่อาณาจักรใกล้เคียงกำลังรวมตัวกันต่อต้านพวกเขา ภายในสองปีจะมีสงครามระหว่างทั้งสองฝ่าย ก่อนที่สิ่งนั้นจะเกิดขึ้นข้าต้องเพิ่มความแข็งแกร่งให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และต้องได้ช่วยอะไรบ้าง”
ในขณะที่เจี้ยนเฉินยังคงวางแผนสำหรับอนาคตบนกิ่งไม้ เงาของชายสามคนก็พุ่งไปที่ทิศทางของเขาด้วยความเร็ว
จากชายทั้งสาม คนที่อยู่ข้างหน้านั้นซีดเซียวและเปียกโชกด้วยเลือด เสื้อคลุมสีขาวของเขาถูกย้อมด้วยเลือดมากมาย ขณะที่ชายสองคนที่อยู่ข้างหลังเขาไล่ล่าเขาพร้อมกับอาวุธเซียนที่พร้อมจะโจมตี
เมื่อสัมผัสถึงชายทั้งสาม เจี้ยนเฉินผลักใบไม้เพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นจากด้านบน ขณะที่เขามองไปที่ชายสามคน เขาก็มีสีหน้าประหลาดใจก่อนที่จะยิ้มว่า ข้าไม่คิดว่าเขาจะถูกไล่ล่าเช่นนี้ ดูเหมือนว่าเขาวางแผนที่จะนำพวกเขากลับมาที่ถ้ำของเรา” เจี้ยนเฉินกระโดดลงมาจากกิ่งไม้และยืนอยู่ถัดจากต้นไม้ด้านหน้าชายทั้งสาม
จากชายทั้งสามคน คนที่วิ่งหนีไปนั้นเป็นคนคนเดียวกันจากถ้ำ หยุนเจิ้ง ในขณะนี้หยุนเจิ้งอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชและย่ำแย่
ในขณะที่หยุนเจิ้งสังเกตเห็นเจี้ยนเฉิน เขาก็ตกใจและรีบวิ่งไปทางเจี้ยนเฉิน หยุนเจิ้งที่หน้าซีดจางเริ่มหอบหายใจขณะที่เขาหลบอยู่ข้างหลังเจี้ยนเฉิน “น้องเจี้ยนเฉิน ! รีบวิ่งกันเถอะ ! ชายสองคนนี้แข็งแกร่งเกินไป เราต้องไปหาศิษย์พี่อันให้ช่วยจัดการพวกเขา ! “
เจี้ยนเฉินส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม “สหายของข้ากำลังพักผ่อนอยู่ข้างใน ข้าไม่อยากทำให้เขาตกใจ”
” แต่..” หยุนเจิ้งไม่เต็มใจ เขาอดกลั้นอารมณ์ไว้แต่เขาไม่พูดอีกหลังจากนั้น ขณะที่เจี้ยนเฉินยกมือขึ้น “ข้าจะจัดการกับเรื่องนี้ที่นี่”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่สงบของเจี้ยนเฉิน หยุนเจิ้งก็เริ่มสงบสติอารมณ์ก่อนที่จะยืนอยู่ข้างหลังเจี้ยนเฉินอย่างเงียบ ๆ เขาต้องการเห็นความแข็งแกร่งของเซียนปฐพีอย่างเจี้ยนเฉิน
ชายสองคนที่ไล่ตามหยุนเจิ้งหยุดห่างจากเจี้ยนเฉินหลายเมตร ทั้งสองดูเหมือนจะอายุประมาณ 40 ปีและทั้งคู่สวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินที่สามารถมองเห็นกล้ามเนื้อนูน
ผู้ชายคนหนึ่งค่อนข้างเตี้ยและดูเหมือนจะสูงประมาณ 5 ฟุต เขามีผิวสีเข้มเหมือนถ่านหิน ชายอีกคนค่อนข้างผอมและมีสูงเหมือนคนธรรมดาด้วยจมูกที่โค้งงอ ที่ด้านซ้ายของใบหน้ามีรอยแผลเป็นหลายจุดที่ทำลายใบหน้าของเขา ใบหน้าของเขาค่อนข้างน่ากลัวซึ่งเพิ่มปัจจัยการข่มขู่ผู้คน
ชายสองคนประเมินเจี้ยนเฉินขณะที่มองดูเขา พวกเขามองหน้ากันและะผลักเจี้ยนเฉินออกไปให้พ้นทาง
เจี้ยนเฉินโอบมือไว้ที่อกและยิ้มให้ทั้งสอง “พี่ชาย เจ้าทั้งสองคนกำลังทำอะไรอยู่ ? “
เมื่อเห็นสีหน้าของเจี้ยนเฉิน ชายร่างเตี้ยก็เริ่มรู้สึกรำคาญเขา เขาไม่คิดอะไรอย่างอื่น เขาจ้องเจี้ยนเฉินและหยุนเจิ้ง “ถ้าเจ้ารู้ว่าอะไรดีสำหรับตัวเองก็จงมอบเข็มขัดมิติมา ไม่อย่างนั้น ! “
“ไม่อย่างนั้นอะไรรึ ? ” เจี้ยนเฉินยิ้มกว้าง
ชายร่างเตี้ยจ้องมองเจี้ยนเฉินอย่างโหดร้ายก่อนที่จะคำรามว่า “ไม่อย่างนั้นเจ้าสองคนจะต้องตายที่นี่ในวันนี้ ! “
ในช่วงเวลาสั้น ๆ เจี้ยนเฉินปล่อยรังสีอำมหิตจำนวนมาก “เช่นนั้นรึ ? ถ้าเช่นนั้นขอให้ข้าส่งพวกเจ้าไปก่อนละกัน” จากนั้นเจี้ยนเฉินก็หายตัวไปจากสายตาก่อนที่จะปรากฏตัวต่อหน้าชายร่างเตี้ย ในเวลาเดียวกันกระบี่วายุโปรยก็เข้ามาทันที ปราณกระบี่อันเยือกเย็นแทงเข้าไปที่ชายร่างเตี้ยด้วยความเร็วที่ไม่สามารถมองเห็น
ชายร่างเตี้ยไม่ได้คาดว่าเจี้ยนเฉินจะเคลื่อนไหวอย่างฉับพลันและอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะสามารถโต้ตอบหรือหลบการโจมตี กระบี่สีเงินก็ได้แทงเข้าไปในลำคอของเขาแล้ว
กระบี่ของเจี้ยนเฉินเร็วมาก ชายร่างเตี้ยไม่ทันระวังจึงถูกฆ่า แม้แต่ในฐานะเซียนปฐพีก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะหลบการโจมตีของเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินไม่หยุดแค่นั้น เขาดึงกระบี่ที่เปื้อนเลือดออกจากลำคอของชายร่างเตี้ยทันทีก่อนที่จะหายตัวไปจากสายตาอีกครั้ง ในไม่ช้ากระบี่ของเขาก็พุ่งกระหน่ำไปยังเซียนปฐพีอีกคน
เซียนปฐพียังไม่ทันตอบสนองขณะที่เขาจ้องมองเจี้ยนเฉินที่ทะยานเข้ามาด้วยความหวาดกลัว จากนั้นสีหน้าของเขาก็จริงจังทันทีที่เขาได้ตระหนักว่าเด็กหนุ่มคนที่เขาไม่สนใจก่อนหน้านี้ในความเป็นจริงแล้วเป็นเสือที่มาในคราบแกะ
“ห๊า ! ” ชายคนนั้นคำรามขณะที่พลังเซียนของเขาระเบิดออกมาจากร่างกาย อาวุธเซียนในมือของเขาเริ่มท่วมท้นด้วยแสงสีฟ้าในขณะที่เขาเฉือนเจี้ยนเฉิน
ร่างของเจี้ยนเฉินพร่าไปมาขณะที่เขาหลบดาบของอีกฝ่าย กระบี่วายุโปรยกลายเป็นแสงสีเงินที่ส่องมาที่คอของชายผู้นั้น
ชายคนนั้นตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขาเงยหัวเพื่อหลบการจู่โจมของเจี้ยนเฉินและปล่อยให้กระบี่หลุดผ่านเขาไป อย่างไรก็ตาม กระบี่กวาดผ่านคอของเขาทำให้มีบาดแผลเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นที่คอ เมื่อชายคนนั้นรู้สึกโล่งใจ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกแสบร้อนที่คอของเขา ก่อนที่เขาจะเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น หัวของเขาก็ถูกตัดออกเสียแล้ว มันหมุนผ่านอากาศก่อนที่จะตกลงไปบนพื้นดิน เพราะร่างกายที่ไม่มีหัว เขาจึงล้มลงกับพื้นโดยมีเลือดพุ่งไปทั่ว
ชายสองคนนี้แข็งแกร่งพอที่จะทำให้เซียนปฐพีอย่างหยุนเจิ้นต้องวิ่งหนี แต่ในช่วงเวลาสั้น ๆ พวกเขาก็ถูกเจี้ยนเฉินฆ่าตายในการโจมตีในกระบวนท่าเดียว หยุนเจิ้งถึงกับเบิกตากว้าง เขาไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองและตกใจกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ความแข็งแกร่งระดับนี้ นี่เป็นสิ่งที่เด็กหนุ่มอายุ 20 ปีควรมีหรือ ?
หยุนเจิ้งยืนอยู่ข้าง ๆ เจี้ยนเฉิน เขาพยายามสูดหายใจเข้าออกเพื่อสงบสติอารมณ์ตัวเอง เขารู้อยู่แล้วว่าเจี้ยนเฉินเป็นเซียนปฐพีที่น่ากลัว แต่เขาไม่คิดว่าชายทั้งสองที่ไล่ล่าเขาจะถูกจัดการในการโจมตีเพียงกระบวนท่าเดียว
แม้การต่อสู้ครั้งนี้จะเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา หยุนเจิ้งยังไม่เชื่อและคิดว่าเขากำลังฝัน นี่เป็นภาพลวงตาและไม่ใช่ความจริง – มันหักล้างสิ่งที่เขารู้ว่าเป็นความจริงอย่างหมดจด ในฐานะนักเดินทางในทวีปที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างเจ็บปวดเป็นเวลา 30-40 ปี ในที่สุดเขาก็กลายเป็นเซียนปฐพีก่อนอายุ 50 ปี นี่เป็นความสำเร็จที่ได้รับการพิจารณาให้เป็นอัจฉริยะ บรรดาผู้ที่เป็นเซียนปฐพีก่อนอายุ 50 ปีล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญที่โด่งดังและเป็นอัจฉริยะด้านการบ่มเพาะพร้อมกับอนาคตอันสดใส ตอนนี้เซียนปฐพี 2 คนถูกฆ่าตายโดยเด็กหนุ่มที่อายุไม่ถึง 25 ปีด้วยซ้ำ นี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจที่สุดในชีวิตของหยุนเจิ้น และนี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าโลกนี้ไม่ยุติธรรมและไม่สมเหตุสมผล