ตอนที่ 422 ฮ่อหยุนเฉิงขี้เหนียวมาก

นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น

ตอนที่ 422 ฮ่อหยุนเฉิงขี้เหนียวมาก
“นายกำลังพูดเรื่องอะไร?” ซูฉิงขมวดคิ้วที่เต็มไปด้วยความสงสัย “นายพูดเหมือนฉันมีความลับปิดบัง”

ฮ่อหยุนเฉิงไปโกรธจากที่ไหนมาอีกเนี่ย?

ฮ่อหยุนเฉิงยกมุมริมฝีปากเยาะเย้ย จากนั้นหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วยื่นไปตรงหน้าซูฉิง น้ำเสียงของเขาแสดงความไม่พอใจอย่างมาก “เธอดูเอาเองสิ!”

ซูฉิงขมวดคิ้วและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ในจอนั้นปรากฎภาพของตัวเธอที่เข้าบทละครกับเฉินจุนเหยียนในวันนี้ และถูกเขาประกบจูบอย่างไม่ทันตั้งตัว

มุมที่ถ่ายภาพนั้นมันชัดเจนว่าต้องโดนแอบถ่าย และยิ่งตอนนั้นเธอและเขาต่างกำลังอินกับบทละคร จึงทำให้การแสดงออกของเธอและเฉินจุนเหยียนนั้นคลุมเครืออย่างเห็นได้ชัด

และยังติดอันดับการค้นหายอดนิยมบนเว็บเพจออนไลน์ชื่อดังอีกด้วย!

ให้ตายสิ ข่าวนี้มันกำลังฆ่าเธอชัดๆ!

เป็นปาปารัสซี่แบบไหนกันเนี่ย ทำไมแอบถ่ายได้เร็วขนาดนี้?

ซูฉิงเข้าใจทันทีว่าทำไมฮ่อหยุนเฉิงถึงมีอาการหงุดหงิดขนาดนั้น เธอจึงทำได้เพียงอธิบายเหตุผลกับอีกฝ่ายด้วยความอดทน “ฉันเพิ่งไปเยี่ยมทีมงานที่กองถ่ายมา และตอนนั้นหลิวเสี่ยวหนิงไม่มีอารมณ์ร่วมในการแสดง ฉันกลัวว่าผู้กำกับจะกดดันจนทำให้เธอลำบากใจฉันก็เลยช่วยแสดงให้เธอดู ไม่คิดว่าจะถูกปาปารัสซี่ถ่ายรูปมาแบบนี้”

“แล้วทำไมเฉินจุนเหยียนถึงจูบเธอ?” ฮ่อหยุนเฉิงจ้องไปที่ริมฝีปากของซูฉิงใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธที่ทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ

ตราบใดที่เขาคิดถึงฉากนั้น เขาแทบจะอดทนไม่ไหว เขาอยากจะเข้าไปทุบร่างของเฉินจุนเหยียนให้แหลกเป็นหมื่นๆชิ้น

เฉินจุนเหยียน ไอ้เวรนี่! กล้าดียังไงมาแตะต้องผู้หญิงของเขา!

“ฉันไม่รู้ว่าเขาจะอินกับบทละครมากขนาดนี้ถ้านายไม่เชื่อนายก็ลองไปถามคนในกองถ่ายดูได้ ทุกคนในกองถ่ายสามารถเป็นพยานได้ นี่นายไม่เชื่อใจฉันเลยเหรอไง?”

ซูฉิงยังคงมีความรู้สึกผิดอยู่ภายในใจ เธอนั่งลงข้างฮ่อหยุนเฉิงและพูดเบาลงมาก

เมื่อเห็นท่าทางที่อ่อนโยนของซูฉิง จิตใจของฮ่อหยุนเฉิงที่ตึงเครียดก็อ่อนวาบลงทันที

เขาจับที่ด้านหลังศีรษะของซูฉิงและใช้ฝ่ามือใหญ่ของเขาประคองแก้มใสและประกบจูบอย่างลึกล้ำบนริมฝีปากนุ่มชื้น

ซูฉิงตะลึงกับจูบอันรุนแรงของฮ่อหยุนเฉิง ทำให้เธอเกือบลืมหายใจ

กว่าเธอจะดึงสติกลับมาฮ่อหยุนเฉิงก็ได้ตรึงเธอไว้บนโซฟากว้างแล้ว กระดุมเสื้อบริเวณทรวงอกถูกดึงขาดออกเป็นเสี่ยงๆ และกระโปรงยาวคลุมหัวเข่าของเธอก็ถูกเขาดึงร่นลงไปอยู่ในจุดที่ค่อนข้างอันตราย

“หยุน… หยุนเฉิง นายทำที่นี่ไม่ได้นะ” ซูฉิงโอบรอบคอของฮ่อหยุนเฉิง ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสับสน ใบหน้าที่เดิมมีแต่ความสดใสตอนนี้เต็มไปด้วยความขัดเขินและละอายใจ

ปากเล็กของซูฉิงบวมแดงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อถูกฮ่อหยุนเฉิงกัดเม้มด้วยการจูบลงโทษ

เธอไม่รู้ว่าเธอน่าดึงดูดเพียงใดในตอนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอกล่าวคำเชิญให้ฮ่อหยุนเฉิงดำเนินการขั้นตอนต่อไปมันทำให้ฮ่อหยุนเฉิงบรรจงบีบเอวเล็กๆของเธอให้แน่นขึ้น

“ซูฉิง เธอต้องจำไว้ว่าฉันฮ่อหยุนเฉิงมันเป็นคนขี้เหนียว แม้กระทั่งเส้นผมของเธอฉันก็ไม่อนุญาตให้ผู้ชายอื่นที่ไม่ใช่ฉันแตะต้องมัน!”

หลังจากที่ฮ่อหยุนเฉิงพูดจบ เขาก็ดึงรั้งเสื้อผ้าทั้งหมดบนร่างกายของเธอออก

“เพื่อลงโทษเธอที่ไม่ดูแลตัวเองดีๆ วันนี้เราจะอยู่บนโซฟาและฉันจะทำให้แมวน้อยของฉันจำให้ขึ้นใจว่าห้ามเข้าใกล้ชายอื่น”

เสียงของเขาแหบและต่ำลงเรื่อยๆ และจากนั้นร่างหนาก็กดร่างของซูฉิงลงบนโซฟา

ซูฉิงรู้สึกเพียงว่าในตอนนี้ร่างของเธออ่อนนุ่มไปหมด ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงปล่อยให้การเคลื่อนไหวของฮ่อหยุนเฉิงเป็นคนนำพา

ท้ายที่สุดเมื่อเธอตื่นจากเตียงในวันรุ่งขึ้น เธอรู้สึกเพียงว่าเอวของเธอเหมือนกำลังจะหัก!

เมื่อคืนนี้…ยกเว้นขั้นตอนสุดท้าย ผู้ชายคนนั้นทำมันทุกอย่าง!

ในวันนี้ยวี๋น่าอยู่หน้าเตียงในโรงพยาบาลของหลินหนาน ในตอนเช้าเธอนั่งอ่านข่าวให้หลินหนานฟังและพลางเหลือบมองไปด้วย

“หลินหนาน เมื่อวานนี้หมอบอกว่าอาการของคุณดีขึ้น และจิตใต้สำนึกของคุณกำลังฟื้นตัวแล้ว ดังนั้นคุณคงได้ยินสิ่งที่ฉันพูดในตอนนี้”

“เมื่อวานแม่ของคุณตกลงและยอมรับในเรื่องของเราแล้ว ตราบใดที่คุณตื่นขึ้นอย่างปลอดภัยคุณป้าก็จะไม่ทำให้พวกเราลำบากใจอีกต่อไป หมายความว่าท่านจะยอมรับว่าเรื่องของเราสองคน ดังนั้นคุณต้องตื่นขึ้นมานะ”

“ที่รัก…”

ยวี๋น่าพูดคุยกับหลินหนานมากขึ้นตามคำแนะนำของแพทย์ ขณะที่ยวี๋น่ากำลังพูด แม่ของเธอก็โทรมา

“แม่คะ? แม่โทรมาหาหนูทำไมคะ?”

“แกเป็นลูกฉัน ฉันโทรหาแกไม่ได้เลยหรือยังไง?”

“หนูไม่ได้หมายความแบบนั้นนะคะ หนูแค่คิดว่าตอนนี้มันเช้ามาก และปกติแม่ก็ไม่โทรมาหาหนูเช้าขนาดนี้ หนูเลยคิดว่าแม่มีเรื่องด่วนอะไร”

แม่ของยวี๋น่าตอบช้า ๆ ทางโทรศัพท์ “ฉันมีธุระที่จะต้องไปหาแก”

“หลินหนานไม่ได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหรอกหรือ? ดังนั้นฉันซื้อตั๋วเครื่องบินไปเมือง A แล้ว แล้วพบกันเมื่อฉันถึงที่นั่น”

เมื่อได้ยินแม่ของเธอพูดถึงหลินหนาน ยวี๋น่าก็หยุดคิดในใจ

แม่ของเธอจะเดินทางมาที่นี่เพียงเพื่อดูหลินหนานจริง ๆ เหรอ? หรือแม่ต้องการพูดคุยเรื่องระหว่างเธอและหลินหนาน?

ตอนนี้สถานการณ์ยังไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่ อีกทั้งแม่ของหลินหนานยังคงมีทัศนคติและท่าทางที่ไม่ดีต่อเธอ

ดังนั้นยวี๋น่าจึงพยายามเกลี้ยกล่อมผู้เป็นแม่ “แม่คะ หลินหนานยังอยู่ในอาการโคม่า ถ้าแม่มาที่นี่ในตอนนี้มันก็เปล่าประโยชน์ แม่มาหาเขาเมื่อเขาอาการดีขึ้นแล้วดีกว่านะคะ”

“ไม่เป็นไร ฉันจะไปหาแก ฉันก็แค่แวะไปดูหลินหนานเพียงผ่านๆเท่านั้น ตอนนี้ฉันจองตั๋วไว้เรียบร้อยแล้ว ฉันจะไปถึงตอน 13.00 น. แล้วแกมารับฉันที่สนามบินด้วยนะ”

“แม่ แม่ควรรอให้หลินหนานอาการดีขึ้นก่อนแล้วค่อยมา หนูไม่เป็นอะไร หนูเป็นลูกที่แม่เลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นแม่อย่ากังวลไปเลย”

แม่ของยวี๋น่ามีข้อสงสัยเล็กน้อย ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจหนักแน่นมากขึ้น “นาน่า ฉันตัดสินใจแล้ว อย่าลืมมารับฉันในตอนบ่าย”

ตู๊ดตู๊ดตู๊ด…

แม่?

ยวี๋น่ามองโทรศัพท์อย่างหมดหนทาง เธอเป็นเด็กดีมาตั้งแต่เด็กและเธอไม่เคยโกหกแม่เลย แม่ของเธอคงจะรู้สึกถึงความผิดปกติอะไรบางอย่างในตอนนี้ ดังนั้นเธอจึงยืนกรานที่จะมาหาเธอ

แม่หลินหนานยังคงมีท่าทีเกลียดชังตัวเธอไม่น้อย ยวี๋น่ากลัวจริงๆ กลัวว่าเมื่อแม่เธอมาถึงในบ่ายนี้และจะทะเลาะเข้ากับแม่ของหลินหนาน

แม่ของเธอคงรู้สึกเสียใจกับตัวเองอย่างมากถ้ารู้ว่าลูกสาวตัวเองถูกรังแกโดยแม่สามีในอนาคต เธอจึงต้องพาตัวเองออกไปจากที่นี่และไม่ตกลงที่จะใช้ชีวิตคู่กับหลินหนานอีกต่อไป

การต่อต้านโดยตรงระหว่างคนทั้งสองมีมากขึ้นเรื่อยๆ

ยวี๋น่าจับมือของหลินหนานและพูดช้าๆ “หลินหนาน คุณคิดว่าแม่และแม่ของคุณสามารถตีกันในบ่ายวันนี้ได้หรือไม่”

“มันยากมาก ถ้าเปลี่ยนเป็นฉันนอนอยู่ที่นี่ และปล่อยให้คุณไปจัดการกับปัญหาของทั้งสองคนมันคงจะดีกว่า”

หลังจากแพทย์เข้ามาตรวจเสร็จ ยวี๋น่าได้ติดตามการรายงานอาการของหลินหนานอย่างละเอียด

“คุณหมอ คนไข้ไม่ได้กินน้ำมาหลายวันแล้ว ขอข้าวต้มให้เขาหน่อยได้ไหมคะ”

“คุณยังสามารถให้อาหารจำพวกโจ๊กหรือลูกเดือย แต่ให้เขาทานได้แค่ส่วนที่เป็นน้ำด้านบนเท่านั้น ห้ามให้มีเมล็ดข้าวหลุดเข้าไปเด็ดขาด เพราะมันอาจจะทำให้ผู้ป่วยสำลักเข้าไปในหลอดลม”

“โอเค”

ยวี๋น่าปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด นำโจ๊กลูกเดือยมาจากโรงอาหาร และนำโจ๊กน้ำใสป้อนไปที่ปากของหลินหนานอย่างระมัดระวัง

แม้ว่าข้าวต้มสองคำจะไหลออกจากปากของเขาหลังจากกินไปสามคำ แต่เขาก็ยังได้กินมันเข้าไปบ้าง

ทุกครั้งที่เธอตักน้ำข้าวต้มขึ้นมาหนึ่งคำก็มักจะมีน้ำไหลออกมาจากปากเขาอยู่ทุกครั้ง แม้ว่ายวี๋น่าจะเช็ดมันทันเวลาแต่ยังไงมันก็ยังหยดลงบนหมอนอยู่ดี

ยวี๋น่าเพียงแค่เอาผ้าขนหนูมาปิดปากของหลินหนานไว้

ในชั่วพริบตา เป็นเวลาสิบเอ็ดโมงครึ่ง แม่ของยวี๋น่าก็กำลังจะมาถึง ดังนั้นยวี๋น่าจึงโทรหาแม่หลินหนานและขอให้หญิงชรามาดูแลหลินหนานแทน และเธอก็เดินทางไปสนามบินด้วยตัวเอง

แม่หลินหนานรับสายและรีบตรงมายังห้องพักของหลินหนานโดยไม่พูดอะไรเลย ซึ่งตอนนี้เป็นเวลาสิบสองนาฬิกาแล้ว