ตอนที่ 421 กลัวสิ่งไหนต้องได้เผชิญกับสิ่งนั้น

นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น

ตอนที่ 421 กลัวสิ่งไหนต้องได้เผชิญกับสิ่งนั้น
เธอจับกระโปรงบนเข่าอย่างประหม่า ร่างกายผอมบางของเธอสั่นเล็กน้อย

ยังไม่ทันได้ถ่ายต่อตามฉากต่อไป น้ำเสียงเย็นชาของเฉินจุนเหยียนก็ดังขัดขึ้น “ผู้กำกับ ฉันต้องการแสตนอินถ่ายแทนสำหรับฉากจูบนี้”

หลิวเสี่ยวหนิงตัวแข็งทื่อทันที และความฝันที่วาดหวังไว้ทั้งหมดก็พังทลายลงไปชั่วพริบตา

ดวงตาของเธอสั่นไหว นี่เขา… เขารังเกียจเธอเหรอ?

“อันนี้…”

ผู้กำกับมองไปที่เฉินจุนเหยียนและกล่าวว่า “คุณเฉิน อารมณ์ของฉากนี้มันละเอียดอ่อนมาก มีเพียงการจูบทางอารมณ์เท่านั้นที่จะสามารถทำให้ผู้ชมเข้าถึงความรักของตัวละครทั้งสอง หากคุณใช้แสตนอินผมเกรงว่าอารมณ์ของตัวละครมันจะเข้าถึงไม่มากพอ”

แต่เฉินจุนเหยียนก็ยังยืนยันในความคิดของตนเอง

ทุกคนในกองถ่ายต่างพากันประหลาดใจ ไหนใครต่อใครต่างพูดกันว่าเฉินจุนเหยียนเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียง ฉากจูบเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับเขามาก แต่ทำไมครั้งนี้เขาถึงไม่ยอม?

เป็นไปได้ไหมว่า… ทุกคนแอบเหลือบสายตามองหลิวเสี่ยวหนิว หรือว่านักแสดงสาวคนนี้จะทำอะไรให้เฉินจุนเหยียนรำคาญใจถึงขนาดที่เฉินจุนเหยียนไม่ยอมถ่ายฉากจูบด้วย?

หลิวเสี่ยวหนิงซึ่งมีความอ่อนไหวอยู่แล้ว เมื่อเธอมองเห็นดวงตาของทุกคนที่มองตรงมาที่เธออย่างชัดเจน ใบหน้าสวยเองก็ทำท่าจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ

สุดท้ายผู้กำกับจึงต้องยอมให้ใช้แสตนอินในฉากนี้

แต่เพราะความกดดันจากเหตุการณ์ก่อนหน้าทำให้หลิวเสี่ยวหนิงไม่สามารถถ่ายฉากนี้ออกมาดีได้เท่าที่ควร ในตอนนี้ในแสดงสาวกำลังจมอยู่กับความเศร้าและไม่มีความสุขในการถ่ายทำอันซะเลย

“หลิวเสี่ยวหนิง เธอเป็นอะไรไป!

การถ่ายทำยังคงไม่สำเร็จ ผู้กำกับหมดความอดทน และน้ำเสียงของเขาเริ่มเสียงดังขึ้นเรื่อยๆตามอารมณ์โกรธ

“ผู้กำกับ ฉันขอโทษ!” หลิวเสี่ยวหนิงกล่าวขอโทษอย่างรวดเร็ว ก้มหน้าและกัดริมฝีปากล่าง น้ำตาไหลออกมาเต็มใบหน้า

ซูฉิงได้ยินมาว่าทีมงานกำลังถ่ายทำฉากกลางคืนเธอจึงตั้งใจเข้ามาดูความคืบหน้าของกองถ่ายในวันนี้ แต่เธอไม่คิดว่าจะได้เห็นร่างปริศนาของคนคนนั้นในทันทีที่เธอมาถึง

เธอดึงโปรดิวเซอร์ที่ยืนอยู่ด้านข้างเข้ามาถาม และเมื่อเธอรู้ว่าเฉินจุนเหยียนหนีออกจากโรงพยาบาล เธอก็พอจะเข้าใจเหตุการณ์ต่างๆได้มากขึ้น

ซูฉิงขอให้ผู้กำกับระงับการถ่ายทำไว้ก่อน และลากเฉินจุนเหยียนไปพูดคุยในที่ลับตาคน

“ทำไมนายไม่พักผ่อนให้มากๆ นายอยากตายหรือไง?”

เฉินจุนเหยียนรู้สึกผิดในท้ายที่สุด เขาไม่กล้าสบตาซูฉิงและพยายามเลื่อนสายตาไปมองที่ต้นไม้ข้างหลังเธอ “ฉันไม่อยากถ่วงเวลาการถ่ายทำของทุกคน”

เมื่อเห็นเขาพูดเช่นนี้ ซูฉิงทำได้เพียงถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้และตบไหล่เขาเบาๆ

เขาช่างเป็นคนดื้อรั้นซะจริงๆ

หลังจากที่ทั้งสองพูดกันไม่กี่คำ ในที่สุดเฉินจุนเหยียนก็ยิ้มออกมา

ผู้กำกับปล่อยให้การถ่ายทำดำเนินต่อไป หลิวเสี่ยวหนิงสังเกตเห็นความอ่อนโยนของเฉินจุนเหยียนที่มีต่อซูฉิง ทำให้เธอไม่อาจปรับอารมณ์ให้เข้าสู่บทละครได้เลย

“คัท!”

ผู้กำกับหยิบไมโครโฟนขึ้นอย่างโกรธจัดและเตรียมตั้งท่าจะด่านักแสดงสาว เมื่อซูฉิงเห็นว่าผู้กำกับกำลังโกรธเธอจึงรีบพูดขึ้นว่า “ผู้กำกับคะ เสี่ยวหนิงอาจจะยังเด็กและไม่มีประสบการณ์ในความรัก ฉันจะสาธิตมันให้เธอดูรับรองว่าเธอต้องถ่ายฉากนี้ออกมาได้ดีแน่นอน”

ซูฉิงกล่าวเช่นนั้น ผู้กำกับจึงให้โอกาสซูฉิงสอนหลิวเสี่ยวหนิง

เมื่อได้ยินว่าซูฉิงกำลังจะเข้าฉากกับเขา ดวงตาของเฉินจุนเหยียนก็เปลี่ยนไป

หลิวเสี่ยวหนิงมองเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าได้อย่างชัดเจน และเธอรู้สึกว่าหัวใจของเธอกำลังถูกฉีกออกเป็นเสี่ยงๆ และมันเจ็บแปรบที่กลางใจมากๆ แต่เธอกลับทำได้เพียงยืนเงียบ ๆและมองดูซูฉิงเข้าไปนั่งในที่ที่เธอเคยนั่ง

“โอเค หลิวเสี่ยวหนิง คุณสามารถดูวิธีแสดงอารมณ์ของพวกเขา และอีกสักครู่คุณก็ค่อยเข้าไปถ่ายต่อ”

ผู้กำกับตะโกนใส่หลิวเสี่ยวหนิง

“โอเคค่ะ” หลิวเสี่ยวหนิงกำหมัดแน่น กดทับความเศร้าโศกทั้งหมดในหัวใจของตนเอง

ซูฉิงปรับอารมณ์ของเธอให้เป็นไปตามธรรมชาติแล้วมองไปที่เฉินจุนเหยียนที่แสดงท่าทีไม่สนใจเธอ

เธอรู้ว่าเฉินจุนเหยียนชอบเธอ และเฉินจุนเหยียนเองก็รู้ว่าเธอไม่ได้รักเขา คนที่รักเฉินจุนเหยียนก็คือหลิวเสี่ยวหนิงไม่ใช่เธอ

“เฉินจุนเหยียน ถ้านายไม่ชอบก็รีบพูดออกมาตอนนี้เถอะ”

ซูฉิงกระซิบด้วยเสียงที่ได้ยินเพียงสองคนเท่านั้น

การแสดงออกของเฉินจุนเหยียนหยุดลงเล็กน้อย ดวงตาของเขาขยับไปมองที่หลิวเสี่ยวหนิงเพียงชั่วครู่ “ฉันรู้ตัวดี”

แต่มันยากที่จะต้านทานความขมขื่นในหัวใจของตนเอง ซูฉิงจะให้เขาปฏิเสธเธอแบบที่เขาทำกับหลิวเสี่ยวหนิงอย่างนั้นเหรอ เขาเกรงว่าเขาไม่กล้าพอที่จะปฎิเสธหญิงสาวตรงหน้า

เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนั้น ซูฉิงก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก

“’งั้นเริ่มกันเลย”

หลังจากที่ซูฉิงพูดเช่นนี้ เธอก็เข้าสู่บทบาทของตัวละครนั้นทันที สีหน้าและอารมณ์รักใคร่ของเธอก็ถูกถ่ายทอดต่อเฉินจุนเหยียนราวกับว่าเขาคือคนที่เธอรักมากที่สุดในขณะนั้น

ดวงตาที่เปล่งประกายของเธอจ้องไปที่เฉินจุนเหยียนเพียงชั่วครู่ สายตาสวยกำลังทำให้อัตราการเต้นหัวใจของนักแสดงหนุ่มเป็นไปอย่างระรัวเร็ว

คอของเฉินจุนเหยียนรัดแน่นโดยไม่รู้ตัว และเขาก็จ้องมองซูฉิงอย่างไม่วางตา

อารมณ์ทั้งหมดของเขามาถึงจุดสูงสุดแล้วในขณะนี้ เขาเหยียดฝ่ามือใหญ่เพื่อปิดแก้มของซูฉิงลดศีรษะลงแล้วบรรจงจูบลงไปบนริมฝีปากแดงสดของซูฉิง

ดวงตาของซูฉิงเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ และเธอก็พยายามหลีกเลี่ยงแต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทันเสียแล้ว ขณะที่ริมฝีปากหนาของนักแสดงชายละจากไปริมฝีปากเธอก็ยังคงถูกริมฝีปากหนาสัมผัสอย่างวาบหวาม

“!”

“ขอโทษ…”

เฉินจุนเหยียนรู้สึกตัวและเอ่ยขอโทษอย่างรวดเร็ว

ไม่เป็นไร มันเป็นแค่การแสดง ฉันเข้าใจ” อาการเขินอายของซูฉิงถูกปกปิดลงอย่างรวดเร็ว

บัดนี้มีเพียงความเฉยเมยของเธอเท่านั้นที่ถูกส่งเข้าไปในดวงตาของเฉินจุนเหยียน ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก

“หลิวเสี่ยวหนิงเข้ามาถ่ายทำต่อได้แล้ว”

ผู้กำกับเมื่อเห็นว่าบรรยากาศค่อนข้างอึมครึมขึ้น เขาจึงรีบเรียกหลิวเสี่ยวหนิงที่อยู่ข้างๆ ให้เข้ามาแก้สถานการณ์

หลิวเสี่ยวหนิงกำเสื้อผ้าจนแน่นและปรากฎรอยย่น เมื่อเธอได้ยินเสียงของผู้กำกับเธอก็เดินไปทันที

ซูฉิงหลีกทางให้หลิวเสี่ยวหนิงเข้ามาถ่ายทำฉากนี้ต่อ

ฉากสุดท้ายผ่านไปได้ครึ่งทางแล้ว และเมื่อการสั่งให้ตัดจบฉากของผู้กำกับจบลง เฉินจุนเหยียนก็รีบสอดส่องสายตาหาร่างของซูฉิงจากทั่วทุกสารทิศ

แต่เขาก็ได้พบแต่ความผิดหวังเพราะซูฉิงกลับไปแล้ว

เมื่อหลิวเสี่ยวหนิงร่างที่ราวกับไร้วิญญาณของเฉินจุนเหยียน เธอก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยปากพูดกับอีกฝ่าย แต่ในที่สุดเธอก็กัดริมฝีปากล่างของตนเองเอาไว้และรวบรวมความกล้าพูดมันออกมา “คุณเฉิน คุณเป็นอะไรหรือเปล่า … ”

“มันไม่ใช่ธุระของเธอ”

เฉินจุนเหยียนมองอย่างเย็นชาและหันหลังเดินจากไป

ตาของหลิวเสี่ยวหนิงเปลี่ยนเป็นสีแดง ถ้ามีคนไม่มากนักเธอก็คงจะร้องไห้ออกมาจริงๆ

เขาเกลียดเธอขนาดนั้นเลยเหรอ?

ซูฉิงกำลังขับรถกลับและสัญญาณไฟจราจรหยุดลง เธอมองดูไฟสีแดงที่อยู่ข้างหน้าเธอ และความคิดของเธอก็ย้อนกลับไปที่ฉากจูบเมื่อครู่นี้

เธอหายใจเข้าลึก ๆ ถ้าฮ่อหยุนเฉิงรู้เรื่องนี้ เธอจะต้องฆ่าเฉินจุนเหยียนทิ้งแน่ๆ

และเพื่อหยุดความอับอายในวันนี้เธอจึงปลีกตัวออกมาจากกองถ่ายอย่างรวดเร็ว

แต่โชคชะตากลับชอบแกล้งคน สิ่งที่เรากลัวเรามักจะต้องเผชิญหน้ากับมันอย่างหาทางหลีกมิได้

ทันทีที่ซูฉิงกลับบ้าน เธอเปิดประตูและเห็นว่าห้องนั่งเล่นมืด

เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย สงสัยว่าทำไมป่านนี้ฮ่อหยุนเฉิงยังไม่กลับมา

ซูฉิงเปลี่ยนรองเท้าและเตรียมตัวขึ้นชั้นบนของบ้าน

ทันใดนั้นเสียงต่ำของชายที่เต็มไปด้วยความโกรธของชายที่เธอกำลังนึกถึงก็ดังขึ้น

“ซูฉิง เธอต้องอธิบายให้ฉันฟัง เธอกำลังทำอะไรลับหลังฉันอยู่หรือเปล่า?”

“เฮ้!” ซูฉิงจับหน้าอกของเธอและอ้าปากค้างด้วยความตกใจกับเสียงปริศนา

เธอรีบเปิดไฟในห้องนั่งเล่น และเห็นฮ่อหยุนเฉิงนั่งอยู่บนโซฟา ชุดสูทของเขามีรอยย่น ที่เขี่ยบุหรี่บนโต๊ะกาแฟตรงหน้าเธอนั้นเต็มไปด้วยก้นบุหรี่

เขานั่งอยู่ตรงนี้นานแค่ไหนแล้วนะ?

“ทำไมนายไม่เปิดไฟ นายทำให้ฉันตกใจแทบตาย” ซูฉิงนั่งลงตรงข้ามเขา มองไปยังก้นบุหรี่มากมายที่หล่นอยู่ในที่เขี่ยบุหรี่ เธอเอ่ยถามชายตรงหน้าด้วยความเป็นห่วงเมื่อสังเกตเห็นสีหน้าเคร่งเครียด “คุณเป็นอะไรไป เกิดอะไรขึ้นกับงานหรือเปล่า?”

ท่าทางของฮ่อหยุนเฉิงยังคงไม่เปลี่ยนไป เขาค่อยๆหันไปมองซูฉิง ริมฝีปากบางของเขาดึงขึ้นเบา ๆ และเขาก็ยังคงเอ่ยปากถามเธอด้วยคำถามเดิม “ตอบคำถามของฉันเธอไปทำอะไรลับหลังฉันมาหรือเปล่า?”