สงครามเมื่อสองวันที่ผ่านได้ก่อให้เกิดความอลหม่านวุ่นวายอย่างมาก และไม่มีทางเลยที่โมเทียนชิงอดีตเจ้าของร้านจะไม่รับรู้ ในความเป็นจริงเมื่อวานนี้เขาเองได้แอบดูร้านเกมเกือบครึ่งวันใจก็อยากจะเล่นแต่ไม่มีเครื่องใดที่ว่างพอที่จะแทรกเลย
วันนี้เขาจึงเดินเข้ามาในร้านก่อนเวลาแปดโมง พบว่าร้านมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด เขาเดินเข้ามาด้วยความประหลาดใจ “การทำลายฉินฮงหลินและจัดร้านเป็นระเบียบเรียบร้อยของเด็กคนนี้ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ” เขาพึมพำและมองไปรอบๆ
ดูเหมือนว่าข้าประเมินเขาต่ำไปเขาลูบเคราพลางคิด เอ้ะ? หรือว่าข้าควรลองเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพดีมั้ยนะ?
“นี่โมเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพนั้นดีอย่างที่เจ้าว่าหรือไม่? แม้แต่ปีศาจดำและกลุ่มมังกรม้วนยังส่งคนมาเยี่ยมเยียนที่นี่เลยหรือ?” เสียงคนข้างๆ เอ่ยถาม
“เจ้าก็ดูและตัดสินด้วยตัวเองสิ!” โมเทียนชิงพูดเหยียด “เจ้าทั้งสองร้องตามข้ามา แต่ไม่เชื่อข้าพวกเจ้าจะเอายังไงกันแน่!?”
เมื่อพวกเขาเดินเขามาในร้านได้บินเสียงคนจะโกนโวยวาย “ของชิ้นนี้ดีมาก แหวนนี้บวกการต่อสู้ถึงสามคะแนน!”
พวกเขายืนมองคนพลุกพล่านเดินไปมา
“อาจารย์ตังได้หรือ?”
“แล้วท่านเถาละ?”
“เจ้าเห็นชายวัยกลางคนที่แต่งตัวผ้าคลุมชุดดำมั้ย? เขาใช่คนจากปีศาจดำหรือเปล่า?”
“ที่มาพร้อมกับผู้ปลูกฝังชุดคลุมสีเทาที่ชื่อหวังจินหรือไม่!?”
พวกเขาเอ่ยถามขณะยืนอยู่ข้างหลังผู้ปลูกฝังผ้าคลุมสีดำ
“เขาดูเหมือยจะเป้นหนึ่งในสมาชิกจากกลุ่มปีศาจดำ”
“ฮ่าๆๆๆ” ขณะที่พวกเขาเกิดข้อสงสัยกันอย่างสับสน ปีศาจดำหัวเราะร่า “แหวนหกเหลี่ยมเพิ่มคุณสมบัติด้านเวทย์มนตร์! ดีเอามาขายให้ข้าในเมือง ข้าจะตบรางวัลให้อย่างงาม!”
“ขอบคุณท่านหัวหน้า!” สมุนปีศาจตอบกลับ
“นี่ ..” ผู้คนจากกลุ่มศาลาหยวนเฮงทำหน้าหมอง “ทำไมพวกเราไม่เห็นโชคดีบ้าง”
“ทุกคนฟังทางนี้!” ตังหยันตะโกนด้วยความอิจฉา “ใครก็ตามที่ได้ไอเทมที่ดีที่สุดจะได้รับรางวัล!”
“เยี่ยม!” ผู้ปลูกฝังของศาลาหยวนเฮงดูท่าทางเข้มข้นมากขึ้น พวกเขารีบมุ่งหน้าค้นหาสัตว์ร้ายเพื่อมุ่งหวังจะได้ไอเทมดีๆ จากพวกมัน
ในขณะเดียวกันมีคนจะโกนขึ้น “ดูเหมือนว่าข้าจะได้พบสถานที่ใหม่!”
“สถานที่ใหม่!?”
“มันอยู่ที่ไหน?”
“ไปกันเถอะ!”
“โครงกระดูกเยอะมากมาย!”
ขณะที่พวกเขากำลังอึ้งทุกคนต่างวิ่งตามไปยังจุดหมาย
โมเทียนชิงและสหายทั้งสองของเขาอ้าปากค้างเมื่อได้ยินเสียงตะโกน
“ไปกันเถอะ! ท่านผู้เฒ่าโมอย่าขวางทางเรา! เราต้องเดินทางเข้าสู่เกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพแล้วตอนนี้!” ชายทั้งสองพูดอย่างกระวนกระวาย “พวกเราไม่ควรพลาดขุมทรัพย์!”
พวกเขารีบจับจองเครื่องและเข้าเกมอย่างรวดเร็ว
นอกจากโมเทียนชิงแล้วผู้ปลูกฝังคนอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียงก็มาสังเกตการดูเช่นกันว่าที่นี่มีอะไรพิเศษใยถึงดึงดูดกองกำลังใหญ่ขนาดนี้ ขณะเดียวกันผู้เล่นในจิวหัวก็กำลังยืนต่อคิวเพื่อเล่นคอมพิวเตอร์ เนื่องจากสงครามเมื่อสองวันก่อนนั้นใหญ่จนทำให้หลายคนสงสัยว่ามีอะไรพิเศษนักเกี่ยวกับเกม? ทำไมพวกเขาถึงเสพติดกันขนาดนี้
ด้วยความคิดเช่นนี้ผู้เล่นอิสระบางคนเริ่มเข้าสู่เกมเช่นกัน
ในขณะนี้ฟางฉีเองได้แนะนำสมาชิกสมาคมของเขาให้เข้าไปเที่ยวในเมืองทะเลทราย
เมืองนี้ใหญ่มากจนฟางฉีเองยังไม่แน่ใจว่านี้เป็นเมืองหรือโลกใหม่กันแน่ เพราะเขาเองก็เพิ่งมาเมืองซาร์บาร์กเมื่อวานครั้งแรก
กำแพงเมืองนั้นสูงมากจนมองแทบไม่เห็น ราวกับเหมือนมีเมฆสีดำกดทับพวกเขาอยู่ซึ่งเครื่องจักรสงครามทุกชิดไม่สามารถจะทำลายการป้องกันของกำแพงได้เลย
ผู้เล่นสามารถซื้อแผนที่จากคนในท้องถิ่นได้ แต่แผนที่นุ่นคลุมเครือและสถานที่บางแห่งก็มีข้อมูลไม่ชัดเจนเท่าที่ควร ซึ่งฟางฉีเองมาถึงที่นี่เมื่อวาน วันนี้เขาจึงได้เตรียมแผนที่ไว้แล้ว
“หัวหน้าสมาคม! วันนี้เราจะเก็บค่าประสบการณ์เพื่อเพิ่มระดับกันหรือไม่า?” หลังจากสองวันที่ผ่านมาเหล่าสาวๆ ได้เพิ่มระดับกันอย่างรวดเร็วนี่จึงส่งผลให้พวกเธอมีความกระตือรือร้นกับโอกาสนี้อย่างมาก
ขณะนี้เด็กสาวสี่คนจากเมืองครึ่งได้เดินทางมาถึงระดับสิบหกและสิบเจ็ดพวกเธอสามคนเล่นเป็นนักเวทย์ส่วนซูเหยาเล่นเป็นลัทธิเต๋า
สำหรับฟางฉีและเจียงเสี่ยวหยูพวกเขาอยู่ในระดับยี่สิบสี่และยี่สิบเอ็ดตามลำดับ พวกเขาใช้เวลาหมดไปกับการช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีมของพวกเขาเพื่อให้มีระดับสูงขึ้นไล่ตามกัน ถ้าเล่นกันสองคนป่านนี้ระดับของพวกเขาคงจะแซงหน้าไปไกล
ตอนนี้สมาชิกทั้งหกของทีมอยู่ในระดับประมาณยี่สิบฟางฉีเองคิดว่าพวกเขาสามารถต่อสู้กับบอสตัวเล็กๆ ในช่วงแรกได้แล้ว
อย่างไรก็ตามการฆ่าบอสบางครั้งไม่ใช่เพื่อสิ่งของอย่างเดียวแต่เพื่อหนังสือทักษะและเควส .. ใช่! หนังสือทักษะ!
แม้ว่าในโลกที่ฟางฉีจากมาจะมีเกมนี้อยู่ แต่การตามล่าหนังสือทักษะที่นั้นนั้นง่ายเหลือเกินช่างต่างกับโลกนี้ระบบปรับให้หนังสือทักษะที่นี่มีราคาแพงมาก! หนังสื่อทักษะใหม่ๆ จะช่วยให้พวกเขาเพิ่มพลังการต่อสู้ให้สูงขุ้นได้หลายระดับ
ที่สำคัญพวกเขาสามารถเรียนรู้ทักษะเหล่านี้ได้ในชีวิตจริง!
แน่นอนฟางฉีไม่ต้องการเรียนรู้ทักษะเหล่านี้ในชีวิตจริง แต่ในฐานะเจ้าของร้านเขาใช้เกมนี้เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในการเพาะปลูก สำหรับเทคนิคและทักษะของเขาตอนนี้ได้เต็มเปี่ยมไปด้วยเทคนิคการควบคุมดาบนับไม่ถ้วน, การควบคุมสายฟ้าหรือจะเป็นการใช้ดาบเทียนแก๊ง ซึ่งตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องเรียนรู้เพิ่มเติม
ฟางฉีอาจจะไม่ต้องการทักษะเหล่านี้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นๆ ไม่ได้ต้องการเช่นเขา
จากประสบการณ์ที่เขาได้รับก่อนเดินทางมาเมืองนี้และเขาเองก็เลือกที่จะมายังที่นี่
ฟางฉีและเจียงเสี่ยวหยูเคยมาที่นี่เมื่อวานและเริ่มคุ้นเคยกับที่นี่ค่อนข้างมาก ฟางฉีเดินไปที่มุมด้านนอกกำแพงเมืองแล้วดึงอิฐออกมา ทันใดนั้นพื้นดินที่อยู่ใต้กำแพงก็ทรุดตัวลงและเผยให้เห็นอุโมงค์กว้างพอที่คนคนหนึ่งจะเดินผ่านไปได้
ตามเนื้อเกมที่ฟางฉีได้ผ่านมา ที่นี่มีโอกาสสูงขึ้นที่จะได้รับไอเทมและหนังสือทักษะในสถานที่แห่งนี้เป็นที่ซ่อนอยู่จากสายตาของผู้เล่นเริ่มต้น ดังนั้นฟางฉีและจางเสี่ยวหยูเองใช้เวลาตลอดทั้งคืนในการฆ่าซอมบี้และเรียนรู้เทคนิคดาบสังหาร อักษรรูนไฟ ต่างๆ
เห็นได้ชักว่าฟางฉีเองต้องการค้นหาต่อไป “ไปกันเถอะ ข้าจะพาพวกเจ้าไปหาหนังสือทักษะหมา!”
“หนังสืออะไร? ทักษะหมา?” เด็กสาวทั้งสี่ทำหน้างง
(ผู้แปล : ผู้แปลอิ้งกล่าวว่า Dog Book เป็นชื่อเล่นที่ชาวจีนมอบให้ชื่อหนังสือทักษะ Summom Godly Beasts สำหรับลัทธิเต๋า)
“หัวหน้าหมายถึงชื่อหนังสือที่แปลว่า ‘หนังสืออัญเชิญเทพแห่งสัตว์ร้าย’” เจียงเสี่ยวหยูตอบแก้ข้อสงสัย “หัวหน้าบอกข้าเมื่อคืนหลังจากต่อสู้กับสัตว์ประหลาด แต่หลังจากต่อสู้ก็ยังไม่เจอสักที”
เจียงเสี่ยวหยูในระดับยี่สิบเอ็ดใช้อักษรรูนไฟได้นำหน้าฟางฉี ซึ่งเขาเองรู้สึกเขินอายแม้ว่าจะอยู่ในระดับยี่สิบสี่ที่มากกว่าเธอ แต่เทคนนิคการสังหารของเขานั้นยังอยู่ในระดับหนึ่ง ซึ่งเขาเองเพิ่มเรียนรู้มาไม่นาน
ฟางฉีเกาหัวเล็กน้อย “พวกเจ้าต้องเชื่อใจข้า ข้ามีวิธีกำราบพวกสัตว์ประหลาด!”
“เชื่อข้า! ไปกันเถอะ!” จากนั้นเขาเดินนำเขาไปในอุโมงค์ลับ