สายตาของหลัวซืออวี่เลื่อนตามไป
สองคนมองตากัน ก่อนจะเบนหนีอย่างไร้เสียง
หลัวซืออวี่หลุบตามองต่ำ เก็บซ่อนความซับซ้อนในแววตา ออกแรงประคองแขนฮูหยินหลัวเอาไว้
ฮูหยินหลัวถูกบีบจนรู้สึกเจ็บ ถึงค่อยดึงสติออกจากความตื่นกลัวได้ รีบเอ่ยว่า “อวี่เอ๋อร์เจ้าเป็นอะไรหรือไม่? บาดเจ็บหรือเปล่า?”
“ลูกไม่เป็นไร!” หลัวซืออวี่ตอบ ฝืนคลี่ยิ้มส่งให้นาง
ฮูหยินหลัวสำรวจทั่วร่างนาง เมื่อมั่นใจว่าไม่ได้รับบาดเจ็บจริงๆ ถึงได้วางใจในที่สุด
แต่พอหันไปมองร่างที่อยู่ข้างฉู่สวินหยาง ก็อดจะสะเทือนอารมณ์ไม่ได้
บาดแผลของฮูหยินฮั่วสาหัสมาก เพราะหัวธนูที่ปักตรงบริเวณท้องยังไม่ได้ดึงออก เลือดจึงไหลไม่มาก แต่เห็นชัดว่าเป็นจุดอันตราย ตอนนี้ดวงหน้าคนขาวเผือดเหมือนกระดาษ ไร้ซึ่งสีเลือดโดยสิ้นเชิง
ฮั่วชิงเอ๋อร์คุกเข่าอยู่ด้านข้าง จับนางให้พิงอยู่กับอก นิ้วมือกดลงที่ปากแผลตรงท้อง น้ำตาร่วงเป็นสาย ปากก็พึมพำซ้ำไปซ้ำมา “ท่านแม่! ท่านแม่!”
เสียงของนางเบามาก ทั้งยังเจือความหวาดกลัวสุดขั้วหัวใจ คล้ายว่าหากเสียงดังกว่านี้ จะทำลายภาพที่ไม่น่ามองตรงหน้าให้หายวับ นางกัดริมฝีปากแน่นเสียจนเลือดไหลซึมออกมา
ฮูหยินฮั่วนอนหนุนหน้าขานาง ดวงตาว่างเปล่า เหลือเพียงความอาลัยเต็มเปี่ยมที่ใช้จ้องมองบุตรสาว
ฉู่สวินหยางเดินเข้าไปหา
แม้จะรู้ว่าฮูหยินฮั่วไม่ใช่คนดีอะไร แต่ภาพเบื้องหน้าก็ทำให้นางรู้สึกอึดอัดใจไม่น้อย
“ไปดูข้างหน้าหน่อยสิว่ามีหมอหลวงคนไหนอยู่บ้าง เต๋อเฟยก็ได้รับบาดเจ็บเหมือนกัน ประคองนางกับพวกฮูหยินฮั่วไปรอที่ด้านในตำหนักทางโน้นก่อนเถอะ” ฉู่สวินหยางสั่ง พลางเบือนสายตาไปทางชิงเถิงที่เพิ่งเรียกสติคืนมาได้
“เจ้าค่ะ!” ชิงเถิงรับคำ ยกชายกระโปรงวิ่งจากไป
เจี๋ยหงเรียกคนของตนมาช่วยเหลือ ประคองเต๋อเฟยกับพวกฮูหยินหลัวไปที่ตำหนักซึ่งอยู่ห่างไปไม่ไกล เสร็จแล้วก็เดินมาทางนี้เตรียมจะย้ายร่างของฉู่หยินฮั่วไปบ้าง
ฉู่สวินหยางไม่คิดยื่นมือเข้ายุ่ง หมุนกายเดินจากไปทันที
เจี๋ยหงโน้มตัวลงไปอุ้มฮูหยินฮั่ว คิดไม่ถึงว่าพอแตะถูกตัวนาง ฮูหยินฮั่วกลับเจ็บจนร่างชักกระตุก กรีดร้องออกมาอย่างทรมาน
“ท่านแม่…” ฮั่วชิงเอ๋อร์ตกตะลึง ก่อนจะร้องครางเสียงต่ำ
ฮูหยินฮั่วไม่ได้ตอบนางกลับ แต่พยายามรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมด แล้วยกมือขึ้นไปดึงชายกระโปรงของฉู่สวินหยางเอาไว้
ตอนนั้นฉู่สวินหยางกำลังก้าวขาออกเดิน จึงชะงักการเคลื่อนไหว แล้วหันหน้ากลับมามองด้วยสายตาตั้งคำถาม
ริมฝีปากของฮูหยินฮั่วสั่นระริก อาศัยแสงจันทร์ที่สาดส่อง ส่งสายตากังวลและคาดหวังให้นาง พักหนึ่ง จึงหลุดเสียงสั่นเครือที่เบาแผ่วออกมาอย่างเชื่องช้าว่า “ท่านหญิง… ข้า… ท่านฟังข้าพูดสักนิดได้หรือไม่?”
คนสกุลฮั่ว โดยเฉพาะคนที่เห็นดีเห็นงามไปกับฮั่วกังอย่างฮูหยินฮั่วนั้น ฉู่สวินหยางไม่อยากเสวนาด้วยสักนิด
ทว่าตอนนี้ พอได้เห็นสายตาของคู่นั้น นางกลับปฏิเสธไม่ลง
ฉู่สวินหยางไม่ได้ตอบกลับ เพียงก้มลงไปมองนาง
เห็นฉู่สวินหยางยอมรับอย่างเงียบๆ มุมปากของฮูหยินฮั่วพลันยกเป็นรอยยิ้มโล่งใจทันที
นางค่อยๆ ปลดมือที่ดึงกระโปรงของฉู่สวินหยางเอาไว้ หลับตาพลางถอนหายใจ ก่อนจะหันไปเอ่ยกับฮั่วชิงเอ๋อร์ว่า “ประคองข้าลุกขึ้นที!”
ฮั่วชิงเอ๋อร์อึ้งไป ฝืนแรงที่นางพยายามจะยันตัวลุกขึ้นเอาไว้ ส่ายศีรษะอย่างลนลาน “ท่านแม่อย่าเพิ่งขยับ ห้ามไปไหนทั้งสิ้น พวกเราต้องรอหมอหลวงก่อน!”
ฮูหยินฮั่วยิ้มขื่นแต่ก็ยังดื้อดึง พยายามจะลุกขึ้นมาให้ได้
ฮั่วชิงเอ๋อร์ไม่กล้าขัดนาง ทั้งกลัวว่าจะยิ่งทำให้บาดแผลแย่ลงอีก จึงได้แต่กัดฟันพยุงนางให้ลุกขึ้นอย่างจนใจ
ฮูหยินฮั่วยันพื้นปีนขึ้นมา แต่ไม่ได้ลุกยืน เพียงกัดฟันแล้วคุกเข่าอยู่ข้างๆ เท้าของฉู่สวินหยาง
“ท่านหญิง! ข้ารู้ว่าตัวข้ากับท่านอ๋องทำผิดต่อท่าน ทำผิดต่อองค์รัชทายาท พวกเราสองคนตายไปก็ไม่เพียงพอจะชดใช้ความผิด หากท่านอยากโกรธแค้นหรือสาปแช่ง พวกเราล้วนเต็มใจรับไว้ ข้าจะไม่ปริปากบ่นเลยสักคำ” ฮูหยินฮั่วกล่าว เสียงของนางเบามาก ทั้งยังสั่นเครืออยู่ลางๆ ดวงหน้ามีเพียงความหวาดหวั่นและเจ็บปวด แต่ก็ยังเงยหน้าขึ้นอย่างดื้อดึง มองฉู่สวินหยางด้วยความโศกเศร้า เอ่ยเสียงวิงวอนว่า “ข้ารู้ว่าพวกเราสกุลฮั่วทำผิดต่อท่าน พวกเราสองสามีภรรยาตายหมื่นครั้งก็ชดใช้ไม่หมด แต่คนตายแล้วก็เหลือเพียงความว่างเปล่า วันนี้ถือว่าข้าขอร้องท่านด้วยเถิด!”
ฮูหยินฮั่วพูดจบ มือก็กุมบาดแผลอย่างทุลักทุเลพลางค้อมตัวลง ก้มศีรษะโขกแทบเท้าฉู่สวินหยางด้วยความเคารพสูงสุด
ฉู่สวินหยางมองด้วยสีหน้านิ่งเฉย ไร้ซึ่งอารมณ์โดยสิ้นเชิง
นางรู้ว่าฮูหยินฮั่วหมายถึงสิ่งใด และนางก็รู้ว่าทั้งหมดนี้ฮั่วชิงเอ๋อร์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ว่า…
เรื่องนี้ไม่อาจเป็นไปตามที่นางปรารถนาได้
เหมือนกับตอนแรกที่ฮั่วกังร่วมมือกับผู้อื่นทำเรื่องเช่นนี้ หากไม่ใช่ว่านางกับฉู่ฉีเฟิงโชคดี ตอนนี้คนที่ถูกฝังอยู่ใต้ดินคงเป็นพวกนาง ถึงเวลานั้น…
สองสามีภรรยาคงเหยียบข้ามศพพวกนางไป มีหรือจะอาลัยโศกเศร้าให้กับช่วงชีวิตอันงดงามที่ต้องหายไปจากโลกนี้? มีหรือจะรับรู้รสชาติความเจ็บปวดของคนเป็นพ่อแม่ที่ต้องทุกข์ทน?
แม้สถานะของฮูหยินฮั่วจะน่าเห็นใจ ทว่า…
คนที่ทำให้ฮั่วชิงเอ๋อร์ต้องเจอชะตากรรมเช่นนี้ก็คือผู้เป็นพ่อแม่อย่างนางกับฮั่วกัง หาใช่ฉู่สวินหยางไม่
ฮั่วชิงเอ๋อร์พลันเข้าใจว่าฮูหยินฮั่วพยายามหาทางรอดไว้ให้นาง ทางหนึ่งก็ละอาย ทางหนึ่งก็เจ็บปวด นางรีบคว้าหัวไหล่ของฮูหยินฮั่วแล้วกอดไว้แน่น ส่ายหน้าอย่างเอาเป็นเอาตายพร้อมน้ำตาที่ร่วงพรู “ท่านแม่ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว อยู่เฉยๆ นะเจ้าคะ พวกเรารอหมอหลวงก่อน หมอหลวงต้องรักษาท่านได้แน่!”
“เด็กโง่!” ฮูหยินฮั่วถอนหายใจอย่างอับจน ก่อนจะตบหลังมือนางอย่างอ่อนแรง