บทที่ 514 เจ้าลูกกวาดไม่สบาย

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

บทที่ 514 เจ้าลูกกวาดไม่สบาย

บทที่ 514 เจ้าลูกกวาดไม่สบาย

เมื่อครึ่งเดือนก่อน หลังจากที่กองกำลังขนาดเล็กมากมายที่รวมตัวกันล่มสลายลง พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงหายนะ

ถ้าไม่รีบคว้าพื้นที่นี้เอาไว้ มันจะตกเป็นของคนอื่นโดยเปล่าประโยชน์ แต่ถ้าคว้ามันมาได้ก็จะถูกกวาดล้างโดยแก๊งพยัคฆ์เวหาที่ไม่ได้ทำอะไรเลย!

อย่างไรแล้วก็ไม่ใช่ทุกคนที่โง่

เมื่อชายคนนั้นเห็นภาพตรงหน้าก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้

“ฮะ ๆ โจวเฟยหู่ พละกำลังมหาศาลของแกมาถึงขีดจำกัดแล้ว ยอมแพ้ซะ แล้วฉันสัญญาว่าจะดูแลครอบครัวของแกเป็นอย่างดี”

เขามองอีกฝ่ายด้วยความเกลียดชัง

“คุณเหอ พวกเราต้องถอนรากถอนโคนให้หมด! จะทิ้งตัวปัญหาไว้ไม่ได้”

คนข้าง ๆ เขาได้ยินคำพูดนั้นและรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย

“แกสงสัยในการตัดสินใจของคุณเหอเหรอ? ถ้าไม่มีเขาพวกเราคงถูกทำลายไปแล้ว!”

เมื่อได้ยินน้ำเสียงนั้น อีกคนข้าง ๆ เขาก็ไม่พอใจขึ้นมาเหมือนกัน

“ฮ่า ๆ ไม่เป็นไร ฉันไม่กดขี่เหมือนแก๊งพยัคฆ์เวหาหรอก”

ชายวัยกลางคนที่ชื่อว่าคุณเหอหัวเราะออกมา

เมื่อเห็นดังนั้น โจวเฟยหู่ก็รู้สึกสิ้นหวังขึ้นมาในใจ

เขาโทรหาอวี้ฮ่าวหรานเมื่อคืนนี้ และขอให้ชายหนุ่มกลับมาช่วยเหลือ แต่เขาไม่คิดว่ากองกำลังขนาดเล็กเหล่านี้จะรวมตัวกันมากระหน่ำโจมตีในวันนี้

คุณเหอเงยหน้าขึ้น มองความสิ้นหวังบนใบหน้าของอีกฝ่าย และอดเย้ยหยันไม่ได้

“ฉันไม่รู้หรอกว่า พลังของแกทำลายอีกสามแก๊งใหญ่ในเมืองฮ่วยอันได้ยังไง ฉันจำได้ว่าแก๊งฉลามคลั่งกับแก๊งปักกิ่งหยก ต่างก็มีผู้ฝึกกำลังภายในขั้นสูงสุดหาจับตัวยากอยู่ด้วย”

เขาสืบเรื่องนี้มาได้ไม่มากนักและยังรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก

ถึงอย่างไร หากตัดสินจากพละกำลังของแก๊งพยัคฆ์เวหาแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถเอาชนะสองคนนั้นได้…

“ฮะ ๆ เดี๋ยวก็ได้รู้ว่าทำไมพวกเขาถึงแพ้!”

โจวเฟยหู่หัวเราะเยาะ ตราบใดที่พี่อวี้ของเขากลับมา สถานการณ์ตรงหน้าก็จะได้รับการแก้ไขทันที

คุณเหองุนงงยิ่งกว่าเก่าเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น แต่ในไม่ช้าเขาก็เอ่ยคำพูดเสียดสีออกมาอีกครั้ง

“ช่างเถอะ ยังไงซะถ้าแกตาย แก๊งพยัคฆ์เวหาก็จบเห่ ทุกอย่างก็จะจบ!”

ระหว่างบทสนทนานี้ ผู้คนมากมายในพื้นที่ต่างก็เข้าร่วมวงสนทนาคนแล้วคนเล่า

ความแตกแยกระหว่างทั้งสองฝ่ายกำลังย่ำแย่ลงไปอีก!

“เอาเลย!”

ด้วยคำสั่งเสียงดังลั่น ผู้คนหลายร้อยชีวิตพุ่งตรงเข้าไปในอาคารสำนักงานใหญ่ของแก๊งพยัคฆ์เวหาทันที!

ด้านนอกสนามบินฮ่วยอัน…

“งั้น…พี่อวี้ ฉันไปที่แก๊งพยัคฆ์เวหาก่อนนะ”

ตั้งแต่วินาทีที่ก้าวออกจากสนามบิน หวังเหยียนก็เตรียมกล่าวลาทันที

สายโทรศัพท์จากโจวเฟยหู่เมื่อคืนนี้ทำให้เขาเป็นกังวลอย่างหนัก

แน่นอนว่าอวี้ฮ่าวหรานไม่ห้ามเขา

“ไปก่อนเลย ฉันจะตามไปดูสถานการณ์ทีหลัง”

หลังจากไปเที่ยวเล่นหลายวันที่ชิงฉวน โจวเฟยหู่ก็โทรมาขอความช่วยเหลือเมื่อคืนนี้พอดี พวกเขาจึงรีบกลับมา

“งั้นฉันไปก่อนนะ ขอบคุณมากพี่อวี้!”

เมื่อหวังเหยียนได้ยินดังนั้นก็รีบกล่าวขอบคุณ และหันหลังจากไป

หลี่หรงยังไม่รู้จักอีกฝ่ายดีนักจึงไม่ได้พูดอะไรมาก

เธอเปิดบริษัทมามากกว่าหนึ่งปีและไม่ใช่เด็กตัวเล็ก ๆ อีกต่อไปแล้ว เธอรู้ดีว่ามีกองกำลังใต้ดินอยู่ในเมืองฮ่วยอัน…

ถ้าอยากให้บริษัทเติบโตก็ต้องไขว่คว้าทุกทาง

หลังจากผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง ทั้งสามก็กลับมาถึงบ้านในที่สุด

“ฮิ ๆ! คุณพ่อ หนูจะกลับไปอุ้มเจ้าลูกกวาด!”

ถวนถวนพูดขึ้นทันทีที่มาถึงบ้าน เธอไม่ได้เจอเจ้าลูกกวาดมาหลายวันแล้ว

อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะและตอบตกลงทันที

ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสองโมง แดดกำลังออกและมีกองใบไม้ที่ร่วงลงมามากมาย

แสงอาทิตย์อุ่น ๆ ยามบ่ายทำให้ความหนาวเย็นปลายฤดูใบไม้ร่วงจางหายไป

“ยินดีต้อนรับค่ะ! พวกคุณมารับเจ้าลูกกวาดกับลูก ๆ ใช่ไหมคะ?”

ที่โรงพยาบาลสัตว์ สัตวแพทย์คนสวยกล่าวอย่างกระตือรือร้นและรีบไปพาเจ้าลูกกวาดออกมา

“เจ้าลูกกวาด เจ้าลูกกวาด! คิดถึงกันไหม?”

เด็กหญิงตัวน้อยดีใจจนเนื้อเต้นที่ได้อุ้มเจ้าลูกกวาดไว้ในอ้อมแขน

“อืม เจ้าลูกกวาดเป็นยังไงบ้างเหรอ?”

อวี้ฮ่าวหรานถาม

จู่ ๆ สัตวแพทย์สาวก็กระอักกระอ่วนขึ้นมา

“จากที่เฝ้าสังเกตมา ฉันเจอปัญหานิดหน่อยค่ะ”

“ปัญหาเหรอ?”

“คือว่า เจ้าลูกกวาดไม่ค่อยอยากอาหารเท่าไหร่ค่ะ ไม่เหมือนคราวก่อนเลย เรื่องอื่น ๆ ไม่มีอะไร แค่มันไม่ค่อยกินค่ะ”

“ไม่สบายเหรอ?”

อวี้ฮ่าวหรานอดเป็นกังวลไม่ได้

ตลอดหลายเดือนที่อยู่ด้วยกันมา เขาชอบหมาตัวนี้มากทีเดียว

“ฉันคิดว่าจับเจอก้อนบางอย่างในท้องของมันค่ะ”

“ก้อนเหรอ?”

เมื่อได้ยินคำพูดของสัตว์แพทย์สาว อวี้ฮ่าวหรานก็ขมวดคิ้วทันที

ในความเข้าใจของเขา นี่มักไม่ใช่ข่าวดี

“ใช่ค่ะ คุณลองจับดูเองก็ได้ ถ้าเจอฉันจะเอกซ์เรย์ให้ค่ะ”

คุณหมอแนะนำอย่างกระตือรือร้น

ถวนถวนที่กำลังอุ้มเจ้าลูกกวาดอย่างมีความสุขพลันไม่สบายใจขึ้นมาทันที

“คุณพ่อ เจ้าลูกกวาดไม่สบายหรอ?”

“ไม่มีอะไรหรอก แค่เรื่องเล็กนิดเดียว”

แต่ตอนนั้นเอง ชายวัยกลางคนหัวโล้นก็เดินออกมา

“เรื่องเล็กเหรอ? มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ นะ ถ้าคุณไม่ผ่าตัดเนื้องอกให้ทันเวลา มันจะตายแน่นอน”

ชายวัยกลางคนไม่สุภาพเอาเสียเลย

ถวนถวนตะลึงงันเมื่อได้ยินคำพูดของเขา

“เจ้าลูกกวาด…เจ้าลูกกวาดจะตายเหรอ? ฮือ ฮึก”

อวี้ฮ่าวหรานไม่พอใจทันทีเมื่อเห็นว่าลูกสาวของตนเริ่มร้องไห้ด้วยความกลัว

“ผมบอกว่าเป็นเรื่องเล็กก็คือเรื่องเล็ก!”

เขาหันกลับไปมองชายวัยกลางคนหัวล้าน

“เอ่อ… เขาเป็นผู้จัดการร้านของเราค่ะ พอมีประสบการณ์ทางด้านนี้อยู่”

เมื่อเห็นว่าทั้งสองฝ่ายไม่ลงรอยกันนัก คุณหมอคนสวยก็รีบเอ่ยขึ้น

“อืม ผมเองก็สงสารมันแต่ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง เนื้องอกไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก และเอกซ์เรย์ก็ค่าใช้จ่ายไม่แพงด้วย”

ผู้จัดการร้านหัวล้านกล่าว…

ถึงอวี้ฮ่าวหรานจะไม่พอใจกับสิ่งที่ได้ยินก่อนหน้านี้ แต่เขาก็ยังเป็นกังวลอยู่ จึงใช้ดวงตาเทพเจ้าดูข้างในท้องของเจ้าลูกกวาด

มีจริง ๆ ด้วย!

มีเนื้อก้อนขนาดใหญ่อยู่ในท้อง!

เขาไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อนเลย

“งั้นไปเอกซ์เรย์ดูกันเถอะ”

อวี้ฮ่าวหรานเก็บดวงตาเทพเจ้าไป และกล่าวอย่างใจเย็นเพื่อยืนยันผลต่อไป

เขาไม่รู้เลยว่ามันคือเนื้องอกจริงหรือไม่

หลังจากผ่านไปเพียงไม่กี่นาที ผลก็ออกมาอย่างรวดเร็ว

“ผมบอกว่ายังไงนะ? มันคือเนื้องอก โชคดีที่หาเจอตั้งแต่เนิ่น ๆ เดี๋ยวผมผ่าตัดให้เองได้เลย”

ผู้จัดการหัวล้านกล่าวอย่างภาคภูมิใจ

เมื่อถวนถวนได้ยินดังนั้น น้ำตาก็หยดลงมาจากดวงตากลมโตของเธอ

“ฮือ คุณลุงรีบช่วยเจ้าลูกกวาดเร็ว…หนูไม่อยากให้เจ้าลูกกวาดไปไหน…”

อวี้ฮ่าวหรานคิดอะไรออกแล้ว

ถ้าเป็นวิธีการรักษา พลังจิตวิญญาณอาจไม่ทรงพลังนัก แต่ถ้าแค่ฆ่าเซลล์มะเร็งนิดหน่อยละก็ง่ายนิดเดียว!

“ถวนถวน กลับบ้านกันเถอะ พ่อรักษาได้”

เขาอุ้มลูกสาวขึ้นมาปลอบ ถ้าเขาแก้ปัญหาได้ง่าย ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดแล้ว

และเขาก็ไม่ชอบทัศนคติของผู้ชายคนนี้จริง ๆ

แต่ผู้จัดการหัวล้านก็ไม่พอใจขึ้นมาทันที

“คุณเสียดายเงินเหรอ? ถ้ามีเนื้องอกแล้วไม่ผ่าตัดมันต้องตายแน่”

ตอนแรกเขาคิดว่าจะกอบโกยเงินมาเยอะ ๆ แต่ตอนนี้เงินตรงหน้าดันบินหนีไปแล้ว