“เสี่ยวซีซี เจ้าเรียกข้าว่าคุณชายเซี่ย ข้าคิดว่านั่นดูห่างเหินมากเกินไป เรียกข้าว่าเซี่ยก็พอแล้ว” เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“แม้แต่ชื่อเต็มของเจ้า เจ้ายังไม่บอกข้าเลย นี่นับว่าไม่ห่างเหินรึ ?” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชา
“ขะ ข้า…”
“นั่นก็เป็นเพราะว่าข้าอยากให้มันมีความรู้สึกลึกลับน่าค้นหาต่างหากเล่า” เชียนอ้าวเซี่ยยิ้มอย่างเขินอาย
มู่เฉียนซีไม่ได้สนใจอะไรเขา นางเดินต่อไปเรื่อย ๆ การที่เจ้าคนน่ารำคาญผู้นี้ไม่บอกชื่อเต็ม คงเพราะกลัวว่าจะเป็นการเปิดเผยตัวตนเป็นแน่ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีพลังวิญญาณมาตั้งแต่กำเนิด ชอบกระทำตนเป็นเจ้าบ้าก่อเรื่องวุ่นวาย แต่มู่เฉียนซีก็รู้สึกว่าการรับมือกับเขานั้นไม่ง่ายเลย
เมื่อออกมาจากรอยแยกนี้ได้ ทันใดนั้นมู่เฉียนซีก็ได้กลิ่นหอมของบุปผาโชยมา
ดอกบัวสีขาวราวหิมะดอกหนึ่งบานสะพรั่งอยู่บนหิมะที่ดูบริสุทธิ์ตรงหน้านาง การมาครั้งนี้ไม่เสียเที่ยว นางไม่นึกเลยว่าจะเจอเข้ากับดอกบัวผลึกน้ำแข็งเก้าชั้นที่นี่
เชียนอ้าวเซี่ยที่ยืนอยู่ด้านหลังมู่เฉียนซีเดินเข้ามาใกล้นาง “เสี่ยวซีซี ของล้ำค่าเช่นนี้ต้องมีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ปกป้องอยู่แน่ ๆ เจ้าอย่าทำอะไรผลีผลามเด็ดขาด!”
“เรื่องนั้นข้ารู้ดี”
อู๋ตี้เสี่ยวหง สองสัตว์พันธสัญญากล่าวขึ้นว่า “นายท่านให้พวกเราลองลงมือดูก่อนเถอะ”
“อืม”
“อู๋ตี้ ความเร็วของเจ้าน่าเกรงกลัวยิ่งนัก ลองเข้าไปดูก่อน! หากรู้สึกถึงอันตรายก็รีบออกมาให้เร็วที่สุด” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“เข้าใจแล้วนายท่าน”
ร่างของอู๋ตี้พุ่งเข้าไปใกล้ดอกบัวผลึกน้ำแข็งเก้าชั้นนั้นอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด ในเวลานั้นเอง กลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวพัดกระโชกเข้าหามัน
— ตูม! ตูม! ตูม! —
บนพื้นเกิดการสั่นสะเทือนและการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง
ไม่! นี่ไม่ใช่พื้นธรรมดา แต่มันเป็นร่างของงูเหลือมหิมะต่างหาก บริเวณรอบ ๆ ดอกบัวผลึกน้ำแข็งเก้าชั้นนี้มีร่างงูเหลือมหิมะสถิตอยู่
มันเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม นี่เป็นเรื่องที่ไม่ต้องสงสัยเลย
มู่เฉียนซีตะโกน “อู๋ตี้ กลับมา!”
— ฟึ่บ! —
อู๋ตี้อยากจะกลับมา แต่งูเหลือมหิมะนี้ไม่ยอมปล่อยมันไปง่าย ๆ ร่างใหญ่นั้นกำลังพัวพันอู๋ตี้อยู่
“อู๋ตี้ผู้ไร้เทียมทาน หนึ่งเดียวในใต้หล้า มาแล้ว! เจ้าคิดว่าตัวเจ้าใหญ่แล้วเก่งมากนักรึ ข้าก็ใหญ่ได้เช่นกัน”
แมวน้อยร่างเล็กแปลงตนจนใหญ่มหึมาภายในชั่วพริบตา แต่หากเทียบกับงูเหลือมหิมะตัวนี้แล้ว อู๋ตี้ยังเล็กกว่ามันอีกหลายเท่า
— ปัง! —
อู๋ตี้เผชิญหน้าต่อสู้กับงูเหลือมหิมะตัวนี้ ทันใดนั้นเสมือนท้องฟ้าวิปริตแปรปรวนทันใด
แมวน้อยตัวนี้ยากที่จะรับมือ ทำให้งูเหลือมหิมะโกรธอย่างหนัก
“โฮก! โฮก! โฮก!” เสียงคำรามนี้ทำให้สัตว์ใหญ่สีแดงเพลิงพุ่งออกมาจากถ้ำตรงข้าม
มู่เฉียนซีตกตะลึงเป็นอย่างมาก “นั่นงูเหลือมเพลิงรึ ?”
“นึกไม่ถึงเลยว่าทุ่งน้ำแข็งหนาวเย็นแห่งนี้จะมีงูเหลือมเพลิงอาศัยอยู่ นี่มันผิดธรรมชาติแล้ว”
เชียนอ้าวเซี่ย “บนโลกใบนี้กว้างใหญ่ไพศาลนัก แน่นอนว่าย่อมต้องมีสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างกันและส่งผลกระทบต่อกันและกัน แต่ก็ยังสามารถอยู่ร่วมกันได้”
“งูเหลือมหิมะกับงูเหลือมเพลิงมันจับคู่กัน เสี่ยวซีซีเจ้าไม่สังเกตเห็นหรอกหรือว่ามันรักกัน ?”
มู่เฉียนซีส่ายหน้า นางจะเอากะจิตกะใจที่ไหนไปสังเกตกันเล่าว่างูเหลือมหิมะกับงูเหลือมเพลิงสองตัวนี้รักใคร่จับคู่กัน สิ่งที่นางกังวลมากที่สุดในเวลานี้คือความปลอดภัยของอู๋ตี้ต่างหาก นางตะโกน “เสี่ยวหง รีบลงมือเร็ว!”
“งูเหลือมเพลิงเจ้าจะเก่งกาจสักเพียงใดกันเชียว เรื่องเล่นเปลวเพลิงเช่นนี้ ใครหน้าไหนก็มิอาจสู้ข้าได้” หมูน้อยตัวแดงพุ่งออกไปทันใด
“ไสหัวไป!” เมื่อเห็นเสี่ยวหง งูเหลือมเพลิงก็คำรามขึ้นอย่างดูถูกเหยียดหยาม
“เพลิงเผาสวรรค์!” เสี่ยวหงลงมือโจมตี มันอยากจะดูสีหน้าเย่อหยิ่งของเจ้างูนี่สักหน่อย
— ปัง! ปัง! ปัง! —
พวกมันทั้งสี่ต่อสู้กันอย่างดุเดือด ในขณะเดียวกันนั้น ลูกสมุนของงูเหลือมหิมะและงูเหลือมเพลิงตัวเล็ก ๆ นับไม่ถ้วนก็เลื้อยเข้าไปหามู่เฉียนซีกับเชียนอ้าวเซี่ย
เชียนอ้าวเซี่ยจับแขนมู่เฉียนซีเอาไว้แน่นด้วยความตื่นตระหนกเต็มที่ “เสี่ยวซีซี เราจะทำอย่างไรกันดี ? พวกมันมาแล้ว ข้ากลัว… ข้ากลัว!”
เหล่าบรรดางูเหลือมหิมะและงูเหลือมเพลิงตัวเล็ก ๆ นี้ ตัวที่อ่อนแอที่สุดเป็นสัตว์วิญญาณระดับห้าหรือระดับหก ส่วนตัวที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่ง
มู่เฉียนซีดึงเขาพลางกล่าว “จะอย่างไรก็รีบออกไปจากตรงนี้กันก่อนเถอะ ตรงนี้พื้นที่แคบเกินไป ไม่สะดวก”
— ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! —
เข็มยานับไม่ถ้วนพุ่งออกไป มู่เฉียนซีเริ่มวางยาพิษเร็วพลัน จากนั้นนางตะโกน “มังกรเพลิงสังหาร!”
“มังกรวารีพิฆาต!”
มู่เฉียนซีรับมือต่อสู้อย่างหนักแต่เพียงผู้เดียว ส่วนเชียนอ้าวเซี่ยเปรียบเสมือนบุปผาดอกเล็ก ๆ ที่สวยงาม เขาเอาแต่หลบอยู่ด้านหลังมู่เฉียนซีเพื่อให้นางปกป้องดูแล
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “เฮ้! เจ้าไม่คิดจะออกแรงช่วยกันหน่อยรึ ?”
เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวอย่างไร้เดียงสา “เสี่ยวซีซี เจ้าก็เห็นแล้วว่าร่างกายข้าไม่มีพลังวิญญาณมาตั้งแต่กำเนิด ไม่อาจฝึกฝนใด ๆ ได้ เกรงว่าข้าคงไม่อาจต่อสู้ศัตรูร่วมกับเสี่ยวซีซีได้ แต่เรื่องอื่นข้าลงมือออกแรงได้ อย่างเช่น…”
“หุบปากของเจ้าประเดี๋ยวนี้!”
เจ้าคนน่ารำคาญผู้นี้หาเรื่องก่อกวนไมรู้จักกาลเทศะเอาเสียเลย น่ารำคาญจริง!
“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะไม่มีพลังใด ๆ เลย”
“เสี่ยวซีซี มันเป็นเรื่องจริง”
มู่เฉียนซีไม่ต้องการจะกล่าววาจาไร้สาระกับเขาแล้ว นางทำได้เพียงต้านสัตว์วิญญาณเหล่านี้อย่างสุดกำลังเท่านั้น
— ปัง! —
— ตูม! ตูม! —
พวกเขาอยู่ห่างจากเขตการต่อสู้นั้นมาไกลแล้ว แต่พลังนั้นส่งผลต่อพวกเขาอีกครั้ง ทั้งสองจึงตกลงไปในรอยแยกของกำแพงน้ำแข็งอย่างรุนแรง แต่ทั้งสองก็ไม่ได้เจอกับสิ่งกีดขวางใด กำแพงน้ำแข็งด้านหลังนั้นเป็นพื้นที่ว่างเปล่า
— ตุบ! —
ทั้งสองตกเข้าไปในนั้น เคราะห์ดีที่สัตว์วิญญาณเหล่านั้นไม่ได้ตามมา
ทว่าสัตว์วิญญาณระดับสามสองตัวที่อยู่ในบริเวณนั้นโกรธเกรี้ยวอย่างมาก “สมควรตาย สมควรตายยิ่งนัก มีคนลอบเข้ามาในอาณาเขตที่พวกเราปกป้องอยู่เช่นนั้นรึ ?!”
พวกมันจะพุ่งเข้ามาแต่ถูกอู๋ตี้กับเสี่ยวหงขัดขวางเอาไว้ “กากเดนสองตัวอย่างพวกเจ้า คิดว่าจะขวางทางนายท่านของพวกข้าได้รึ ?”
“หลีกทางออกไปเดี๋ยวนี้!”
“พวกข้าไม่หลีกเจ้าจะทำไม ? จะกัดข้ารึอย่างไร ?”
— ตูม! ตูม! ตูม! —
พวกมันเริ่มต่อสู้อย่างดุเดือดอีกครั้ง มู่เฉียนซีได้ยินงูเหลือมสองตัวนี้กล่าวกันว่าที่นี่เป็นอาณาเขตที่พวกมันปกป้อง แสดงว่าต้องไม่ใช่สถานที่ธรรมดา ๆ เป็นแน่
ดูเหมือนว่าด้านในจะมีของบางอย่างอยู่
มู่เฉียนซีกล่าว “สัตว์วิญญาณเหล่านั้นไม่กล้าเข้าใกล้ตรงนี้ เชียนอ้าวเซี่ยเจ้ารอข้าอยู่ตรงนี้ก่อน ข้าจะเข้าไปดูข้างในสักหน่อย”
เชียนอ้าวเซี่ยดึงแขนมู่เฉียนซีเอาไว้ “เสี่ยวซีซี ข้าเข้าไปเป็นเพื่อน”
มู่เฉียนซี “เจ้าบอกว่าเจ้าไม่มีกำลังต่อสู้มิใช่รึ ? หากเกิดอันตรายขึ้นข้างใน ข้าไม่ช่วยเจ้าหรอกนะ”
“เสี่ยวซีซี ข้าอยู่คนเดียวตรงนี้ข้ากลัว… หากสัตว์พันธสัญญาสองตัวของเจ้าต้านงูเหลือมนั่นไว้ไม่ได้ ข้าก็ต้องรอความตายอยู่ตรงนี้ แม้แต่โอกาสจะมองหน้าเสี่ยวซีซีครั้งสุดท้ายก็ไม่มี เช่นนั้นข้าไม่เอาด้วย…”
เนื่องจากงูเหลือมหิมะกับงูเหลือมเพลิง ‘เป็นคู่รักกัน’ พวกมันจึงร่วมมือกันต่อสู้จนทำให้พลังของพวกมันแข็งแกร่งขึ้นมาก พลังของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามอย่างอู๋ตี้กับเสี่ยวหงอาจจะรับมือกับพวกมันไว้ไม่ได้
มู่เฉียนซีจ้องมองเชียนอ้าวเซี่ยอย่างละเอียดถี่ถ้วน นางกล่าวว่า “หวังว่าการคาดเดาและความรู้สึกของข้าไม่ผิดพลาด คนอย่างเจ้าสามารถดูแลตัวเองได้”
“แต่ข้าไม่อยากดูแลตัวเอง เสี่ยวซีซีแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ต้องปกป้องข้าได้แน่นอน”
เมื่อเดินลึกเข้าไปในถ้ำน้ำแข็ง มู่เฉียนซีก็พบกับกำแพงน้ำแข็งที่ซ่อนอยู่ใต้ดินมานานหลายร้อยปี บนกำแพงน้ำแข็งนี้สลักลวดลายและอักษรบางอย่าง สิ่งที่บันทึกไว้นั่นก็คือบุคคลในตำนานของเซี่ยโจว… จักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้ผู้แข็งแกร่งกว่าจักรพรรดิสงครามขวางอวิ๋น
มู่เฉียนอึ้งงัน “ที่แห่งนี้คงจะไม่ใช่สุสานของจักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้กระมัง”
เชียนอ้าวเซี่ย “จักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้สถาปนาแคว้นเฉียนเซี่ย แต่สุสานกลับไม่ได้อยู่ในแคว้นเฉียนเซี่ย ข้าไม่นึกเลยว่าจะอยู่ในทุ่งน้ำแข็งแห่งนี้ มิน่าล่ะผู้คนมากมายที่พยายามค้นหากันมาหลายพันปีจึงหาสุสานของจักรพรรดิปิงเสว่หลิงตี้ไม่เจอสักที”
.