มู่เฉียนซีเหลือบมองเขา นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาเต็มสิบส่วน “เจ้าเป็นคนของสำนักอวิ๋นเยียนรึ ?”
ในใต้หล้านี้ นอกจากคนที่ขอความช่วยเหลือจากสำนักอวิ๋นเยียนก็คือคนที่เกรงกลัวสำนักอวิ๋นเยียน เชียนอ้าวเซี่ยเป็นคนแรกที่มู่เฉียนซีเห็นว่ากล้ากล่าวว่าจะเอาสำนักอวิ๋นเยียนมาเป็นสินสอดทองหมั้นนาง
เชียนอ้าวเซี่ยยิ้มสดใส “จะเป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไรกันเล่าเสี่ยวซีซี บางทีในดินแดนเซี่ยโจวไม่ได้มีเพียงแค่สำนักอวิ๋นเยียนสำนักเดียวที่เป็นสำนักนิกายระดับหนึ่ง”
ดวงตามู่เฉียนซีฉายแววสงสัยขึ้นมา หรือว่าสายข่าวกรองของนางผิดพลาด แต่ทุกคนล้วนรู้ดีว่าในดินแดนเซี่ยโจว มีแค่สำนักอวิ๋นเยียนสำนักเดียวที่เป็นสำนักนิกายระดับหนึ่ง มิเช่นนั้นคนของสำนักอวิ๋นเยียนจะทำตัวเย่อหยิ่งอวดดีเช่นนั้นได้อย่างไร
เชียนอ้าวเซี่ย “ถึงตอนนั้นเสี่ยวซีซีก็จะรู้เอง ขอเพียงเจ้าบอกข้าว่าเจ้าต้องการมันหรือไม่ก็พอ”
มู่เฉียนซีจ้องมองชายรูปงามตรงหน้าอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนจะกล่าวอย่างเชื่องช้าว่า “ข้าไม่ได้สนใจอะไรในตัวเจ้า ต่อให้เจ้าเอาสินสอดทองหมั้นมาวางตรงหน้ามากมายข้าก็ไม่ต้องการ เจ้าไสหัวไปได้แล้ว”
“พรวด!” เวลานี้เอง ตัวประหลาดขนขาวกระอักเลือดคำโตออกมา
ตนเจ็บปวดถึงเพียงนี้แล้ว หนุ่มสาวสองคนนี้ยังมีกะจิตกะใจมาสนทนาเรื่องความรักต่อหน้าเขาอีก เขาจะไม่โกรธจนกระอักเลือดออกมาได้อย่างไรไหว
“ตกลงเจ้าจะเอาอย่างไรถึงจะยอมช่วยข้า ?”
มู่เฉียนซีแค่นเสียงเย็นชา “ข้าไม่อยากช่วย”
ตัวประหลาดขนขาว “เจ้าต้องการดอกบัวผลึกน้ำแข็งเก้าชั้นมิใช่รึ ? ในทุ่งน้ำแข็งแห่งนี้มีดอกบัวผลึกน้ำแข็งเก้าชั้นอยู่จริง ๆ ขอเพียงเจ้าช่วยข้า ข้าจะบอกเจ้าทันทีว่ามันอยู่ที่ไหน”
“อุบายเก่า ๆ เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่ออุบายซ้ำซากของเจ้าเป็นครั้งที่สองรึ ?”
ตัวประหลาดขนขาวโกรธอย่างที่สุด “เจ้า… เจ้ารังแกกันมากเกินไปแล้ว ข้าจะลากเจ้าตายไปกับข้าด้วย!”
— ตูม! —
ทันใดนั้นตัวประหลาดขนขาวก็บ้าคลั่งขึ้นอย่างไร้ที่เปรียบ อู๋ตี้เสี่ยวหงเห็นท่าไม่ดีรีบตะโกนขึ้น “นายท่านรีบหนีเร็วเข้า! ตัวประหลาดเฒ่าบ้าคลั่งผู้นี้กำลังจะระเบิดตัวเองแล้ว”
— ปัง! ปัง! ปัง! —
มีหรือมู่เฉียนซีจะอยู่นิ่งเฉย นางใช้พลังวิญญาณทำให้องครักษ์ของเชียนอ้าวเซี่ยฟื้นขึ้นมา
“คุณชาย รีบหนีเร็วเข้า!”
— ตูม! ปัง! ปัง! —
ชั้นน้ำแข็งใต้หุบเขานี้บอบบางเป็นอย่างมาก
พลังนั้นระเบิดออกมาจากชั้นบนทำให้น้ำแข็งแตกกระจาย จากนั้นร่างของมู่เฉียนซีก็ตกลงมาด้านล่าง
“อือ… ฮือ!”
เสียงร้องอู้อี้ดังขึ้น มู่เฉียนซีก้มมองร่างที่อยู่ใต้ร่างของนาง นางรีบเคลื่อนตัวพลางกล่าวขึ้น “คุณชายเซี่ย เจ้าชอบเป็นเบาะรองมนุษย์มากนักรึ ?”
“ข้าเปล่าสักหน่อย ข้าแค่ชอบเป็นเบาะรองให้เสี่ยวซีซีมากกว่า ว่าแต่เสี่ยวซีซีไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนใช่หรือไม่ ?”
ทั่วทั้งร่างกายของเชียนอ้าวเซี่ยดูเหมือนไม่มีกระดูกเลย เขาขยับเข้าใกล้มู่เฉียนซีเพื่อจะดูว่านางได้รับบาดเจ็บหรือไม่
มู่เฉียนซียื่นมือไปกดไหล่เขาพลางกล่าวขึ้น “เจ้าอย่าขยับ!”
สภาพเขาในตอนนี้ดูเหมือนว่ากระดูกในร่างกายแตกละเอียดหมดแล้วกระมัง ? ยังมีหน้ามากล่าววาจาทะเล้นเช่นนี้ได้อีก
คิ้วโค้งงามราวกับภาพวาดของเชียนอ้าวเซี่ยขมวดเล็กน้อย “เสี่ยวซีซี ข้าจะกลายเป็นคนพิกลพิการแล้วใช่หรือไม่ ? ถ้าหากข้ากลายเป็นคนพิกลพิการไปจริง ๆ เสี่ยวซีซีก็จะไม่ต้องการข้าแล้วใช่ไหม ?”
“มีข้าอยู่ เจ้าจะกลายเป็นคนพิการได้รึ ? ฝันไปเถอะ!” มู่เฉียนซีตะโกนใส่หูเขา
เชียนอ้าวเซี่ยถูกมู่เฉียนซีตะโกนใส่เช่นนี้ก็รู้สึกมึนเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ยิ้มอย่างมีเสน่ห์เหลือร้าย “เวลาที่เสี่ยวซีซีโกรธช่างดูมีเสน่ห์ยิ่งนัก! ข้าชอบ”
เดิมทีมู่เฉียนซีคิดจะให้ยาสลบเขา แต่ดูเหมือนว่าเจ้าคนน่ารำคาญผู้นี้ไม่เกรงกลัวต่อความเจ็บปวดใด ๆ เช่นนั้นลงมือสด ๆ เลยก็แล้วกัน
ต่อกระดูก!
“อ๊าก!” เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังลั่นออกมาจากรอยแยกของก้นหิมะพุ่งขึ้นสู้ท้องนภา จากนั้นเสียงอันแผ่วเบาก็ค่อย ๆ ดังขึ้น “ฮืม เสี่ยวซีซี เบามือหน่อยสิ ข้าเจ็บจะขาดใจตายอยู่แล้ว”
“อ๊าก! เสี่ยวซีซีข้าขอร้องล่ะ เจ้าเบามือลงหน่อย”
“เจ็บแท้ ๆ อ๊าก!”
หมอปีศาจลงมือต่อกระดูกที่หักในร่างกายของเขากลับมาเป็นปกติแล้ว แต่เชียนอ้าวเซี่ยกลับเหงื่อไหลพรากทั้งร่างเปียกโชกราวกับไปตกน้ำมา
เจ็บนัก! แม่นางผู้นี้ไม่รู้จักคำว่าทะนุถนอมบ้างหรืออย่างไรกัน ?
อาภรณ์ขาวดูโปร่งใสเมื่อมันเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ มันเผยให้เห็นผิวใต้ผ้านั้น ผิวหนังที่ขาวดุจดั่งหิมะแทบจะทำให้คนหลงใหลตกอยู่ในภวังค์ปรากฏแก่สายตามู่เฉียนซีแล้ว
ทว่ามู่เฉียนซีนางไม่ได้สะทกสะท้านกับความงามนั้นแม้แต่น้อย อีกทั้งยังเตรียมตัวที่จะไปปรุงยา หลังจากที่ปรุงยาออกมาแล้วนางก็ฉีดยาให้กับเชียนอ้าวเซี่ย
“อ๊าก!” เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นอีกครั้ง เขาผู้ที่อยู่ในตำแหน่งสูงส่ง มีชีวิตสุขสบาย กลับต้องมาโดนกระทำอย่างโหดร้ายไร้มนุษยธรรมเช่นนี้ นี่นับว่าเป็นครั้งแรก แต่จะว่าไปเขาก็รู้สึกดีไม่น้อยเลย
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกเล็กน้อย เจ้าหมอนี่มีอุปนิสัยวิปริตเสียจริง
การที่เจ้าเขาได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ก็เป็นเพราะว่าเขาเป็นเบาะรองให้กับนาง นางจึงไม่ได้คิดจะทำร้ายเขาอย่างโหดร้ายทารุณ นางหยิบขวดยาออกมายื่นให้เขาหลายขวดก่อนจะกล่าว “กินยาพวกนี้ให้หมดเจ้าก็จะไม่เจ็บแล้ว”
เชียนอ้าวเซี่ยรับยาในมือนางมา สีหน้าเขาเผยให้เห็นถึงความดีใจมีชีวิตชีวา นี่ไม่ใช่การแสดง แต่เป็นปฏิกิริยาของเขาจริง ๆ
เขากล่าวด้วยความตกใจว่า “เสี่ยวซีซี ข้าไม่ได้หูฝาดตาฝาดไปใช่หรือไม่ ข้าต้องกินหมดนี่เลยรึ ?”
ยาวิญญาณเหล่านี้อย่างน้อยก็เป็นยาระดับหก และยาหลายขวดนี้รวมกันก็ประมาณสี่สิบถึงห้าสิบเม็ด!
กินทั้งหมดนี้… ผิดธรรมชาติแล้ว ยาวิญญาณล้ำค่าจะกินมากเช่นนี้ได้อย่างไรกัน ? เขาคิดว่าตนเองนั้นได้ผ่านประสบการณ์มามากมายและเห็นสิ่งต่าง ๆ มาก็มาก ทว่าเรื่องนี้ถือเป็นครั้งแรกของเขา ต่อให้เป็นสำนักปรุงยาก็คงไม่กล้ากระทำเรื่องเช่นนี้ได้
ท่าทางตกตะลึงของเชียนอ้าวเซี่ยทำให้มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกอีกครา ฝีมือการแสดงเก่งกาจอย่างเจ้าน่ารำคาญผู้นี้ก็มีสีหน้าเช่นนี้เป็นด้วย
“หากอยากเจ็บต่อไป เจ้าก็ไม่ต้องกินก็ได้”
“กิน กิน ข้ากิน!” เชียนอ้าวเซี่ยรีบกินยาวิญญาณด้วยความเชื่อฟัง
เขาที่ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส ในไม่ช้าร่างกายก็ฟื้นกลับมาเป็นปกติ เขามองมู่เฉียนซีด้วยความรักใคร่ กล่าวว่า “ข้าไม่คิดว่าเสี่ยวซีซีจะร่ำรวยถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังใจกว้างให้ยาข้าจำนวนมาก เสี่ยวซีซี ต่อไปเจ้าเลี้ยงดูข้าด้วยได้หรือไม่ ข้าทำได้ทุกอย่างเลย โดยเฉพาะ…”
หากไม่ใช่เพราะอาการบาดเจ็บก่อนหน้านี้ มีหวังมู่เฉียนซีต้องถีบสั่งสอนเขาไปแล้วเป็นแน่แท้ ปากดีนัก!
มู่เฉียนซี “เจ้าหยุดก่อเรื่องได้แล้ว ที่นี่นอกจากข้าก็ไม่มีคนอื่น เจ้าทำเช่นนี้เพื่ออะไรกัน ? ไม่เหนื่อยบ้างหรือ ?”
เชียนอ้าวเซี่ยขยับเข้าใกล้มู่เฉียนซี “เสี่ยวซีซีพูดถูก ที่นี่มีเพียงเราสองคน หากเสี่ยวซีซีจะทำอะไรกับข้า ข้าก็จะไม่ขัดขืน อยากจะจับอยากจะเล่นส่วนไหนของข้าก็ตามสบายเลย”
สีหน้าของมู่เฉียนซีหม่นลง เจ้าน่ารำคาญผู้นี้แสดงละครเก่งเสียยิ่งกว่าอะไร ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจทำให้เขาเผยธาตุแท้ออกมาได้เลย
“ข้าไม่ชอบคนสะดีดสะดิ้งเช่นเจ้าหรอก ข้าชอบบุรุษที่มีนิสัยสุขุมเยี่ยงชายชาตรีเจ้าเข้าใจหรือไม่ ? หากเจ้ายังวุ่นวายกล่าววาจากวนประสาทข้าอีกข้าจะทำให้เจ้าเป็นสตรีเสียให้รู้แล้วรู้รอด”
เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวอย่างไม่พอใจ “เสี่ยวซีซี รสนิยมของเจ้าเป็นอย่างไรกันแน่ ?”
“ไม่ใช่แบบเจ้าก็แล้วกัน”
มีหมอปีศาจอย่างมู่เฉียนซีอยู่ แน่นอนว่าอาการบาดเจ็บของเชียนอ้าวเซี่ยฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว
เวลานี้ทั้งสองอยู่ใต้รอยแยกของหุบเขาน้ำแข็ง ระยะความกว้างของรอยแยกนี้เล็กเท่าขนาดหนึ่งคนเดิน แต่ระยะความสูงขึ้นไปนั้นไกลมาก อีกทั้งชั้นน้ำแข็งยังลื่นมาก คิดจะปีนขึ้นไปนั้นคงไม่ใช่เรื่องง่าย
คนอื่น ๆ ไม่ได้ตกลงมาด้วย ดูเหมือนว่าครั้งนี้โชคของมู่เฉียนซีกับเชียนอ้าวเซี่ยไม่ดีไม่ค่อยจะดีนัก
“ในเมื่อขึ้นไปไม่ได้ เช่นนั้นก็หาดูจุดสิ้นสุดของรอยแตกนี้ก่อนดีกว่ามันอยู่ตรงไหน” มู่เฉียนซีกล่าว
เชียนอ้าวเซี่ย “ทุกอย่างเอาตามที่เสี่ยวซีซีว่าเลย ข้าผู้นี้เชื่อฟังอยู่แล้ว”
มู่เฉียนซีเหลือบมองเชียนอ้าวเซี่ยด้วยหางตา “คุณชายเซี่ย คำพูดทุกคำพูดของเจ้า แม้แต่ผีก็ยังไม่เชื่อ”
.