ดวงตามู่เฉียนซีทาบทาความเย็นชา นางกล่าวขึ้นว่า “พวกเจ้ากล้าโกหกข้า พวกเจ้าต้องชดใช้”
ในขณะนั้น เหล่าพรรคพวกที่อยู่ข้างกายของอู่เผิงเอามือกุมหน้าตนเองด้วยความกลัวและกล่าวออกมา “เลือด… เลือด…”
ทวารทั้งเจ็ดของพวกเขานั้นมีเลือดไหลออกมาอย่างน่าสยดสยอง เมื่อตอนแรกเริ่ม เลือดนั้นเป็นสีแดง แต่ต่อมาภายหลังก็กลับกลายเป็นเลือดสีดำดูน่ากลัว ส่วนอู่เผิงที่เป็นผู้นำนั้น ก็ไม่พ้นเลือดออกเช่นกัน
ทวารทั้งเจ็ดหลั่งโลหิต พลังวิญญาณถูกปิดผนึก เวลานี้พวกเขาดูน่าอนาถยิ่งว่าอิ๋นซวงซวงเสียอีก อู่เผิงเบิกตากว้างมองมู่เฉียนซีก่อนจะกล่าวว่า “เจ้า… เจ้าวางยาพิษพวกเรา แต่ว่าข้านั้นไม่ได้กินของอะไรจากเจ้าเลย เป็นไปได้อย่างไรกัน ?”
การวางยาพิษในอาหารนั้นไม่ใช่วิธีการที่ชาญฉลาดนัก วิธีการที่ชาญฉลาดกว่านั้นคือการวางยาพิษโดยที่ไม่ต้องให้ฝ่ายตรงข้ามสัมผัสหรือจับต้องอะไรทั้งสิ้น ก็สามารถทำให้พิษเข้าสู่ร่างกายได้
ทันใดนั้นอู๋ตี้ออกมาจากมิติ มันลูบขนที่ขาวดั่งหิมะของตนเอง “กล้าที่จะมาวางยาพิษนายท่านของข้า ข้านั้นอดคิดไม่ได้จริง ๆ ว่าพวกเจ้าช่างโง่งมเกินใคร”
เชียนอ้าวเซี่ยมองไปยังสตรีชุดสีม่วงที่อยู่ตรงหน้าอย่างงุนงง ที่แท้แล้วนางนั้นไม่เพียงแต่รู้ว่าอู่เผิงและพวกคิดไม่ซื่อวางยาพิษ แต่นางยังได้ลอบวางยาพิษใส่พวกนั้นอีกด้วย …นางเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้พิษอย่างแน่นอน “เจ้า… พรวด…”
คนชั่วช้าเหล่านั้นวางแผนร้ายกับผู้อื่น สุดท้ายกลับโดนผู้อื่นใช้แผนร้ายสวนกลับจนตกอยู่ในสภาพน่าอนาถ
ตัวประหลาดขนขาวกล่าวขึ้น “พวกไร้ค่าของสำนักเจินอู่พวกนี้จะตายก็ตายไปเสียเถอะ แต่ว่าเจ้าทั้งสองนั้นเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยของข้า ข้าไม่ปล่อยไปแน่”
กล่าวจบ ตัวประหลาดขนขาวก็เริ่มลงมือ
“ช่างกล้านัก!” อู๋ตี้ร้องคำรามออกมา ฉับพลันทันใดร่างเล็ก ๆ ของมันนั้นพองโตขึ้นมา รุดเข้าไปบังเอาไว้ที่ด้านหน้าของมู่เฉียนซี “แม้ว่ารูปร่างของเจ้าจะดูแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก แต่พลังความสามารถของเจ้า อย่างมากคงเป็นเพียงจักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับเก้าเท่านั้น คิดจะมาทำร้ายนายท่านของข้า รนหาที่ตายแล้ว!”
อู๋ตี้ไม่รอช้า พุ่งเข้าไปต่อสู้กับตัวประหลาดขนขาว
ในตอนนี้เอง เงาร่างสีขาวเงาหนึ่งพุ่งมาทางมู่เฉียนซี รูปร่างของมันเหมือนกับตัวประหลาดขนขาวนั้นไม่มีผิดเพี้ยน
เชียนอ้าวเซี่ยร้องตะโกนอย่างร้อนรน “เสี่ยวซีซี ระวัง!”
“พลังซวนตี้!” มู่เฉียนซีรีบโต้กลับ พลังนั้นของนางพุ่งทะยานไปทางตัวประหลาด — ปัง! —
เคราะห์ร้ายที่ฝ่ายตรงข้ามเป็นถึงระดับจักรพรรดิ มู่เฉียนซีจึงโดนพลังตบกระเด็นออกไป
“เสี่ยวซีซี!” เชียนอ้าวเซี่ยพุ่งเข้าไปรับมู่เฉียนซีอย่างงุ่มง่าม แต่ผลสุดท้ายเขากลายเป็นเบาะรองนั่งมนุษย์
“แค่ก ๆ”
“อ๊าก!”
กระดูกบนร่างของเขานั้นหักไปหลายท่อน ใบหน้าของเชียนอ้าวเซี่ยเหงื่อผุดพราย ในตอนนี้เอง เป็นอีกครั้งที่ตัวประหลาดขนขาวใกล้เข้ามา
เชียนอ้าวเซี่ยรีบดึงมู่เฉียนซีเอาไว้และกล่าวออกมาอย่างหวาดกลัว “คราวนี้ข้ากับเจ้า เราตายแน่!”
ทว่าเสียงที่บ้าคลั่งเสียงหนึ่งลอยมา “เพลิงเผาสวรรค์!”
บนแดนหิมะที่เย็นยะเยือก มีเปลวเพลิงสีแดงพุ่งออกมาห่อหุ้มร่างของตัวประหลาดขนขาวนั้นเอาไว้
“โฮก! โฮก! โฮก!” ตัวประหลาดขนขาวร้องโหยหวน มันดิ้นรนท่ามกลางเปลวเพลิง
มู่เฉียนซีคว้ามือที่เย็นยะเยือกด้านหลังของเขาเอาไว้ เมื่อพลิกร่างหนึ่งครา นางก็สามารถคุมเชียนอ้าวเซี่ยไว้ได้ เชียนอ้าวเซี่ยขมวดคิ้ว กล่าวด้วยเสียงแหบแห้ง “เจ็บ! เสี่ยวซีซี ข้าเจ็บมาก…”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ในเมื่อเจ้ากลัวเจ็บ เหตุใดถึงวางแผนที่จะทุบให้ข้าสลบไปรึ ?”
นางนั้นมีความรู้สึกที่รวดเร็วต่ออันตรายรอบกาย ในตอนหน้าสิ่วหน้าขวานนั้น เจ้าบุรุษน่ารำคาญผู้นี้ลอบไปที่ด้านหลังของนาง หมายจะทุบนางให้สลบไป เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวอย่างงุนงง “เสี่ยวซีซีเจ้ากําลังพูดอะไร ? เซี่ยไม่เข้าใจ”
นิ้วเรียวของนางแตะลงบนคอของเชียนอ้าวเซี่ย น้ำเสียงของนางเย็นยะเยือกอย่างหาที่เปรียบมิได้ “เจ้าอย่าแกล้งโง่งมไปหน่อยเลย ข้าไม่รู้ว่าเจ้าต้องการที่จะซ่อนเร้นอะไรไว้ แต่ข้าไม่เชื่อว่าเมื่อจวนจะตายอยู่รอมร่อแล้ว เจ้าจะไร้ซึ่งความโมโห”
“อึก…” เชียนอ้าวเซี่ยหายใจอย่างลำบากเป็นที่สุด ทว่าเขาในสภาพที่รอถูกผู้อื่นเชือดทิ้งนั้น ไม่ได้มีท่าทีว่าจะตอบโต้แต่อย่างใด
มู่เฉียนซีเป็นหมอยา นางจึงสามารถควบคุมกำลังของตนเองได้ดี เมื่อเห็นว่าเชียนอ้าวเซี่ยที่แม้จะตายก็ไม่ยอมรับ นางรู้สึกว่าหมดสิ้นความน่าสนใจจึงได้ปล่อยมือ
เชียนอ้าวเซี่ยลูบคอตนเอง เขายิ้มหน้าซื่อก่อนจะกล่าวว่า “ข้ารู้อยู่แล้วว่าเสี่ยวซีซีนั้นคงจะฆ่าข้าผู้ที่อยู่ใต้ฟ้าเหนือพสุธา ผู้เป็นบุรุษงดงามสุดที่จะหาผู้ใดเทียบเทียมได้หนึ่งเดียวผู้นี้ไม่ลงหรอก” มู่เฉียนซีปัดหิมะที่อยู่บนร่างของนางออกก่อนจะกล่าวขึ้น “เจ้าเสแสร้งเก่งนัก ข้ากล้าเดิมพันเลยว่าข้าไม่สามรถถอดหน้ากากของเจ้าออกได้ และก็ไม่รู้สึกว่ามันจำเป็นที่จะต้องทำด้วย เพียงแต่เจ้าอย่าได้มาทำให้ข้าโมโหจนกลายเป็นศัตรูกับข้าก็พอ”
เสี่ยวหงเผาเจ้าตัวประหลาดไปแล้ว ทว่านั่นเป็นเพียงแค่ร่างแยกเท่านั้น ตัวจริงของมันในตอนนี้กำลังสู้กับอู๋ตี้อยู่
เมื่อได้เห็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามอีกตัวหนึ่ง สีหน้าของตัวประหลาดขนขาวก็เปลี่ยนไปอย่างมาก “เจ้า… เจ้าทำพันธสัญญากับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองตัวเลยรึ ?!”
สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามนั้นเทียบเท่าได้กับบุคคลระดับจักรพรรดิ ผู้ที่มีไว้ครอบครองจึงสามารถท่องเที่ยวไปทั่วทั้งทวีปเซี่ยโจวได้ เมื่อพบเจอเข้ากับจักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับเก้าก็มิจำเป็นต้องหวั่นกลัว
— ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! —
อู๋ตี้เสี่ยวหงเริ่มการต่อสู้แบบสองต่อหนึ่งขึ้น ส่วนเข็มยาของมู่เฉียนซีเองก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้วเช่นกัน เจ้าหมอนี่หมกหมุ่นฝึกฝนจนหลงผิดธาตุอัคคีแตกไปเข้าวิถีมาร และได้พึ่งพาวิธีการที่น่าสะอิดสเอียนมาทำการยับยั้งควบคุมอาการเอาไว้ แต่บัดนี้ถึงเวลาที่ลูกธนูร้ายจะพุ่งไปจนหมดระยะ ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะทำอันตรายแก่ผู้ใดได้แล้ว
หากทำให้สิ่งอันตรายที่เก็บสะสมและซ่อนเร้นมาเป็นเวลานานบนตัวของมันระเบิดออกมา ตัวประหลาดจะต้องตายตกไปอย่างอนาถแน่นอน
— ตูม! ตูม! ตูม! —
ของขวัญที่มู่เฉียนซีจะมอบให้แก่ตัวประหลาดนั้น นางเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว เวลานี้ตัวประหลาดที่ถูกเสี่ยวหงและอู๋ตี้เล่นเอาเสียจนมีบาดแผลเต็มตัว ได้ถูกเข็มยาของมู่เฉียนซีล้อมเอาไว้
— ซึ่บ! —
เมื่อเข็มยาทิ่มเข้าสู่ร่างกายของเขานั้น ตัวประหลาดขนขาวรู้สึกได้ว่าเกิดเรื่องขึ้นแล้ว และเป็นเรื่องใหญ่เสียด้วย — ปั้ก! ปั้ก! ปั้ก! —
พลังในร่างกายของเขาเริ่มไหลผ่านในเส้นลมปราณอย่างวุ่นวาย จึงทำให้เขาเจ็บปวดเหลือจะทน ดวงตาของเขาจ้องมองมู่เฉียนซีแล้วกล่าวขึ้นว่า… “เจ้า… เจ้าต่ำช้านัก เจ้าวางยาข้า ข้ายับยั้งควบคุมมันอย่างยากลำบากมายาวนานหลายปี แต่เจ้า… เจ้าทำลายมันลงสิ้นเสียทั้งหมดแล้ว”
สตรีอายุน้อยผู้นี้น่ากลัวนัก นางสามารถมองเห็นสภาพร่างกายของเขาได้อย่างรวดเร็ว และในเวลาเดียวกันก็โจมตีเขาด้วยการโจมตีที่ร้ายแรงต่ออันตรายที่ซ่อนอยู่ในร่างกายของเขา
— ปึก! —
พลังของตัวประหลาดขนขาวเริ่มอ่อนแอลงเรื่อย ๆ มันกลิ้งอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวด ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่จะให้มู่เฉียนซีต้องลงมือแล้ว
มู่เฉียนซี “เจ้าตัวประหลาดเฒ่า เจ้าร่วมมือกับสำนักเจินอู่เพื่อทำร้ายเหล่าเด็กหนุ่มเด็กสาวไปไม่น้อย วันนี้จงไปสำนึกผิดในนรกเสียเถิด” “อ๊าก! ข้าไม่อยากตาย” ตัวประหลาดเฒ่าขนขาวกล่าวปานใจจะขาด
“เจ้าช่วยข้าได้ เจ้ามีวิธีที่ทำให้พลังในร่างกายของข้าระเบิดออกมา ก็จะต้องมีวิธีที่จะสะกดควบคุมมันอย่างแน่นอนใช่หรือไม่ ? ใช่หรือไม่ ?!” ตัวประหลาดขนขาวมองมู่เฉียนซีด้วยแววตาเว้าวอน
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเฉยเมย “เจ้าเดาถูก แต่แล้วเหตุใดข้าถึงต้องช่วยศัตรูอย่างเจ้าล่ะ ?”
“สำนักเจินอู่ ในสำนักเจินอู่ไม่มีใครไม่ฟังคำสั่งจากข้า ขอแค่เพียงเจ้าช่วยข้า ข้าจะมอบสำนักเจินอู่ให้แก่เจ้า นั่นเป็นถึงสำนักนิกายครึ่งระดับ”
สำนักนิกายครึ่งระดับ ด้วยกำลังทรัพย์และอิทธิพลของตระกูลมู่กับหอหมอปีศาจแล้ว หากคิดที่จะควบคุมสำนักนิกายครึ่งระดับสักสำนักหนึ่ง นั่นไม่ใช่เรื่องยากเลย
มู่เฉียนซี “เหอะ! เพียงแค่สำนักนิกายครึ่งระดับ หากว่าเจ้าบอกว่าจะยกสำนักนิกายระดับหนึ่งอย่างสำนักอวิ๋นเยียนให้แก่ข้า ข้ายังพอที่จะลองคิดดูได้อยู่บ้าง”
“นั่นเป็นสำนักนิกายระดับหนึ่ง!” ตัวประหลาดขนขาวแสดงสีหน้าดุร้าย สำนักนิกายระดับหนึ่งมีบุคคลระดับจักรพรรดิอยู่ไม่น้อย ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะเทียบได้
ทันใดนั้นเอง ไม่ทราบว่าเชียนอ้าวเซี่ยได้มาถึงที่ข้างกายของมู่เฉียนซีเมื่อไร เข้าก้มศีรษะลงมากระซิบข้างหูนาง “เสี่ยวซีซี ถ้าหากว่าข้าเอาสำนักนิกายระดับหนึ่งมาเป็นสินสอด เจ้าจะเปิดใจให้ข้า เชียนอ้าวเซี่ยผู้นี้หรือไม่ ?”