ตอนที่ 252 คู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

จูฉีและยอดฝีมือจ้าวพิภพอีกคนหันมองหน้ากันก่อนที่ร่างของทั้งสองจะหายวับ ฉับพลันพวกเขาก็พุ่งเข้าโจมตีฉินอวี้โม่อย่างไม่ลังเล

ในมโนสำนึกของคนเช่นพวกเขา ไม่มีคำว่า ‘ต่อสู้อย่างยุติธรรม’ แม้จะต้องใช้ถึงสองคนเพื่อรุมเล่นงานสตรีเพียงคนเดียวก็ยังถือว่าเป็นเรื่องปกติ

ขอเพียงพวกเขาสามารถเอาชนะได้ ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีการใดก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือระดับสูงสองถึงคน ฉินอวี้โม่ก็ไม่กล้าประมาทแม้แต่ครึ่งก้าว กระบี่ปีกจักจั่นพลันปรากฏในมือแล้วฟาดฟันออกไป

กระบี่อ่อนปีกจักจั่นของนางในเวลานี้ดูต่างไปจากเดิมเล็กน้อย

กระบี่ในมือนางดูเปล่งประกายกว่าที่เคย แสงที่สะท้อนออกมาจากคมกระบี่สว่างไสวชวนแสบตา อีกทั้งแรงกดดันที่แผ่ออกจากตัวกระบี่ก็ทรงพลังมากขึ้นด้วย

ก่อนจะมายังดินแดนอ้างว้างแห่งนี้ ปรมาจารย์เยว่เหยาผู้เป็นเลิศในด้านการหลอมแห่งแผ่นดินหวนหลิงได้ช่วยนางปรับปรุงกระบี่นี้ด้วยตัวเอง

ก่อนหน้านี้ แม้ว่ากระบี่ปีกจักจั่นจะเป็นกระบี่ที่ดี แต่ความแข็งแกร่งและความเฉียบคมยังไม่ถึงระดับที่ฉินอวี้โม่พึงพอใจ

ทว่าหลังจากถูกปรมาจารย์ผู้เฒ่าปรับปรุงเปลี่ยนแปลง กระบี่อ่อนคู่ใจฉินอวี้โม่ก็กลายเป็นอุปกรณ์ระดับสมบัติขั้นสูง ความแข็งของมันนั้นเทียบได้กับความแข็งของเพชร ความเฉียบคมของมันเพียงพอที่จะทำให้อสูรมายาระดับจักรพรรดิบาดเจ็บได้อย่างง่ายดาย

เคร๊ง !

ยอดฝีมือขอบเขตจ้าวพิภพแห่งหุบเขาหงส์ร่วง ผู้มีนามว่า ‘ลั่วเสวี่ยเหิน’ แทงหอกในมือเข้าปะทะกับกระบี่ของฉินอวี้โม่

หอกเล่มนั้นห่อหุ้มไปด้วยพลังมายาอันเข้มข้น ทันทีที่ปะทะกัน ฉินอวี้โม่ก็รับรู้ได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาล

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพลังของอีกฝ่ายจะรุนแรงมาก แต่ฉินอวี้โม่ที่มีความเร็วอันเหนือชั้นกว่าก็ไม่ตกเป็นรองง่าย ๆ

หลังการจู่โจมที่ผ่านมา อดีตมือสังหารก็หายไปจากจุดเดิมก่อนจะปรากฏตัวขึ้นอีกด้าน แล้วเข้าเล่นงานอีกฝ่ายจากอีกทิศทาง

เคร๊ง! เคร๊ง! เคร๊ง!

ลั่วเสวี่ยเหินมีปฏิกิริยาตอบสนองที่ว่องไวยอดเยี่ยม เขาสามารถรับกระบวนท่าของฉินอวี้โม่ได้ทั้งหมด พลังมายาอันมหาศาลของเขาทำให้ฉินอวี้โม่ต้องรีบถอยห่างออกไปเพื่อดูเชิง

ต้องยอมรับเลยว่าพลังของยอดฝีมือขอบเขตจ้าวพิภพของดินแดนอ้างว้างแข็งแกร่งอย่างแท้จริง

แม้ว่าฉินอวี้โม่เองก็อยู่ในขอบเขตเดียวกันแต่ก็เพิ่งจะทะลวงพลังขึ้นมาได้ไม่นานทำให้รากฐานไม่มั่นคง ทุกครั้งที่ปะทะกัน นางจึงถูกอีกฝ่ายกดดันให้ถอยด้วยพลังที่มากกว่า

ลั่วเสวี่ยเหินเองก็ถอยห่างออกไปหลายก้าว ก่อนจะยืนมองฉินอวี้โม่ด้วยแววตาประหลาดใจไม่น้อย

ลั่วเสวี่ยเหินผู้นี้คือคนที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นอันดับที่สองรองจากลั่วเยาเซียน เขาคือจอมยุทธ์จ้าวพิภพที่มีประสบการณ์โชกโชน และยิ่งกว่านั้น เขายังเป็นคนที่หมั่นฝึกฝนสภาพร่างกายอย่างหนัก แม้แต่ลั่วเยาเซียน หากปะทะกับเขาตรง ๆ ก็อาจจะตกเป็นรองได้

ทว่าดรุณีน้อยผู้นี้กลับดูไม่เป็นรองแม้แต่น้อย นางรับกระบวนท่าของเขาทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย ดูจากทีท่าแล้ว คล้ายว่านางจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย เรื่องนี้ทำให้ลั่วเสวี่ยเหินอดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้

เขาเองก็สัมผัสได้ว่าฉินอวี้โม่เพิ่งจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตจ้าวพิภพ รากฐานพลังยังไม่มั่นคงนัก ซึ่งนั่นถือว่าห่างไกลจากตัวเขามาก การที่นางสามารถรับมือกับกระบวนท่าของเขาได้โดยง่ายเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่านางเองก็คงฝึกฝนร่างกายมาด้วยวิธีที่ไม่ธรรมดา

ฉินอวี้โม่ยืนจ้องมองอีกฝ่าย ทว่ายังไม่ทันจะมีเวลาได้คิดสิ่งใดก็มีกระแสลมสายหนึ่งพัดเข้าปะทะ

ฉินอวี้โม่ตัดสินใจได้โดยสัญชาตญาณ นางทะยานออกไปจากจุดนั้นอย่างไม่ลังเล

หลังจากหลบออกไปได้อย่างหวุดหวิด นางก็เห็นจูฉีที่ในมือถือกระบี่สีฟ้ากำลังยืนอยู่ในจุดที่นางอยู่ก่อนหน้านี้

“รวดเร็วอะไรเพียงนี้!”

เมื่อพบว่าที่ตนใช้กระบี่ฟันลงไปเป็นเพียงภาพเงาร่างของฉินอวี้โม่ที่เกิดจากการที่นางเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง จูฉีก็อดอุทานออกมาไม่ได้

เพื่อการโจมตีครั้งนี้ เขาต้องคอยหลบหลีกอยู่นานกว่าจะหาจังหวะที่เหมาะสมที่สุดในการลอบสังหารได้สำเร็จ ด้วยการจู่โจมนี้ ต่อให้อีกฝ่ายมีเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งก็คงจะบาดเจ็บสาหัสเป็นแน่แท้

ไม่คิดเลยว่าฉินอวี้โม่จะรอดพ้นการโจมตีของเขาไปได้อย่างง่ายดาย ยิ่งกว่านั้นยังดูราวกับว่านางไม่ต้องใช้ความพยายามแม้แต่น้อย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องบาดเจ็บเลย

การมีความเร็วขนาดนั้นได้ ฉินอวี้โม่ผู้นี้ต้องมิใช่คนธรรมดาแน่

ฉินอวี้โม่ไม่เสียสมาธิ ร่างของนางหายวับไปอีกครั้ง กระบี่ในมือถูกเปลี่ยนไปถือในองศาที่แปลกประหลาด พลันร่างบางก็พุ่งเข้าจู่โจมจูฉีที่กำลังตกตะลึงอยู่

แม้ว่าคุณชายรองตระกูลจูจะสัมผัสได้ถึงอันตรายและรีบหลีกเร้นอย่างรวดเร็ว แต่ความเร็วของฉินอวี้โม่ก็ยังเหนือกว่ามาก ทำให้กระบี่อ่อนเฉือนเข้าที่เอวของเขา แม้ว่าตัวคนจะไม่บาดเจ็บแต่ชุดที่สวมใส่ก็ฉีกขาด

“แข็งแกร่งมาก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุใดคุณชายจูถึงได้ดูยำเกรงเจ้านัก”

ลั่วเสวี่ยเหินที่เงียบมานานเอ่ยชื่นชม รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปาก ในเวลาเดียวกัน คนรอบข้างก็สัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่พุ่งสูงขึ้นของเขา

เมื่อได้ยินที่ลั่วเสวี่ยเหินพูดและสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของอีกฝ่าย ฉินอวี้โม่ก็เริ่มมองคนผู้นี้เปลี่ยนไปจากเดิม

ลั่วเสวี่ยเหินผู้นี้ไม่ใช่คนเลวร้าย อย่างน้อย ๆ ตอนนี้ฉินอวี้โม่ก็ไม่รู้สึกถึงความเป็นศัตรูหรือเจตจำนงแห่งการสังหาร อีกฝ่ายมีเพียงจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้เท่านั้น

ที่สำคัญลั่วเสวี่ยเหินผู้นี้ไม่เคยวางตัวสูงส่งหรือกดข่มผู้อื่น แม้ว่าตัวเขาจะเป็นถึงยอดฝีมือระดับจ้าวพิภพก็ตาม

“คุณชายจู ขอท่านอย่าได้เข้ามาแทรกแซงในการประลองระหว่างข้ากับแม่นางผู้นี้ !”

ลั่วเสวี่ยเหินหันไปหาจูฉีก่อนกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่น่าเกรงขามไร้ข้อกังขา

ทันทีที่ได้ยินวาจาของลั่วเสวี่ยเหิน จูฉีก็แข็งค้างไป เมื่อสังเกตแววตาของอีกฝ่ายเขาก็พบว่าฝ่ายนั้นไม่ได้ล้อเล่น

“จอมยุทธ์ลั่ว ท่านอย่าได้ประมาท ขอเพียงเราสองคนร่วมมือกัน อีกไม่นานนางต้องพ่ายแพ้แน่”

จูฉีหันไปมองฉินอวี้โม่ก่อนจะกล่าวคัดค้านการตัดสินใจของลั่วเสวี่ยเหิน

ความแข็งแกร่งของฉินอวี้โม่ทำให้เขาประหลาดใจมาก ดังนั้นแล้ว เขาจึงอยากจะรีบจบการต่อสู้ครั้งนี้โดยเร็วที่สุด

“ฮ่า ๆ ๆ ข้าบอกว่าอยากจะประลองกับนางตัวต่อตัว หากคุณชายจูยืนยันว่าจะเข้ามาแทรกแซง เห็นทีข้าคงต้องเล่นงานท่านก่อน”

ลั่วเสวี่ยเหินไม่ไว้หน้าจูฉีแม้แต่น้อย น้ำเสียงของเขาหนักแน่นจริงจังถึงขีดสุด

จูฉีอึ้งไปในทันที เขาไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะกล้าพูดออกมาถึงขนาดนี้

เขาไม่คิดว่าคนจากขุมกำลังเล็ก ๆ เช่นนี้จะแสดงกิริยาไม่ไว้หน้าเขา แม้ว่าลั่วเสวี่ยเหินจะเป็นยอดฝีมือขอบเขตจ้าวพิภพก็ตาม แต่เขาก็เป็นถึงบุตรชายของผู้นำขุมกำลังพญายมซึ่งเป็นขุมกำลังใหญ่ แม้แต่ลั่วเยาเซียนก็ยังต้องพูดกับเขาอย่างเกรงใจ คิดไม่ถึงว่าคนที่เป็นเพียงลูกน้องของลั่วเยาเซียนจะกล้าพูดออกมาเช่นนี้

“ลั่วเสวี่ยเหิน อย่าลืมสถานะของเจ้า เจ้าเป็นเพียงคนของขุมกำลังเล็ก ๆ เท่านั้น เจ้าไม่มีสิทธิ์มาต่อรองกับข้า”

จูฉีจ้องมองลั่วเสวี่ยเหินพลางกล่าวเสียงแข็งกร้าว

ตอนนี้เขากับลั่วเยาเซียนตกลงจะร่วมมือกันแล้ว ลั่วเยาเซียนเป็นผู้นำของที่นี่ เขาไม่เชื่อว่าลั่วเสวี่ยเหินผู้นี้จะกล้าขัดคำสั่งของเขา

“เหอะ สถานะของข้าจะเป็นอย่างไรมันไม่สำคัญ สำคัญคือท่านไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า”

ลั่วเสวี่ยเหินยิ้มอย่างไม่แยแส แรงกดดันมหาศาลถูกปล่อยออกมาจากร่างอันแข็งแกร่งของเขา พุ่งตรงไปยังร่างของจูฉี

เมื่อสัมผัสได้ถึงแรงกดดันของลั่วเสวี่ยเหิน และยังได้ยินวาจาอันหนักแน่นของอีกฝ่าย จูฉีก็กัดฟันพลางกัดหมัดแน่นแต่ก็ไม่กล้าเอ่ยสิ่งใด

ต่อหน้าของยอดฝีมือระดับนี้ ตัวเขาไม่มีพลังพอจะโต้แย้งได้

“ฮึ่ย !”

จูฉีเปล่งเสียฮึดฮัดด้วยความโมโห ก่อนจะจำใจยอมถอยออกไปจากจุดนี้ เขาไม่กล้าจะยื่นมือเข้าไปแทรกแซงการต่อสู้ของลั่วเสวี่ยเหิน

ในสายตาของเขา ฉินอวี้โม่และลั่วเสวี่ยเหินถือว่ามีฝีมือสูสีกัน อีกทั้งสองคนนี้ต่างก็เป็นบุคคลที่น่าฆ่าให้ตายทั้งคู่ เช่นนั้น หากปล่อยให้สู้กันจนตายไปข้างหนึ่งได้ก็ดีไม่น้อย จากนั้นเขาค่อยเข้าไปเก็บกวาดในภายหลัง

“ช่วยข้าจับตาดูเขาเอาไว้ !”

เพื่อความมั่นใจลั่วเสวี่ยเหินเรียกอสูรมายาของตัวเองออกมา ก่อนจะออกคำสั่งให้เฝ้าดูจูฉีเอาไว้

“รับทราบ นายท่าน”

อสูรมายาของลั่วเสวี่ยเหินพยักหน้ารับก่อนจะไปยืนอยู่ไม่ไกลจากจูฉีเพื่อคอยป้องกันไม่ให้เข้าไปยุ่งกับการต่อสู้

“แม่นางฉินอวี้โม่ ข้าลั่วเสวี่ยเหิน วันนี้มีโอกาสได้พบคนมีพรสวรรค์อย่างเจ้า ข้าหวังว่านี่จะเป็นการต่อสู้ที่ดี !”

ลั่วเสวี่ยเหินกล่าวกับฉินอวี้โม่ด้วยรอยยิ้ม คนผู้นี้ถือว่ามีน้ำใจแห่งจอมยุทธ์โดยแท้

เมื่อได้ยินวาจาอีกฝ่าย ฉินอวี้โม่เองก็ยิ้มพร้อมตอบกลับไป

“ขอจอมยุทธ์ลั่วโปรดชี้แนะ”

ลั่วเสวี่ยเหินเป็นบุคคลที่น่าสนใจไม่น้อย ดูแล้วอายุของเขาน่าจะราว ๆ สามสิบต้น ๆ การที่มีฝีมือระดับนี้ถือว่ามีพรสวรรค์อย่างน่าประทับใจ

ยิ่งกว่านั้น คนผู้นี้ยังเหมือนจะไม่สนใจคำสั่งของลั่วเยาเซียนผู้เป็นหัวหน้าและไม่ไว้หน้าจูฉี น่าสนใจจริง ๆ

เมื่อได้ยินวาจาของจอมยุทธ์หญิงตรงหน้า ลั่วเสวี่ยเหินก็ยิ้มออกมาพลันพุ่งเข้าโจมตีฉินอวี้โม่ด้วยหอกในมือ

ปัง !

สองยอดฝีมือปะทะกันอีกหนึ่งกระบวนท่า ก่อนแยกออกจากกัน

“แม่นางฉิน ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าเหตุใดเจ้าถึงมีพละกำลังมากขนาดนั้น ?”

ลั่วเสวี่ยเหินถามด้วยความใคร่รู้ เรื่องพลังมายาหรือความเร็วเขาไม่แปลกใจ มันถือเป็นเรื่องปกติของผู้มีพรสวรรค์ แต่ที่เขาข้องใจคือเรื่องพละกำลัง ไม่น่าเชื่อว่าสตรีร่างบางอย่างฉินอวี้โม่จะแข็งแกร่งพอจะปะทะกับเขาตรง ๆ ได้

“ข้ามีวิธีฝึกฝนพละกำลังในแบบของข้า ที่สำคัญพลังมายาของข้าก็เหนือกว่า แต่เจ้ากลับปะทะกับข้าได้อย่างไม่เป็นรอง หรือว่าเจ้าเองก็มีวิธีการฝึกฝนพละกำลังที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน ?”

ฉินอวี้โม่ยิ้มก่อนจะกล่าวตอบเสียงเรียบ

“ถามเรื่องวิธีการฝึกกันเช่นนี้มันเสียมารยาทนะ จอมยุทธ์ลั่ว”

อดีตนักฆ่าสาวไม่คิดอธิบาย อย่างไรนางก็ไม่คุ้นเคยกับคนผู้นี้และไม่คิดว่ามีเหตุผลใดที่ต้องสนทนากันให้มากความ

เหตุผลที่ฉินอวี้โม่แข็งแกร่งในด้านนี้ก็เป็นเพราะนางฝึกฝนสมรรถภาพร่างกายด้วยวิธีการพิเศษแบบเดียวกับชีวิตในชาติที่แล้ว มันเป็นวิธีการที่คล้ายกับสิ่งที่อาจารย์ซ่างกวนสอนแต่เหนือชั้นกว่า ด้วยเหตุนั้นนางจึงมีพละกำลังเหนือคนทั่วไปมาก

ที่สำคัญตอนนี้นางยังมีเกราะหานอวี้ รวมถึงรองเท้าของเสี่ยวเฮยช่วยเสริมพลังจึงไม่แปลกที่นางสามารถรับมือกับอีกฝ่ายได้อย่างไม่เป็นรอง

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าดูผิวเผินคล้ายตนจะไม่เป็นรอง แต่จริง ๆ แล้วฉินอวี้โม่รู้ตัวดีว่าพลังของนางด้อยกว่าอีกฝ่ายอยู่ขั้นหนึ่ง

ทุกครั้งที่ปะทะกันมือของนางจะชาจนแทบไร้ความรู้สึก ต้องยอมรับเลยว่าลั่วเสวี่ยเหินผู้นี้ทรงพลังมาก

คนผู้นี้ถือเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่งเท่าที่นางเคยรับมือมา

“ฮ่า ๆ ๆ น่าสนใจมาก เช่นนั้นลองสัมผัสพลังนภายุทธ์ของข้าหน่อยเป็นอย่างไร !”

ลั่วเสวี่ยเหินยิ้มอย่างมีความสุขพลันระเบิดพลังในร่างกาย ชั่วพริบตาพลังมายาอันมหาศาลก็หลั่งไหลออกมาจากร่างของเขา

หอกในมือของจอมยุทธ์ตระกูลลั่วค่อย ๆ ลอยขึ้นไปในอากาศก่อนจะหมุนคว้างอย่างรวดเร็ว กระทั่งในที่สุดก็ก่อตัวกลายเป็นพายุขนาดใหญ่

“นภายุทธ์ —— หอกวายุคลั่ง !”

หอกที่หมุนควงด้วยความเร็วสูงอีกทั้งยังถูกห่อหุ้มด้วยลมพายุที่รุนแรงพุ่งตรงเข้าหาฉินอวี้โม่อย่างรวดเร็ว

แน่นอนว่าอดีตมือสังหารอย่างนางไม่กล้าประมาท กระบี่จักจั่นในมือเปลี่ยนสภาพกลายเป็นกระบี่ขนาดยักษ์อย่างรวดเร็ว แสงสว่างเจิดจ้าเปล่งออกมาจากคมกระบี่จนยากจะมองมันได้ตรง ๆ

“นภายุทธ์ —— กระบี่ยักษ์ทลายปฐพี !”

ในพริบตากระบี่ยักษ์ของฉินอวี้โม่ก็ตรงเข้าปะทะกับหอกวายุคลั่งของฝ่ายตรงข้าม

ตูม !

อาวุธทั้งสองปะทะกันอย่างรุนแรงจนเกิดเสียงดังสนั่น ระลอกคลื่นจากการปะทะของพลังอันรุนแรงสาดกระจายไปทั่วทุกทิศทาง ฝุ่นดินฟุ้งตลบอบอวล

ทุกคนในสนามรบต่างก็รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนจนต้องรีบหันไปดู

ขณะนี้กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งกำลังปะทะอยู่กับหอกที่หมุนวนจนก่อเกิดเป็นพายุอยู่กลางอากาศ ซึ่งพลังอันรุนแรงจากทั้งกระบี่และหอกต่างก็ทำให้ทุกคนเบิกตากว้างด้วยความตื่นตะลึง

ในตอนนี้สนามรบหยุดนิ่งลง ทุกคนชะงักค้าง ทุกสายตาจับจ้องมายังฉินอวี้โม่และลั่วเสวี่ยเหินเพียงสองคนเท่านั้น

.