หยาดเหงื่อไหลลงมาจากหน้าผากของฉินอวี้โม่ไม่ขาดสาย ลั่วเสวี่ยเหินเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งมาก กระบี่ยักษ์ของนางไม่สามารถทะลายกระบวนท่าจากหอกของอีกฝ่ายได้โดยง่าย

อย่างไรก็ตาม ฉินอวี้โม่ก็ยังไร้ซึ่งความกลัวและไม่เสียสมาธิแม้แต่น้อย นางรีบรีดเค้นพลังมายาในร่างกายส่งเข้าไปในกระบี่ยักษ์เพื่อเสริมพลังอย่างรวดเร็ว

ทางด้านลั่วเสวี่ยเหินเองก็มีเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดพรายขึ้นเต็มใบหน้าเช่นกัน เขาไม่คิดเลยว่าฉินอวี้โม่จะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้

หอกวายุคลั่งถือเป็นกระบวนท่าที่เขาเชื่อว่าไร้เทียมทาน มันคือกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา  เขาไม่คิดว่าสตรีที่มีพลังด้อยกว่าจะสามารถต้านทานพลังของมันได้โดยไม่ตกเป็นรอง และขณะนี้ เขาเองก็เร่งรีบส่งพลังมายาเข้าไปในหอกของตนเช่นกัน

ในตอนนี้สถานการณ์ของทั้งคู่ยังคงสูสีกันอยู่

“นายหญิงระวัง !”

ทันใดนั้นเอง ฉินอวี้โม่ก็ได้ยินเสียงตะโกนเตือนที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันจนนางต้องขมวดคิ้วแน่น

ทว่าเพราะสถานการณ์ตรงหน้ากำลังบีบคั้น การต่อสู้ระหว่างนางกับลั่วเสวี่ยเหินยังสูสีกันอยู่ ฉินอวี้โม่จึงไม่อาจหันเหความสนใจไปที่อื่นได้

ผิดกับลั่วเสวี่ยเหินที่สีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขาถึงขั้นรีบถอนพลังกลับมาจากหอกวายุ ก่อนจะเคลื่อนไหวร่างกายอย่างรวดเร็วเพื่อพุ่งหลบออกไปจากจุดนั้น

เสี้ยวลมหายใจต่อมา ฉินอวี้โม่ได้ก็ยินเสียงกระแสลมวูบหนึ่งพัดเข้ามาใกล้ร่าง ยังมิทันที่นางจะได้ตอบสนอง ฝ่ามือหนึ่งก็กระแทกเข้าใส่ร่างบาง

พรวด !

ร่างของฉินอวี้โม่ร่วงลงมาจากอากาศทันที สภาพของนางดูไม่ต่างจากว่าวหางขาดที่สูญเสียการควบคุม ขณะเดียวกันนางก็กระอักเลือดออกมาคำโต

“นายหญิง !”

หงส์แดงปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศและโฉบเข้ารับร่างของฉินอวี้โม่เอาไว้ได้ทันก่อนที่ผู้เป็นนายจะกระแทกพื้น เสียงเรียกของอสูรสาวร้อนรนเป็นอย่างมาก

ฉินอวี้โม่รู้สึกได้ว่าโลหิตภายในกายกำลังปั่นป่วน ดูเหมือนว่าอาการบาดเจ็บครั้งนี้จะกระทบกระเทือนถึงอวัยวะภายใน คุณหนูตระกูลฉินรีบนำโอสถรักษาออกมาและกินมันเข้าไปก่อนจะใช้แขนเสื้อเช็ดคราบโลหิตที่ปาก

“เสี่ยวอวี้ เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม ?”

หลังจากจัดการกับตัวเองแล้ว ฉินอวี้โม่ก็รีบเอ่ยถามมังกรน้อยของตนด้วยความเป็นห่วง  ฝ่ามือเมื่อครู่ของลั่วเยาเซียนส่งพลังมาถึงร่างกายของนางได้เพียงสามส่วนเท่านั้น ที่เหลืออีกเจ็ดส่วนหานอวี้เป็นผู้แบกรับเอาไว้

“ท่านแม่ ข้าไม่เป็นอะไร อาการบาดเจ็บแค่นี้สำหรับข้าเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก แค่ขอเวลาให้ข้าพักฟื้นสักครู่…”

แม้วาจานั้นจะต้องการสื่อว่าตนไม่เป็นอะไรมาก แต่ฟังจากน้ำเสียงอันแสนอ่อนล้าของเจ้ามังกรทองแล้ว ฉินอวี้โม่ก็รู้ดีว่าหานอวี้น้อยของนางได้รับบาดเจ็บหนัก และการจะพักฟื้นให้หายเป็นปกติก็ต้องใช้เวลานานแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ร่างกายของมังกรทองห้าเล็บนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิตที่ไร้ขีดจำกัด หากเกิดอาการบาดเจ็บจะสามารถเยียวยาตัวเองได้ หรือต่อให้บาดเจ็บอย่างสาหัสเพียงใดก็จะไม่ส่งผลต่อรากฐานพลังยุทธ์ของมัน

“ท่านแม่…ข้าขอโทษ หลังจากนี้ข้าอาจจะออกมาช่วยท่านอีกไม่ได้พักใหญ่เลย”

หานอวี้กล่าวกับฉินอวี้โม่ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือคล้ายจะร้องไห้

แม้แต่มันเองก็ยังต้องยอมรับสภาพของตัวเอง กระนั้นก็ไม่น่ากังวลนักเพราะทุกครั้งที่มังกรทองห้าเล็บฟื้นจากอาการบาดเจ็บที่สาหัส พลังของมันจะเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าทวี ประหนึ่งนี่คือการก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ซิวกำลังอยู่ในช่วงเก็บตัวบ่มเพาะ ยิ่งเมื่อหานอวี้ต้องเข้าสู่สภาวะจำศีลไปอีกตัวหนึ่ง สถานการณ์ของฉินอวี้โม่นับจากนี้ไปก็คงลำบากมากขึ้นเป็นแน่

“ไม่ต้องเป็นห่วงข้า เจ้าพักผ่อนให้สบายเถิด”

ฉินอวี้โม่พยักหน้าเพื่อให้หานอวี้พักฟื้นอย่างหมดห่วง แค่เห็นว่ามังกรน้อยไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตนางก็โล่งอกไปมากแล้ว

“เยาเซียน เจ้ากำลังทำอะไร ?!”

ลั่วเสวี่ยเหินมาปรากฏตัวตรงหน้าฉินอวี้โม่และกล่าวถามผู้นำของตนเองเสียงแข็งกร้าว

ทันทีที่เห็นว่าฉินอวี้โม่ได้รับบาดเจ็บหนักจากการลอบโจมตีของลั่วเยาเซียน สีหน้าเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธ

“เสวี่ยเหิน เจ้ากล้าปกป้องศัตรูอย่างนั้นรึ ?!”

เมื่อเห็นการกระทำของผู้ใต้บัญชา ลั่วเยาเซียนก็ตวาดลั่นด้วยโทสะ เขารู้ดีว่าตอนนี้ฉินอวี้โม่กำลังบาดเจ็บ ขอเพียงมีโอกาสลงมือต่อ แม้แค่ฝ่ามือเดียวก็ย่อมสามารถเผด็จศึกได้

ในตอนที่เขาเห็นลั่วเสวี่ยเหินและฉินอวี้โม่กำลังปะทะกันอย่างสูสี เขาก็ทุ่มพลังทั้งหมดเพื่อสลัดหลิวหยาออก และรีบลอบลงมือจู่โจมนางในช่วงที่ไม่ทันรู้ตัว

เขามั่นใจว่าหากโจมตีเวลานี้ ฉินอวี้โม่ผู้นั้น ถึงไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัสจนไม่อาจลุกขึ้นได้และฝ่ายเขาก็จะเป็นฝ่ายชนะทันที

อย่างไรก็ตาม เขาคิดไม่ถึงเลยว่าลั่วเสวี่ยเหินจะยอมถอนพลังของตัวเองกลับมาเพื่อให้ฉินอวี้โม่มีโอกาสดึงพลังกลับไปป้องกันตัว คนผู้นั้นโง่งมโดยแท้ แม้จะรู้ว่าเป็นการกระทำที่อันตรายแต่ก็ยังกล้าทำโดยไม่ลังเล

ยิ่งกว่านั้น เวลานี้เจ้านั่นยังยืนประจันหน้ากับเขาโดยเอาตัวบังร่างฉินอวี้โม่ไว้ ซ้ำยังเอ่ยวาจาคล้ายออกตัวปกป้องศัตรู ! เรื่องนี้ทำให้ผู้นำขุมกำลังอย่างเขาโกรธจนใบหน้าดำคล้ำ

“เยาเซียน เจ้ารู้จักข้าดี สิ่งที่ข้าเกลียดที่สุดคือการลอบกัดผู้อื่น ข้าไม่ชอบให้ผู้ใดมาแทรกแซงการต่อสู้ของข้า  ทั้ง ๆ ที่รู้ดีแต่เจ้าก็ยังกล้าทำ เรื่องนี้หมายความว่าอย่างไร ?!”

ลั่วเสี่ยวเหินจ้องมองลั่วเยาเซียนด้วยสายตาที่เย็นชาถึงขีดสุด

“เหอะ ! เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าเป็นคนของหุบเขาหงส์ร่วง ฉินอวี้โม่เป็นศัตรูของเรา ขอเพียงกำจัดนางได้ ไม่ว่าจะต้องทำอย่างไรก็ย่อมได้ทั้งสิ้น เจ้าควรจะรีบช่วยข้าสังหารนางถึงจะถูก”

ลั่วเยาเซียนสาดวาจาร้อนแรงกลับไปไม่แพ้กัน

“น่าขำ ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยบอกไปแล้วว่าข้าจะขออยู่ที่นี่ต่อชั่วคราวเท่านั้น หลายปีมานี้ข้าก็ทำประโยชน์ให้หุบเขาตั้งมากมาย ในเมื่อเจ้าไม่เห็นแก่หน้าข้าเลย เช่นนั้นข้าก็ขอถอนตัวออกจากหุบเขาหงส์ร่วงตั้งแต่นี้เป็นต้นไป”

ลั่วเสี่ยวเหินโต้กลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

ตัวเขากับลั่วเยาเซียนเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ที่เขายอมอยู่ร่วมและช่วยเหลือหุบเขาหงส์ร่วงก็เป็นเพราะบิดามารดาที่ล่วงลับฝากฝังเรื่องนี้เอาไว้ มิฉะนั้นแล้วจอมยุทธ์ผู้รักอิสระอย่างเขาคงออกไปท่องโลกกว้างนานแล้ว

หลายปีมานี้ลั่วเสวี่ยเหินเฝ้าทุ่มเทและสร้างประโยชน์ให้กับหุบเขาอย่างมหาศาล เขาถือว่าตัวเองได้ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์แล้ว เดิมทีเขาคิดว่าครั้งนี้จะอยู่ช่วยลั่วเยาเซียนและจูฉีเป็นภารกิจสุดท้าย แต่ในเมื่อเกิดเรื่องที่เขารับไม่ได้เช่นนี้ขึ้น บุรุษผู้รักอิสระก็ยินดีออกจากขุมกำลังนับแต่บัดนี้

วันนี้ลั่วเยาเซียนถือว่าได้กระทำล้ำเส้นเขามากเกินไป ลั่วเสวี่ยเหินจึงไม่เห็นเหตุผลที่จะต้องอยู่ในขุมกำลังนี้อีก

“เจ้าจะออกจากหุบเขาอย่างนั้นรึ ?!”

สีหน้าของลั่วเยาเซียนเปลี่ยนไปทันที

เหตุผลที่หุบเขาหงส์ร่วงสามารถขยายอิทธิพลได้ในช่วงหลายปีมานี้เป็นเพราะในขุมกำลังมียอดฝีมือระดับจ้าวพิภพถึงสองคน ขอเวลาอีกเพียงปีถึงสองปี พวกเขาก็จะก้าวขึ้นมาเป็นใหญ่ในพื้นที่ตอนเหนือของดินแดนอ้างว้างได้

หากลั่วเสี่ยวเหินออกไปตอนนี้จะทำให้พลังอำนาจของหุบเขาหงส์ร่วงลดน้อยลงไปอย่างมาก และความฝันที่จะเป็นใหญ่ในดินแดนทางตอนเหนือก็คงจะห่างไกลออกไปมากขึ้น ยิ่งกว่านั้น หากลั่วเสี่ยวเหินไปเข้ากับขุมกำลังอื่นก็จะกลายเป็นภัยคุกคามที่สำคัญสำหรับพวกเขา

นี่เป็นเรื่องที่ลั่วเยาเซียนไม่อาจยอมให้เกิดขึ้นได้ ในตอนนั้นเองเจตจำนงแห่งการสังหารก็พวยพุ่งออกมาจากร่างของเขา

แม้จะสัมผัสได้ถึงรังสีสังหารที่ระเบิดออกมาจากร่างของลั่วเยาเซียน แต่ลั่วเสวี่ยเหินก็ดูไม่ประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย

เป็นเพราะรู้จักกันมานานทำให้เขารู้นิสัยของอีกฝ่ายดี ลั่วเสวี่ยเหินรู้ดีว่า ถ้าเขาเอ่ยปากเรื่องจะออกจากขุมกำลังล่ะก็ อีกฝ่ายจะต้องไม่ปล่อยเขาไปง่าย ๆ แน่

“เยาเซียน เจ้าคิดว่าข้ายังมีเหตุผลที่ต้องอยู่ที่นี่อีกอย่างนั้นรึ ?”

ลั่วเสวี่ยเหินถามด้วยน้ำเสียงที่ยังคงหนักแน่นไม่เปลี่ยนแปลง หุบเขาหงส์ร่วงในตอนนี้ไม่ใช่หุบเขาหงส์ร่วงที่เขาเคยรู้จัก เขาไม่มีเหตุผลที่ต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว

“ฮ่า ๆ ๆ เพื่อผู้หญิงคนเดียวเจ้าถึงขั้นยอมตัดขาดจากพวกเรา ช่างน่าสมเพชยิ่งนัก”

ลั่วเยาเซียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน แววตาดูแคลนอีกฝ่ายไม่ปกปิด

ลั่วเสวี่ยเหินเข้าใจความหมายของคนตรงหน้าดี ลั่วเยาเซียนจงใจพูดเรื่องนี้ให้ทุกคนได้ยินเพื่อกดเขาให้ต่ำลง

แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สนใจ สมาชิกในหุบเขาหงส์ร่วงไม่ได้โง่งม หลายปีมานี้ทุกคนต่างก็รู้จักเขาดี พวกเขารู้ว่าบุรุษนามลั่วเสวี่ยเหินเป็นคนเช่นไร คนของหุบเขาหงส์ร่วงจะไม่เปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อเขาด้วยคำพูดไม่กี่คำ

“ขอบคุณท่านมาก”

ฉินอวี้โม่กล่าวขอบคุณจากใจจริง ตอนนี้นางรู้สึกว่าอาการบาดเจ็บในร่างกายดีขึ้นมากแล้ว พลังมายาของนางค่อย ๆ ฟื้นกลับคืนมาอย่างช้า ๆ

นางลงมาจากหลังของหงส์แดงและมายืนอยู่ข้าง ๆ ลั่วเสวี่ยเหิน

“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ ข้าแค่ทำตามหลักการของตัวเองเท่านั้น”

ลั่วเสวี่ยเหินส่ายศีรษะพลางบอกว่าที่ทำไปก็เพราะหลักการ

ฉินอวี้โม่ยิ้มตอบและไม่กล่าวสิ่งใดอีก ในเมื่อลั่วเสวี่ยเหินผู้นี้เข้ามาปกป้องนางอย่างไม่ลังเล นางก็ยอมรับเขาเป็นสหายจากหัวใจโดยไร้เงื่อนไขเช่นกัน

“ฉินอวี้โม่ นี่… เจ้าไม่เป็นอะไรเลยอย่างนั้นรึ ?!”

เมื่อเห็นฉินอวี้โม่ก้าวเข้ามายืนข้างกายลั่วเสวี่ยเหินด้วยสภาพที่คล้ายเป็นปกติทุกอย่าง ลั่วเยาเซียนก็อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ

“เหอะ พลังน้อยนิดของเจ้าน่ะหรือจะทำอะไรข้าได้ ?”

ฉินอวี้โม่กล่าวเย้ยหยัน แท้จริงแล้วนางยอมรับว่าการโจมตีของอีกฝ่ายสามารถทำให้นางถึงตายได้จริง ๆ แต่เป็นเพราะมีเกราะของหานอวี้คอยปกป้องจึงรอดมาได้ อีกทั้งยังมีร่างกายวิเศษที่สามารถฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว มิฉะนั้นนางคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้แล้ว

ทว่าแม้จะมีหานอวี้คอยปกป้องก็ตาม แต่นางก็ได้รับบาดเจ็บหนักไม่น้อย เช่นนี้แล้วคนอย่างฉินอวี้โม่มีหรือจะไม่เอาคืนศัตรูให้สาสม เวลานี้รังสีสังหารค่อย ๆ ไหลทะลักออกมาจากร่างของนาง

“ฮ่า ๆ ๆ ฉินอวี้โม่ ข้าขอแนะนำให้เจ้ายอมแพ้แต่โดยดีเสียดีกว่า มิฉะนั้นแล้วคนในหมู่บ้านจันทราก็คงจะ…”

ลั่วเยาเซียนกล่าวด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย

เมื่อได้ยินคำพูด รวมถึงเห็นท่าทีของอีกฝ่าย ฉินอวี้โม่ก็ชะงักไปในทันที ในตอนนี้เองที่ลางสังหรณ์ไม่ดีเกิดขึ้นในใจนาง

“หรือว่าเจ้าส่งคนตามพวกเขาไป ?!”

ฉินอวี้โม่ไม่อาจปกปิดจิตสังหารอันไร้ขีดจำกัดของตัวเองได้เลย นางกล่าวน้ำเสียงอันเย็นยะเยือก

“เจ้าคิดหรือว่าข้าจะปล่อยให้เจ้าพวกนั้นหนีออกไปได้ง่าย ๆ!”

ลั่วเยาเซียนกล่าวด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

“คนชั่วช้า !”

ยิ่งฟังวาจาของอีกฝ่าย ความโกรธของนางก็ยิ่งปะทุขึ้นราวกับธารหินร้อนที่ระเบิดออกจากภูเขาไฟ

ครั้งนี้นางประมาทเกินไป ด้วยไม่คิดว่าลั่วเยาเซียนจะเป็นคนที่ต่ำช้าถึงเพียงนี้ หากมีอะไรเกิดขึ้นกับชาวบ้าน ต่อให้เปลี่ยนหุบเขาแห่งนี้เป็นทะเลเลือดก็ยังไม่เพียงพอจะช่วยไถ่บาปที่เกิดจากความอ่อนหัดของนางได้

“ไม่ต้องห่วง พวกเขาไม่เป็นอะไร”

ในตอนนั้นเองลั่วเสวี่ยเหินก็หันมากล่าวกับฉินอวี้โม่ด้วยรอยยิ้ม

เมื่อได้ยินคำพูดของบุรุษที่อยู่ข้าง ๆ  ฉินอวี้โม่ก็ชะงักไปเล็กน้อย

“ลั่วเยาเซียน เจ้ามันชั่วช้าเกินไป หากเจ้ากล้าฆ่าล้างคนบริสุทธ์ หุบเขาหงส์ร่วงก็จะถูกคนทั้งแผ่นดินประณาม คนในหมู่บ้านจันทราต่างก็เป็นผู้บริสุทธิ์ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขา”

ลั่วเสวี่ยเหินจ้องมองลั่วเยาเซียนด้วยสายตารังเกียจ

โชคยังดีที่เขารู้ทันลั่วเยาเซียน เขารู้ดีว่าเรื่องเช่นนี้จะต้องเกิดขึ้น ดังนั้นเขาจึงส่งคนของตัวเองออกไปล่วงหน้าเพื่อให้คอยปกป้องชาวบ้าน ตอนนี้ทุกคนคงจะเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านอย่างปลอดภัย

“เสวี่ยเหิน ที่แท้เจ้าก็เตรียมทรยศข้ามานานแล้ว เจ้ากล้ามาก !”

เมื่อได้ฟังที่ลั่วเสวี่ยเหินกล่าว สีหน้าของลั่วเยาเซียนก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เขาไม่คิดเลยว่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะเตรียมการหักหลังเขาเอาไว้ตั้งแต่แรก

ส่วนคนที่เขาส่งออกไปนั้น เกรงว่าคงไม่มีโอกาสได้กลับมาที่นี่อีกแล้ว

“ข้าแค่ไม่อยากเห็นหุบเขาหงส์ร่วงเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์เท่านั้น ข้าไม่อยากให้บ้านเกิดต้องกลายเป็นที่ถูกประณามไปทั่วทั้งแผ่นดิน ข้าไม่อาจยอมรับเรื่องเช่นนั้นได้”

ลั่วเสวี่ยเหินกล่าวตอบโต้

ในตอนนี้ฉินอวี้โม่รู้สึกโล่งอกขึ้นมามาก

“ข้าขอขอบคุณจอมยุทธ์ลั่วอีกครั้ง”

นางรู้สึกขอบคุณคนผู้นี้จากใจจริง ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากลั่วเสวี่ยเหิน เกรงว่าวันนี้นางคงต้องเสียใจไปชั่วชีวิต

ลั่วเสวี่ยเหินกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม

“เพื่อคนที่ไม่ใช่แม้แต่ญาติพี่น้อง เจ้ากลับกล้าบุกเดี่ยวมาถึงที่นี่ เจ้าคือคนที่น่ายกย่อง แม้แต่ข้าเองก็ยังชื่นชมความกล้าหาญของเจ้า”

ลั่วเสวี่ยเหินกล่าวถึงความในใจออกไป เขารู้สึกชื่นชมฉินอวี้โม่ตั้งแต่ที่นางปรากฏตัวที่นี่แล้ว เขาไม่คิดเลยว่าจะมีคนยอมเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อช่วยคนที่ไม่ใช่สหายหรือญาติพี่น้อง

“ฉินอวี้โม่ ลั่วเสวี่ยเหิน วันนี้พวกเจ้าทั้งคู่จะต้องตาย !”

ในตอนนั้นเองเสียงคำรามอันโกรธแค้นของลั่วเยาเซียนก็ดังขึ้น