แดนนิรมิตเทพ บทที่ 434
เฉินโม่ยืนเอามือไว้ข้างหลัง ใบหน้าที่เฉยเมย ราวกับพระเจ้ามองดูอาณาประชาราษฎร “แกเป็นเพียงปรมาจารย์แดนคุ้มกายคนหนึ่ง กล้าพูดว่าจะฆ่าฉัน สมควรตาย !”

กู่ฉางเฟิงเกือบจะถูกเฉินโม่ทำให้โมโหจนหัวเราะ การฝึกบู๊นั้นยากเย็นทุกย่างก้าว แดนในสำเร็จได้ยาก แดนแปรภาพยากยิ่งกว่าถึงสวรรค์ และอยู่เหนือแดนแปรภาพแม้แต่จะก้าวเล็กๆไปด้านหน้า ความแข็งแกร่งก็ก้าวกระโดดอย่างมาก

สามสิบปีที่แล้วขณะที่เขาอยู่ในแดนชี่แท้ ก็ได้ดูเย่อหยิ่งเก่งกาจกว่าในกลุ่ม เป็นถึงอันดับสิบในอันดับของปรมาจารย์

สามสิบปีต่อมา แม้ว่าความรู้หรือความสำเร็จของเขาจะบรรลุผลถึงขั้นสูงสุดก็ตาม แต่ก็ยังต้องมุมานะบากบั่นต่อไป กลายเป็นปรมาจารย์แดนคุ้มกาย และมีความมั่นใจอย่างยิ่งที่จะเป็นอันดับที่หนึ่งของปรมาจารย์ แต่กลับถูกเยาะเย้ยโดยเด็กหนุ่มอายุสิบเจ็ดสิบแปดปีว่าเป็น “เพียงแค่ปรมาจารย์แดนคุ้มกายคนหนึ่ง” กู่ฉางเฟิงจะรู้สึกอย่างไร?

หนานกงหลงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างโกรธเคืองว่า “เจ้าหนูเฉินโม่ อาจารย์ของแกไม่ได้อยู่ที่นี่ แกถึงกับกล้าหยิ่งผยองแบบนี้ ไม่แปลกใจที่กล้าไม่เห็นคำเตือนของตระกูลหนานกงของกูอยู่ในสายตา กล้าฆ่าเทียนเอ๋อร์ของกู คุณกู่โปรดลงมือจัดการไอ้หนูที่หยิ่งผยองคนนี้ ล้างแค้นให้เทียนเอ๋อร์!”

“วางใจได้ ในเมื่อฉันสัญญาแล้วว่าจะออกโรง ก็จะล้างแค้นให้นายอยู่แล้ว” กู่ฉางเฟิงเหลือบมองหนานกงหลง โดยที่ไม่พอใจอยู่บ้าง จากนั้นก็หันไปจ้องมองเฉินโม่ “ไอ้หนู ฉันจะรับแกสามกระบวนท่าก่อน เพื่อเลี่ยงมิให้ถูกคนว่าฉันรังแกเด็ก!”

“ลงมือซะ!” พูดจบ กู่ฉางเฟิงมือไขว้หลังยืนขึ้น ใบหน้าเย็นชาเย่อหยิ่ง

หลี่ซู่เฟินกับเวินฉิงตกใจทั่วทั้งหน้า แล้วหลี่ซู่เฟินเอ่ยเตือนขึ้นว่า “เสี่ยวโม่ ลูกยังเด็ก จะไปลงมือกับผู้อาวุโสได้อย่างไร เรียกให้อาจารย์ลูกมาเถอะ!”

เวินฉิงก็ออกเสียงเกลี้ยกล่อมว่า “ท่านประธานกล่าวถูกแล้ว เสี่ยวโม่ โทรศัพท์เรียกอาจารย์ของนายมาเถอะ!”

เฉินโม่หันไปมองทั้งสองคนแล้วยิ้มเล็กน้อย “วางใจได้ เพียงแค่เขายังไม่คู่ควรที่อาจารย์ของผมจะลงมือด้วยตัวเอง! ผมฆ่าเขา เหมือนกับฆ่าไก่!”

อาจารย์ที่เฉินโม่พูดถึง แน่นอนว่าไม่ใช่เฉินซงจื่อแต่เป็นกษัตริย์เซียนตงหวาแห่งสำนักเสวียนเต๋า ด้วยพลังบำเพ็ญของกู่ฉางเฟิง ก็ต้องไม่คู่ควรให้กษัตริย์เซียนตงหวาลงมืออยู่แล้ว

“ให้โอกาสแกสักครั้ง เอาทักษะเฉพาะตัวที่แข็งแกร่งที่สุดของแกออกมา ไม่งั้นแกก็จะไม่มีโอกาสได้ใช้มัน” มองไปที่กู่ฉางเฟิง แล้วเฉินโม่ก็พูดเสียงเบา

ท่านถังมองเฉินโม่ด้วยแววตาที่เผยความกังวลออกมา แล้วแอบส่ายหัว รู้สึกว่าเฉินโม่หยิ่งยะโสเกินไป

ถังซืออวี่ผู้เลอโฉมกลับรู้สึกสนใจเฉินโม่มาก แม่หนูตัวเล็กๆรู้สึกว่าเฉินโม่มีลักษณะเฉพาะตัวมากนัก ซึ่งถูกใจเธอนัก

ถังซืออวี่กังวลว่าเฉินโม่จะได้รับบาดเจ็บ อดที่จะเตือนเขาด้วยเสียงที่แจ่มแจ้งชัดแจ๋วว่า “เฮ้ ไอ้น้อง ฟังคำแนะนำของคนจะได้ไม่สูญเสีย นายก็ฟังคำของแม่นายเถอะนะ เรียกอาจารย์ของนายมาเถอะ!”

เฉินโม่พูดไม่ออกชั่วขณะหนึ่ง ระยะเวลาห่างไปหกร้อยปี กลับถูกเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูเหมือนว่าจะอายุมากกว่าตัวเองแค่ปีเดียวเรียกว่าน้อง

แต่เฉินโม่สามารถสัมผัสได้ถึงจิตใจที่ดีของถังซืออวี่ จึงยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร ดูผมฆ่าเขา!”

ดวงตาของซุนเฟยเยว่ เต็มไปด้วยความชั่วร้าย เขารู้สึกว่าเฉินโม่รนหาที่ตายเองจริงๆ นักเรียนมัธยมปลายคนหนึ่งจะสามารถเอาชนะสัตว์ประหลาดแก่ๆที่มีชีวิตอยู่มานานหลายสิบปีได้อย่างไร?

แต่ว่านี่มันเกี่ยวอะไรกับเขาซุนเฟยเยว่ล่ะ? เฉินโม่ตายไปถึงจะดี! ทางที่ดีฆ่าถังมู่หวากับหลี่ซู่เฟินไปด้วนกันให้หมดเลย

กู่ฉางเฟิงถูกความหยิ่งยะโสของเฉินโม่ทำให้โมโหเดือดดาลโดยสมบูรณ์ ละทางโลกสามสิบปี คิดไม่ถึงว่าออกการบำเพ็ญเพียรครั้งแรก กลับถูกเด็กคนหนึ่งหยามเหยียดซะแล้ว แพร่ออกไปก็จะไม่ทำให้คนในโลกฝึกบู๊หัวเราะเสียงดังเลย!

“ไอ้หนู ฉันให้โอกาสแกแล้ว ตัวแกเองที่รนหาที่ตายเอง!”

“ฉันก็ไม่เอาเปรียบนายเหมือนกัน ฉันออกเพียงหนึ่งกระบวนท่า ถ้าหากนายสามารถขวางไว้ได้ ฉันจะไว้ชีวิตนาย!”

หลังจากที่หนานกงหลงด้านข้างฟังแล้ว ก็ร้อนรนในทันใด “อย่านะคุณกู่ ไอ้หนูคนนี้มีความแค้นที่ไม่สามารถอยู่ร่วมโลกกับตระกูลหนานกงของฉัน คุณจะปล่อยเขาไปไม่ได้เด็ดขาด!”

กู่ฉางเฟิงฮึ่มเย็นชาเสียงหนึ่ง และแอบส่งเสียงให้หนานกงหลงว่า “วางใจได้ กระบวนท่านี้จะใช้ความสามารถที่แข็งแกร่งที่สุดในชีวิตของฉันออกมา หากว่าเขาสามารถขวางได้ ฉันก็จะไม่ฆ่าเขาตามจริง หากว่าขวางไม่อยู่ แพร่ออกไป สหายคนอื่นๆก็จะไม่หัวเราะฉันที่ผู้ใหญ่รังแกเด็ก!”