แดนนิรมิตเทพ บทที่ 435
ชุดคลุมสีเทาของกู่ฉางเฟิงลอยไปมาโดยไร้ลม ค่อยๆพองตัวขึ้น ราวกับมีเครื่องเป่าผมอันหนึ่งกำลังเปิดเต็มอัตราอยู่ด้านล่าง
กู่ฉางเฟิงยืนตัวตรง ใบหน้าชราค่อยๆเหล่มองท้องฟ้า น้ำเสียงเป็นช่องว่างเล็กน้อย “สามสิบปีก่อนฉันแพ้ให้แก่คุณหนานกงหยู่ ได้รับคำชีแนะของเขา ติดหนี้บุญคุณอันใหญ่ สาบานว่าจะดูแลกระบี่ให้หนานกงหยู่ไปชั่วชีวิต”
“นายท่านบำเพ็ญเพียรมาสามสิบปี ฉันเป็นผู้ดูแลกระบี่ให้นายท่านเป็นเวลาสามสิบปี สามสิบปีมานี้บำเพ็ญเพียรอย่างสงบ แม้ว่าพลังบำเพ็ญจะก้าวหน้าไม่มากนัก แต่กลับเข้าใจจากกระบี่คู่กายของนายท่าน”
“วันนี้ออกจากการบำเพ็ญเพียร เลยจะใช้แกมาทดสอบกระบี่ดู!”
ฉึก!
เสียงเบาๆของกระบี่ที่ออกมาจากฝักสะท้อนอยู่ในห้อง ทว่ากู่ฉางเฟิงไม่มีกระบี่อยู่ในมือ
หนานกงหลงสงสัยแล้วพูดว่า “คุณกู่ ทำไมไม่เห็นกระบี่ของคุณล่ะ?”
กู่ฉางเฟิงเหยียดมือออกแล้วโบก ปากกาลูกลื่นด้ามหนึ่งบนโต๊ะทำงานของซุนเฟยเยว่ก็ลอยขึ้นไปในอากาศ หยุดนิ่งแล้วหล่นลงระยะสามฟุตตรงหน้ากู่ฉางเฟิง
“จอมกระบี่ที่แท้จริง ฝึกบู๊จนถึงชั้นสูงสุด ทุกสิ่งในโลกสามารถเป็นกระบี่ได้!”
ปึง!
คลื่นอากาศที่มองไม่เห็นมีศูนย์กลางอยู่ที่กู่ฉางเฟิงและกวาดไปทั้งสี่ทิศ เอกสารบนโต๊ะสะเทือนจนปลิวในอากาศ แม้แต่แผ่นป้ายที่แขวนอยู่บนผนังเหล่านั้น ก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ราวกับว่ากำลังจะตกลงมา
หนานกงหลงและมู่เจิ้งเฟิงหน้าตาตระหนกตกใจ “เพียงกลิ่นไอที่สะท้านออกมาก็ทรงพลังขนาดนี้ พละกำลังในหมัดจะทรงพลังถึงขั้นใดกัน!”
หลี่ซู่เฟิน ว่านฉางหรู ท่านถัง ซุนเฟยเยว่และคนธรรมดามองดูฉากนี้ราวกับเทคนิคพิเศษในฉากภาพยนตร์ ต่างตะลึงอ้าปากตาค้างกัน
“ถ้าไม่ได้เห็นกับตาเอง ผมก็คงไม่เชื่อว่ามีคนประหลาดแบบนี้อยู่ในโลกจริงๆ!” ท่านถังตื่นตระหนกไปทั่วทั้งหน้า
แสงสีฟ้าประกายหนึ่งมาบรรจบกันเหนือปากกาลูกลื่น ก่อตัวเป็นรูปทรงกระบี่ยาวเล่มหนึ่ง แสงสีฟ้าเจิดจรัส ช่างน่าเกรงขาม เวลากลางวันสะท้อนใบหน้าของกู่ฉางเฟิงราวกับภูตผีเช่นนั้น!
“นี่ก็คือสิ่งที่ได้เข้าใจจากการบำเพ็ญเพียรสามสิบปีมานี้ของฉัน ฉันตั้งชื่อมันว่าจิตกระบี่ฟ้าคราม!”
“วันนี้ แกโชคดีที่ได้เป็นวิญญาณของจิตกระบี่ฟ้าครามของฉัน!”
ผมของกู่ฉางเฟิงสยายร่ายรำ เสื้อคลุมโป่งพอง ชี่แท้ที่ทรงพลังได้สลายไปจากร่างกาย ราวกับว่ายังไม่สามารถควบคุมจิตกระบี่ฟ้าครามให้สมบูรณ์ได้
ถึงกระนั้น ก็ไม่มีใครสงสัยความแข็งแกร่งของจิตกระบี่ฟ้าคราม
หนานกงหลงยินดีราวกับบ้าคลั่งมาตั้งนานแล้ว “ฮ่าฮ่าฮ่า จิตกระบี่ เป็นจิตกระบี่! ที่แท้คุณกู่เข้าใจจิตกระบี่แล้ว! เจ้าหนูเฉินโม่ คราวนี้แกตายอย่างไม่ต้องสงสัยแน่ๆ!”
มู่เจิ้งเฟิงก็ตกใจไปทั่วใบหน้าเช่นกัน แล้วมองไปที่กู่ฉางเฟิง บนใบหน้าฉายความเคารพออกมา แม้ว่าจะเป็นหนานกงหยู่ปรมาจารย์คนแรกเมื่อสามสิบปีที่แล้ว ก็ยังไม่เข้าใจจิตกระบี่ ตำนานเล่าขานว่า จิตกระบี่เป็นเคล็ดวิเศษที่มีเพียงพลังบำเพ็ญที่ได้ทะลวงผ่านแดนเทพ ถึงจะสามารถเข้าใจได้
ตรงข้ามกับจิตกระบี่ยังมีจิตหมัด จิตดาบและเคล็ดลับหลายๆประเภทของการฝึกบู๊ พละกำลังนั้นแข็งแกร่งกว่าทักษะบู๊ทั่วไปร้อยเท่า และถูกนักบู๊ขนานนามว่าทักษะวิเศษโดยเฉพาะของแดนเทพ
จนถึงขณะนี้ เฉินโม่ถึงได้เคลื่อนสายตา รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “คิดไม่ถึงจริงๆว่า บนโลกนี้ที่ยังสามารถสัมผัสถึงวิถีต้าเต๋าได้ เพียงแต่ว่าน่าเสียดายที่พลังของนาย ไม่สามารถแสดงพลังของวิถีต้าเต๋าได้ แต่ว่ากระบี่เล่มนี้ก็เพียงพอที่จะกวาดล้างโลกผู้ฝึกฝนบู๊แล้ว!”
เมื่อเห็นความดุร้ายท่วมฟ้าของกู่ฉางเฟิงหลี่ซู่เฟินและเวินฉิงก็กังวลอย่างไร้ที่เปรียบ ต้องการจะเกลี้ยกล่อมเฉินโม่ไม่ให้ฝืน แต่ก็กลัวว่าจะทำให้เฉินโม่เสียสมาธิ
ท่านถังหน้าตาก็รู้สึกเสียดาย แล้วแอบส่ายหัว ราวกับว่าคาดเอาไว้แล้วว่าเฉินโม่พ่ายแพ้เป็นแน่
ดวงตาโตของถังซืออวี่กระพริบไหว อดที่จะออกเสียงเตือนไม่ได้ว่า “เฮ้ ไอ้น้อง วีรบุรุษที่ดีไม่ยอมเสียเปรียบตรงหน้า นายก็ยอมรับความพ่ายแพ้ชั่วคราว แล้วให้อาจารย์นายมากู้หน้าคืนให้นายไม่ได้เหรอ? อย่าได้ฝืนเลยนะ ถ้าเกิดว่าสูญเสียชีวิตไปก็ไม่ทันการณ์แล้ว!”
เฉินโม่หันศีรษะไปทางถังซืออวี่และยิ้มเรียบเฉย “วางใจเถอะ เขาเพียงแค่สัมผัสถึงขอบของวิถีต้าเต๋าสักหน่อย ส่วนผมได้สำรวจบนวิถีต้าเต๋ามาเป็นเวลานานแล้ว ทักษะเล็กๆน้อยๆแค่นี้ของเขา อยู่ต่อหน้าผมไม่คู่ควรที่จะเอ่ย!”
กู่ฉางเฟิงฮึ่มเสียงหนึ่งแล้วตะโกนพูดว่า “ไอ้หนู อย่าได้เก่งแต่พูด ฉันแค่ออกหนึ่งกระบี่เท่านั้น หากแกขวางเอาไว้ได้ฉันจะไว้ชีวิตแก หากแกขวางไม่อยู่ งั้นก็โทษฉันไม่ได้!”
บทที่ 434
บทที่ 436