ตอนที่ 1075 คุณจะคุกเข่าหรือเปล่า

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

ด้วยนิสัยจอมปลอมของถังหนิง หันซิวเช่อมั่นใจว่าเธอคงไม่มาปรากฏตัวที่โรงภาพยนตร์แน่ หากเธอทำอย่างนั้นคนก็คงจะพูดกันว่าเธอคุกคามสิทธิมนุษยชนโดยการบังคับให้คนอื่นคุกเข่า แล้วเธอก็จะตกเป็นประเด็นให้คนพูดถึงอีกครั้ง 

 

 

หนำซ้ำมีคนมากมายขนาดนี้ ถังหนิงจะกล้าแสดงตัวออกมาได้อย่างไร 

 

 

“ถ้าถังหนิงไม่มาอย่างนั้นก็อย่าทำให้คนอื่นเสียเวลาชีวิตเลย ถ้าเธอกล้ามาผมจะแฉความลับที่น่าอับอายของเธอให้ทุกคนได้รู้มากกว่านี้อีก!” 

 

 

“ฉันสงสัยว่าฉันมีความลับที่น่าอับอายอะไร แล้วฉันไม่รู้ตัวได้ยังไง ทำไมคุณไม่ชี้แจงแถลงไขให้ฉันฟังหน่อยล่ะ” เสียงถังหนิงพลันดังก้องมาจากฝูงชน 

 

 

ทุกคนหันไปเห็นถังหนิงก้าวเข้ามา ภายใต้การคุ้มกันของพนักงานรักษาความปลอดภัย 

 

 

แฟนๆ เริ่มฮือฮาและเดินมาถ่ายรูปถังหนิง 

 

 

“จุ๊ๆ …” ถังหนิงส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบๆ 

 

 

แฟนๆ ยังคงตื่นเต้น หากแต่พวกเขาก็เงียบลงอย่างรวดเร็วขณะที่ถ่ายรูปต่อไป 

 

 

เมื่อหันซิวเช่อเห็นถังหนิงเขาก็ว่าเย้ยทันที “คุณคงวางกับดักให้ผมตกลงไปสินะ ไม่อย่างนั้นทำไมถึงโผล่มาเร็วขนาดนี้ล่ะ 

 

 

“ถังหนิงเชิญแฟนๆ ของเธอมาดูหนัง เธอเลยวางแผนทำให้พวกเขาแปลกใจงั้นสิ” 

 

 

“ในเมื่อฉันมาที่นี่แล้ว ไหนล่ะคำขอโทษที่รับปากไว้ ส่วนเรื่องความลับน่าอับอายที่คุณพูดถึง ทำไมคุณไม่พูดออกมาให้เราได้ยินจะได้คุยกันให้รู้เรื่องล่ะ” 

 

 

ถังหนิงมองหน้าเขาพลางจ้องตาเขาเขม็ง “ก่อนหน้านี้ตอนที่เกิดเรื่องกับจู้ซิงมีเดีย คุณก็เอาแต่วางแผนทำร้ายเราและก่อเรื่องเดือดร้อนให้แฟนๆ ของฉัน คุณยังพนันว่าจะคุกเข่าขอโทษฉันด้วยซ้ำ ถึงเวลาที่คุณต้องทำตามสัญญาแล้วไม่ใช่เหรอ” 

 

 

“อย่าลืมว่าคุณเป็นคนดังนะ ด้วยภาพลักษณ์ที่คุณสร้างมา คุณควรจะยกโทษให้ผมเพื่อทำให้ตัวเองดูใจกว้างไม่ใช่เหรอ” 

 

 

“ทุกคนในวงการรู้ว่าฉันเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นอยู่แล้ว ในเมื่อคุณรับปากเอาไว้ก็ควรจะทำตัวให้สมกับเป็นผู้ชายหน่อยสิ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีใครยอมรับว่าคุณเป็นผู้ชายหรอก ไม่ว่าภายนอกคุณจะเป็นยังไง ฉันก็จะยอมรับคำขอโทษที่ฉันควรได้รับแล้วก็การคุกเข่าที่คุณสัญญาไว้ด้วย!” ถังหนิงยืนกรานเสียงแข็งขณะมองหน้าหันซิวเช่อ 

 

 

“ต่อให้มีคนพูดว่าฉันคุกคามสิทธิมนุษยชนและเรียกฉันว่าเป็นคนเหี้ยมโหด ฉันก็ยังจะเอาคำขอโทษของฉันอยู่ดี! 

 

 

“แล้วตกลงคุณจะคุกเข่า…หรือเปล่า” 

 

 

ตอนนั้นเองที่ทุกคนมองไปที่ไอ้สารเลวหันซิวเช่อพร้อมกับศักดิ์ศรีของเขาที่ถูกทำลายไม่มีชิ้นดี 

 

 

“ในเมื่อคุณไม่คุกเข่าฉันก็จะไม่บังคับคุณ แต่ตอนนี้ทั้งประเทศรู้หมดแล้วว่าคุณมันเป็นคนไว้ใจไม่ได้ ถ้าคุณไม่เคารพตัวเองก็ไม่เป็นไรหรอก” 

 

 

พูดจบถังหนิงก็ตั้งคำถามกับเขาต่อ “คุณมีเรื่องน่าอับอายจะแฉเหรอไม่ใช่เหรอ ฉันอยู่ตรงนี้แล้ว คนอื่นๆ ก็อยู่ตั้งเยอะแยะเหมือนกัน ถือโอกาสนี้เปิดเผยทุกอย่างซะเลยสิ…คุณจะได้เลิกตามรังควานฉันสักที” 

 

 

ทุกคนเริ่มชี้ไม้ชี้มือวิพากษ์วิจารณ์เขา ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการเยาะเย้ยถากถาง 

 

 

ในเวลาเดียวกันหันซิวเช่ออึ้งที่ถังหนิงกดดันเขาในที่สาธารณะ…เธอกดดันเขาอย่างถึงที่สุด! 

 

 

“คุณ…” 

 

 

“แล้วฉันล่ะ คุณอ้างว่าฉันใส่ร้ายคุณ กดขี่ข่มเหงหม่าเวยเวย เป็นชู้กับอันจื่อเฮ่า แล้วก็จ้างคนจากฮอลลีวูดให้มาช่วยทำหนัง คุณใส่ร้ายฉันมาสารพัดวิธีแล้วจะมีอะไรอีก ฉันละอยากจะได้ยินนัก!” 

 

 

ทีแรกทุกคนแค่มาเพื่อดูการแสดง หากแต่หลังจากได้ยินคำพูดของถังหนิง พวกเขาก็ถึงกับนิ่งค้างไปด้วยความอึ้ง 

 

 

ทุกคนรู้เรื่องสองอย่างแรก แต่กลายเป็นว่าที่แท้เรื่องวุ่นวายในงานเทศกาลภาพยนตร์กับช่างเทคนิคพิเศษก็เป็นฝีมือของหันซิวเช่อ 

 

 

“คุณจะไม่ตอบฉันก็ไม่เป็นอะไรหรอก ฉันจะถามอย่างอื่นแล้วกัน เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนที่จะเกิดเรื่องวุ่นวายทั้งหมดนี้ แล้วฉันไปทำอะไรผิดกับคุณงั้นเหรอ ทำไมถึงตามรังควานฉันไม่เลิก 

 

 

“เพราะว่าฉันปฏิเสธคุณตอนที่พยายามเข้าหาฉันที่อังกฤษเหรอ 

 

 

“ฉันมีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจว่าจะเป็นเพื่อนกับใคร อีกอย่างฉันก็มีครอบครัวแล้ว ฉันเลยมีสิ่งที่ฉันยึดมั่นอยู่” 

 

 

“แล้วทำไมคุณต้องตามสืบประวัติของคนอื่นด้วยล่ะ” หันซิวเช่อแทบจะถูกเปิดโปงทุกอย่าง เขาจึงรีบยกเรื่องที่หันเจี๋ยบอกขึ้นมา “คุณพยายามจะแก้แค้นเหรอ หรือว่าจะข่มขู่ผมล่ะ” 

 

 

ในที่สุดพวกเขาก็ได้เข้าเรื่องที่ถังหนิงเฝ้ารอ 

 

 

ถังหนิงตอบไปตามตรงพร้อมรอยยิ้ม “ฉันไม่ได้พิสมัยอยากรู้ประวัติของคุณหรอก แต่เมื่อไม่นานมานี้ ใครบางคนมาขอให้ฉันช่วย เธอขอให้ช่วยสืบเรื่องเมื่อยี่สิบปีก่อน ฉันมั่นใจว่าคุณรู้ว่าฉันกำลังพูดถึงเรื่องอะไร ในเมื่อคุณทำร้ายคนไม่รู้อีโหน่อีเหน่ไม่เลิกได้ อย่างนั้นการทอดทิ้งแม่ตัวเองแล้วทำให้เธอเจ็บปวดคงไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่สำหรับคุณหรอกมั้ง 

 

 

“วันนี้มีคนมากมายขนาดนี้อยู่ที่นี่ ถึงคุณจะไม่ได้รักษาสัญญาด้วยการคุกเข่าขอโทษฉัน แต่ฉันก็เชื่อว่าในหัวใจของทุกคนคุณได้คุกเข่าไปแล้ว ความจริง…คุณเป็นผู้ชายที่จะไม่มีทางหยัดยืนได้อีกต่างหาก” 

 

 

หลังจากพูดเช่นนี้ ถังหนิงมองไปทางทุกคนก่อนโค้งให้อย่างขอโทษ “ฉันต้องขอโทษที่ทำให้ทุกคนต้องมาเห็นการแสดงไร้สาระอย่างนี้ด้วยนะคะ ฉันมั่นใจว่าอีกไม่นานฉันจะเปิดเผยเรื่องทุกอย่างให้ทุกคนได้รู้แน่ค่ะ หวังว่าทุกคนจะเมตตาและไม่เผยแพร่เรื่องนี้ออกไปนะคะ” 

 

 

“ไม่ต้องเป็นห่วง ไอ้เวรนี่สัญญาเอาไว้แล้วทำไม่ได้ เราเข้าใจดีครับ” 

 

 

“จริงๆ แล้วถึงคุณเป็นคนดังแต่คุณก็มีสิทธิ์ที่จะปกป้องตัวเองนะคะ เราจะเข้าข้างคุณแน่ๆ ค่ะ” 

 

 

“ประเด็นก็คือหันซิวเช่อร้ายกาจเกินไปแล้ว!” 

 

 

ทุกคนต่างให้การสนับสนุนถังหนิง 

 

 

ถังหนิงไม่ได้กังวลว่าวิดีโอจะหลุดออกไปอยู่แล้ว ถึงอย่างไรเธอก็ได้ไล่รายการเรื่องบาดหมางระหว่างเธอกับหันซิวเช่อเอาไว้แล้ว จนเขาคงไม่อาจลุกขึ้นมาตั้งหลักได้ด้วยซ้ำ 

 

 

ในเวลาเดียวกันถังหนิงเชื่อว่าคำพูดให้กำลังใจที่เธอได้รับนั้นเป็นเรื่องจริง แม้ว่าเธอจะยังไม่มั่นใจว่าข้อมูลจะหลุดออกไปหรือไม่ 

 

 

การปรากฏตัวในวันนี้ของเธอนับเป็นเรื่องที่น่าทึ่งจริงๆ 

 

 

มีเรื่องลำบากใจมาเยี่ยมเยือนเธอมากมายขนาดนี้ แต่อยู่ๆ เธอก็ยังมาแสดงตัวต่อหน้าทุกคนเพียงเพราะจะได้ทำให้หันซิวเช่อคุกเข่าขอโทษให้ได้! 

 

 

สมกับเป็นถังหนิง เธอมักใช้วิธีตาต่อตาฟันต่อฟันอยู่เสมอ! 

 

 

สุดท้ายเธอจึงได้ตกเป็นพาดหัวข่าวในวันถัดมา 

 

 

‘ถังหนิงฉีกหันซิวเช่อเป็นชิ้นๆ : ในหัวใจของฉันคุณได้คุกเข่าไปแล้ว!’ 

 

 

‘สาธารณชนแห่สนับสนุนถังหนิง : ผู้ชายที่รังแกผู้หญิงมันขยะชัดๆ !’ 

 

 

‘ข่าวฉาวที่ผ่านมาของถังหนิงล้วนเป็นฝีมือของเขา!’ 

 

 

… 

 

 

แน่นอนว่าถังหนิงคิดไว้แล้วว่าหันซิวเช่อคงไม่มีทางคุกเข่า หากแต่อย่างที่เธอบอกไว้ว่าเขาได้คุกเข่าในหัวใจของทุกคนไปแล้ว และคงไม่มีทางได้หยัดยืนได้อีก 

 

 

ทว่าเรื่องที่ทุกคนสงสัยไปกว่านั้นคือเรื่องที่ถังหนิงได้พูดถึง 

 

 

หันซิวเช่อต่อว่าและทำร้ายแม่ของตัวเองเมื่อยี่สิบปีก่อนจริงหรือ 

 

 

ทั้งหมดนี้มันเรื่องอะไรกัน 

 

 

จากนั้นผู้คนจึงเริ่มขุดคุ้ยข่าวเกี่ยวกับตระกูลหันเมื่อยี่สิบปีก่อน…และถึงกับตกตะลึงกับสิ่งที่ได้พบ 

 

 

การที่ถังหนิงกดขี่หันซิวเช่อที่โรงภาพยนตร์ถือเป็นความอัปยศครั้งใหญ่ของเขา หากแต่สิ่งที่ทำให้เขาทรมานที่สุดคือแผลเมื่อยี่สิบปีก่อนที่ถูกกรีดเปิดขึ้นอีกครั้ง