Ch.339 – หยานฟาง

Provider : Muntra

 

 

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.339 – หยานฟาง

 

ฉินเฟิงร่วมเดินทางไปกับหยานฟาง ออกล่าสัตว์ร้ายด้วยกัน แค่คิดเล่ยชางก็รู้สึกไม่สบายใจเกี่ยวกับเรื่องนี้

 

อีกด้านหนึ่ง บนฮอลศึก ทุกคนกำลังแบ่งพื้นที่กันโจมตี โดยรายละเอียดของศัตรู มีดังนี้ ตัวอ่อนหนอนทรายทองจะมีความแข็งแกร่งอยู่ในเลเวล F , เมื่อก้าวสู่วัยผู้ใหญ่ มันจะวิวัฒนาการขึ้นสู่เลเวล E ได้อย่างราบรื่น และหลังจากนั้น บางตัวที่กินดีอยู่ดี ก็จะมีโอกาสก้าวขึ้นสู่เลเวล D

 

ในทุกๆครั้งที่กองทัพของมันเคลื่อนพล หนอนเลเวล D ที่ปะปนอยู่ในฝูง มักเป็นตัวก่อความเสียหายและสร้างความยากลำบากเป็นอย่างยิ่ง

 

ยิ่งเป็นพวกระดับทหาร , นายพล คงไม่ต้องกล่าวถึง

 

แต่ทั้งเผ่าพันธุ์ มีแม่พันธุ์หนอนทรายทองในฐานะราชันย์สัตว์ร้ายอยู่เพียงตัวเดียว ทว่ามันซ่อนอยู่ใต้ดิน ไม่ยอมโผล่หัวออกมาง่ายๆ

 

เนื่องจากความสามารถที่แข็งแกร่งที่สุดของแม่พันธุ์หนอนทรายทอง มิใช่การต่อสู้ แต่เป็นการสืบพันธุ์

 

ฉินเฟิงมาถึงตำแหน่งที่ใกล้ที่สุดของรังหนอนทรายทอง คนอื่นๆอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย

 

ในปัจจุบัน ท่ามกลางผืนทรายสีเหลืองไกลสุดลูกหูลูกตา คล้ายไม่อาจพบถึงวี่แววของหนอนทรายทองเลย

 

เพราะหนอนทรายทองมีลักษณะเช่นเดียวกับทราย เปลือกของมันเองก็เหมือนกับทรายเช่นกัน ทั้งยังมีปากที่ครอบครองแรงดูดอันทรงพลัง และฟันอันแหลมคมชนิดสามารถบดกระดูกมนุษย์ได้อย่างง่ายดาย

 

ตัวอ่อนหนอนทรายทองเลเวล F มีขนาดตัวประมาณ 1 เมตร , เลเวล E 1.5 เมตร มีความสูงเกือบเท่ามนุษย์!

 

แต่เลเวล D จะยาว 2 เมตรขึ้นไป ยามอาละวาด สามารถกลืนมนุษย์ทั้งตัวเข้าไปได้อย่างง่ายดาย

 

ฉินเฟิงกับไป๋หลีร่อนลงจอด ตัวอ่อนหนอนทรายทองไม่หวั่นเกรงความตาย ผุดขึ้นมาจากผืนทราย ดีดตัวอ้าปากหมายจะกัดฉินเฟิง

 

ตูม!

 

หนอนทรายทองปะทะเข้ากับปราณกำลังภายในของฉินเฟิง ถูกสะท้อนปลิวกลับหัวกลับหางไป

 

ฉินเฟิงก้าวไปข้างหน้า หนึ่งเท้าเหยียบย่ำลงบนหนอนทรายทอง

 

โผล๊ะ!

 

เลือดสีน้ำตาลของหนอนทรายทองทะลักออกมา กลิ่นอายเน่าเหม็นกระจายขึ้นมาแตะจมูกของฉินเฟิง

 

“ถ้าล่าด้วยวิธีนี้ ต้องใช้เวลาแค่ไหนกันถึงจะฆ่าได้เกินพันตัว?” ฉินเฟิงขบคิด ก่อนจะดีดนิ้วไปในอากาศที่ว่างเปล่า อาวุธในอุปกรณ์รูนมิติ ปรากฏขึ้นมา

 

เป็นปืนใหญ่มือ!

 

ปัง!

 

ฉินเฟิงกระแทกปุ่มยิง กระสุนปืนใหญ่ถูกปลดปล่อย แผ่อำนาจระเบิดกวาดทำลายไปนับ 100 เมตร

 

ตูม!

 

ฝุ่นฟุ้งตลบ หมอกทรายลอยไปทั้งชั้นอากาศ

 

แรงสั่นสะเทือนแผ่ขยายออกไปไกล

 

หนอนทรายทองที่ซ่อนอยู่ท่ามกลางผืนทราย บ้างสะดุ้งตกใจ บ้างกลายเป็นโกรธเกรี้ยว

 

วูซซซ

 

หนอนทรายทองคลานขึ้นมาจากใต้ผืนทราย ตัวแล้วตัวเล่า ทยอยกันออกมาต้อนรับแขกสารเลวที่คิดก่อกวน

 

ในที่สุด ในสายตาของฉินเฟิง ผืนทรายสีเหลืองนวล ก็เปลี่ยนเป็นทรายสีทองที่เคลื่อนไหวได้ และกำลังเคลื่อนตรงเข้ามาหาเขา

 

โครม!

 

หนอนทรายทองตัวใหญ่ขดตัวดีดกระโจนเข้ากัดฉินเฟิง

 

–เป็นหนอนทรายทองเลเวล D !

 

สีหน้าของฉินเฟิงสงบไม่เปลี่ยนแปลง ในเวลาเดียวกัน มีดกษัตริย์ครามในมือก็เหวี่ยงสะบัดออกไป

 

“มีดเปลวเพลิง!”

 

แสงที่ลุกไหม้ตัดผ่านไป หนอนทรายทองแยกออกเป็นสองส่วนทันที

 

ต่อมา ตลอดทั้งร่างของฉินเฟิงก็ลุกไหม้ไปด้วยเปลวไฟ

 

“พรมโลกันต์!”

 

ปัจจุบัน พลังสมาธิของฉินเฟิงสามารถขยายขอบเขตไปได้ไกลถึงหนึ่งกิโลเมตร หนุนเสริมด้วยผลึกเพชรเพลิง มันช่วยให้เขาสามารถปลดปล่อยรูนไฟได้รุนแรงและกว้างขึ้น

 

ดังนั้นอำนาจของพรมโลกันต์นี้ จึงยกขึ้นไปอีกระดับ

 

รอบกายฉินเฟิง ทะเลทรายในสายตาเขา บัดนี้ทุกอย่างถูกเปลี่ยนเป็นทะเลเพลิง

 

จี๊ จี๊!

 

หนอนทรายทองโหยหวนน่าเวทนา

 

เปลวเพลิงย่างสดพวกมัน พริบตาเดียวเนื้อหนอนกลายเป็นเถ้าถ่าน 

 

ฆ่า ฆ่า ฆ่า การล่าสังหารเป็นไปอย่างต่อเนื่อง!

 

อบิลิตี้ของฉินเฟิงไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงง่ายๆ เปลวเพลิงสามารถสังหารหนอนทรายทองได้อย่างต่อเนื่อง

 

หนอนทรายทองพากันมุดลงไปซ่อนตัวใต้ดินอย่างรวดเร็ว แต่ฉินเฟิงมีหรือจะยอมปล่อยพวกมันไป? ปืนใหญ่มือบรรจุกระสุน ระเบิดยิงลูกต่อไป

 

ตูม!

 

ผืนทรายถูกกวาดออก เกิดการสั่นสะเทือนไปทั้งรัง หนอนสัตว์ร้ายหลายพันตัวโผล่ขึ้นมาจากผืนทราย คราวนี้หนึ่งในนั้น มีนายพลสัตว์ร้ายรวมอยู่ด้วย!

 

ลำตัวที่ยาวกว่าสี่เมตร ปรี่เข้าหาฉินเฟิง ปากกลมมนทว่าภายในเต็มไปด้วยซี่ฟันแหลมคมขยายออก หมายจะกลืนฉินเฟิงลงกระเพาะโดยตรง 

 

เอาจริงๆนะ ถึงมันจะไม่สามารถใช้ฟันแหลมกัดทะลุปราณกำลังภายในของฉินเฟิงได้ แต่การกลืนลงไปทั้งตัวในคราวเดียว ไม่นับว่าเป็นปัญหา!

 

ทั้งคนทั้งร่างของฉินเฟิงถูกกลืนในคราวเดียว!

 

ฉินเฟิงที่ถูกยัดลงกระเพาะแสยะยิ้ม มีดกษัตริย์ครามในมือชี้ชูขึ้นสู่ฟากฟ้า

 

“พลุไฟสงคราม!”

 

ตูม!

 

ใบมีดระเบิดแสงเจิดจ้า เจาะทะลุเปลือกหนาของหนอนทรายทอง จากภายใน แทรกซึมสู่ภายนอก –แหวกออกเป็นรูโบ๋ขนาดใหญ่

 

ฉินเฟิงทะยานตามออกมาทันที

 

สำหรับทางฝั่งนายพลสัตว์ร้าย มันได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก และใกล้ถึงแก่ความตาย

 

การต่อสู้ดำเนินยาวนานกว่า 1 ชั่วโมง แต่ฉินเฟิงสามารถกำจัดนายพลสัตว์ร้ายได้ ผลลัพธ์นี้ถือว่าน่าพอใจมาก

 

คนอื่นๆแน่นอนย่อมไม่สามารถทำเช่นเดียวกับฉินเฟิง

 

สถานที่พวกเขาอยู่ แท้จริงแล้วมันห่างไกลจากรังหนอนทรายทองนับสิบกิโลเมตร

 

อย่างไรก็ตาม หนอนทรายทองมีอยู่กว่า 200,000 ตัว ฉะนั้นย่อมไม่กระจุกอยู่ที่เดียว พวกมันกระจายกันไปรอบๆ ยิ่งห่างรังก็ยิ่งมีน้อย ง่ายต่อการรับมือ เหมาะสมสำหรับกลยุทธค่อยๆรุกคืบ

 

เห็นได้ชัดว่าฉินเฟิงไม่เล่นตามกติกา เขาไม่ค่อยเป็นค่อยไป กระโจนเข้ากลางวง ล่าสังหารครั้งใหญ่ ยังไงก็ตาม การกระทำเช่นนั้นช่วยลดแรงกดดันให้กับคนอื่นๆได้ไม่น้อย

 

“ฉินเฟิงคนนี้ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาสามารถทำได้จริงๆ!”

 

“เขาล่อหนอนทรายทองส่วนใหญ่ออกไป ช่วยผ่อนแรงพวกเราได้เยอะ”

 

“ฉินเฟิงจะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”

 

ถัดออกไปจากพื้นที่ต่อสู้ของฉินเฟิงเป็นไป๋หลี ถัดไปอีกเป็นหยานฟาง

 

ไป๋หลีนั่งอยู่บนเนินทราย เฝ้ามองฉินเฟิงด้วยความเบื่อหน่าย

 

ในเวลาหนึ่งชั่วโมง ไป๋หลีสังหารหนอนทรายทองไปแค่ 100 ตัว จากนั้นก็หยุดมือ ไม่ไล่ล่าอีกต่อไป

 

หากมีหนอนทรายทองโผล่ขึ้นมาคิดรบกวนเธอ ไป๋หลีจะปล่อยแรงกดดันออกมา บังคับพวกมันมุดหัวหลบหนีไปด้วยความหวาดกลัว

 

ตั้งแต่ที่ฉินเฟิงเริ่มสู้ พลังพิเศษดูดกลืนของเขาก็ทำงานตลอดเวลา ในขณะที่ฝั่งไป๋หลี มันอยู่ไกลกับเขามากเกินไป พลังพิเศษดูดกลืนส่งมาไม่ถึง ดังนั้นไม่มีเหตุต้องฆ่า ปล่อยให้ฉินเฟิงได้รับผลประโยชน์ดีกว่า

 

เวลานั้นเอง ในพื้นที่ต่อสู้ของหยานฟาง เจ้าตัวยังพอเบี่ยงเบนสมาธิมาได้เล็กน้อย เขาเดินตรงไปยังทิศทางของไป๋หลี

 

แต่พอมาถึงกลับไม่คาดคิดเลย ว่าไป๋หลีจะหยุดต่อสู้แล้ว เธอนั่งนิ่งอยู่บนเนินทราย คางโน้มลงพาดบนสองมือ เหม่อมองไกลออกไป

 

ผู้หญิงคนนี้ ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ

 

ดวงตาของหยานฟางเปล่งประกายสดใส

 

เขาขยับฝีเท้าเสียงดังขึ้นเล็กน้อย คล้ายพยายามเรียกความสนใจของไป๋หลี แต่จนกระทั่งเขาเดินมาหยุดอยู่ข้างกายเธอ ไป๋หลีกลับไม่แม้แต่แหงนหน้ามอง

 

“ทำไมมิสไป๋ถึงมานั่งอยู่ตรงนี้เล่า?” หยานฟางทำได้เพียงเอ่ยถาม

 

ไป๋หลีเหลือบมองมาทางหยานฟาง จากนั้นก็ตอบคำถามเขา “พันธมิตรแต่ละคนต้องเจื๋อนหนอนวันละ 100 ตัวถูกไหม? ฉันจัดการเรียบร้อยแล้ว”

 

ดวงตาของหยานฟางหรี่แคบลง

 

ความแข็งแกร่งของไป๋หลีมิได้อ่อนแอ เรื่องนี้พอจะมีข้อมูลจากข่าวก่อนหน้าอยู่บ้าง เป็นหญิงแกร่งและทรงพลัง ทว่ากลับปฏิบัติและคอยอยู่เคียงข้างฉินเฟิง เรื่องนี้จะไม่ให้ผู้อื่นรู้สึกอิจฉาได้อย่างไร?

 

“มิสไป๋ ถ้าไม่อยากจะฆ่าก็ไม่เป็นไร ว่าแต่สนใจกินอะไรสักหน่อยไหม?” หยานฟางถาม

 

“กิน? กินอะไรหรอ” ดวงตาของไป๋หลีฉายแววสดใส

 

หยานฟางหยิบกล่องคริสตัลออกมา ภายในกล่อง ปรากฏผลไม้เล็กๆ เปล่งประกายแวววาว

 

“นี่มอบให้คุณ ลองชิมดู” หยานฟางเชื้อเชิญ

 

นี่เรียกว่าผลไม้เนื้อน้ำแข็ง แม้จะไม่ใช่ของระดับสูง แต่มันมีเสน่ห์ร้ายแรงสำหรับผู้หญิง เพราะผลลัพธ์ช่วยทำให้ผิวขาวขึ้นจนเห็นได้ชัด หนึ่งลูกมีมูลค่ากว่า 5 ล้านเหรียญ

 

แม้สำหรับผู้ใช้พลังเลเวล D เงิน 5 ล้านจะไม่นับว่าเป็นสิ่งใด แต่ผลไม้ลูกละ 5 ล้านสำหรับเลเวล G แล้ว เป็นอะไรที่หรูหรามาก!

 

หยานฟางพยายามเอาใจไป๋หลี 

 

แน่นอน ว่านี้เป็นเพียงการทดสอบ ถ้าเขาเห็นว่าไป๋หลีเกิดความสนใจ หยานฟางก็จะได้ค่อยๆปล่อยของที่น่าประทับใจยิ่งกว่าออกมา

 

ไป๋หลีมองไปยังผลไม้เนื้อน้ำแข็ง กล่าวด้วยความสงสัย “มีแค่ผลเดียวหรอ?”

 

หยานฟางผงะตกใจ

 

“ผลไม้วิญญาณชนิดนี้ ถ้ากินเยอะเกินไป มันจะไม่ส่งผลดี” หยานฟางกล่าว

 

ไป๋หลีหน้ามุ่ย “งั้นก็ลืมมันเถอะ เพราะฉันเองก็มีเหมือนกัน”

 

ขณะกล่าว ไป๋หลีก็วาดมือออก ชามคริสตัลปรากฏขึ้น ภายในกองเต็มไปด้วยเมล็ดบัวพิสุทธิ์

 

เอ่อ … ที่วางอยู่ในชาม เหมือนจะไม่ใช่ผลไม้วิญญาณ แต่เป็นกองเงินมหาศาลซะมากกว่า!