Ch.340 – คิดไม่ซื่อ

Provider : Muntra

 

 

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.340 – คิดไม่ซื่อ

 

“เอ้า คุณก็กินด้วยกันสิ” ไป๋หลียื่นชามคริสตัลขนาดเล็กไปทางหยานฟาง

 

หยานฟางกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ดิ้นรนข่มใจอย่างยากลำบาก

 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว นี่คือเมล็ดบัวพิสุทธิ์

 

เดิมเขาคิดพยายามจะใช้ของล่อใจไป๋หลี แต่ตอนนี้ดันถูกไป๋หลีฟาดกลับด้วยของที่มีราคามากยิ่งกว่า

 

ด้วยศักดิ์ศรีของหยานฟางแล้ว เขายังสามารถกินมันได้อีกหรือ?

 

“ฉัน ฉันยังไม่หิว ไม่เป็นไรหรอก” หยานฟางแก้ตัว

 

ไป๋หลีได้ฟังก็ยกชามกลับมาทันที ไม่คิดโน้มน้าวใดๆ

 

“อย่างงั้นหรอ ที่รักของฉันก็ไม่ชอบกินมันเหมือนกัน เขาบอกว่ากินแค่นิดๆหน่อยๆก็พอแล้ว มากไปจะเสียของ!”

 

ว่าจบก็โยนเมล็ดบัวพิสุทธิ์อีกเม็ดเข้าปาก อันที่จริง ที่ฉินเฟิงบอกว่าเสียของ เป็นเพราะเขากินมันจนถึงขีดจำกัดแล้วนั่นเอง เนื่องจากร่างกายมนุษย์มีความจุที่จำกัด และฉินเฟิงก็กินจนจุถึงขีดสุดแล้ว 

 

อย่างไรก็ตาม สำหรับสัตว์ร้ายอย่างไป๋หลี กินเท่าไหร่ก็ไม่เป็นปัญหาอะไร

 

สีหน้าของหยานฟางกลายเป็นเขียวคล้ำ

 

เขาเหม่อมองไปยังร่างที่วูบไหว ต่อสู้ไม่หยุดในระยะไกล และรู้สึกว่าฉินเฟิงมิใช่ตัวตนที่ง่ายดายเลย

 

หากคิดล่อลวงใจสาวงามของฉินเฟิงด้วยเงิน ต้นทุนที่ต้องจ่าย มันมหาศาลเกินไป!

 

หยานฟางจำต้องพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องนี้ใหม่อีกครั้ง 

 

ในเวลานั้นเอง ฉินเฟิงที่อยู่ท่ามกลางวงล้อม สัมผัสได้ถึงสถานการณ์ระหว่างไป๋หลีกับหยานฟางจากระยะไกล 

 

“เขามาหาเธอทำไมงั้นหรอ?” ฉินเฟิงใช้พลังสมาธิติดต่อกับไป๋หลี 

 

ไป๋หลีส่งเสียงผ่านพลังสมาธิกลับไปเช่นกัน

 

“เขาถามว่าฉันสนใจจะกินผลไม้เนื้อน้ำแข็งรึเปล่า แต่มันให้พลังงานน้อย ผลก็มีขนาดเท่าเล็บมือ ทั้งยังมีผลเดียว ผู้ชายอะไรขี้เหนียวซะจริง!”

 

ฉินเฟิงหัวเราะ “หยานฟางไม่ได้ขี้เหนียวหรอก”

 

นี่เองสินะ คือเหตุผลที่ว่าทำไมสาวๆที่ร่ำรวย ถึงไม่สามารถถูกผู้อื่นล่อลวงได้โดยง่าย

 

เปรียบเทียบกับไป๋หลี เธอก็เหมือนกับเด็กสาวที่ถูกเลี้ยงดูโดยฉินเฟิง ได้รับการปรนเปรอด้วยของแพงๆตั้งแต่เกิดแรกๆ แล้วเธอจะไปถูกคนอื่นใช้สิ่งของล่อลวงเอาง่ายๆได้อย่างไร?

 

‘เหอๆ ฉันว่านั่นเป็นข้ออ้างมากกว่า คิดว่าดูไม่ออกหรือ? เห็นนิ่งๆ แต่คิดไม่ซื่อมาทำหมาหยอกไก่กับผู้หญิงของคนอื่น! ไม่รู้รึไงว่าสมัยนี้เด็กผู้หญิงเขาไม่รับของจากคนแปลกหน้า โดยเฉพาะของหวาน!’

 

ใบหน้าของฉินเฟิงเริ่มดำคล้ำ “แล้วเขาคิดจะทำอะไรอีก?”

 

“ไม่น่าจะทำอะไรแล้วนะ แต่พลังสมาธิของฉันบอกว่า หยานฟางกำลังคิดเรื่องไม่ดีอยู่”

 

ทางด้านหยานฟาง เขากำลังคิดว่าไป๋หลีเป็นเพียงเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่ไม่เจนโลก ซึ่งอันที่จริง ไป๋หลีอ่อนไหวกว่าใคร เธอสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของคนรอบข้างได้อย่างชัดเจน

 

ฉินเฟิงหัวเราะเย็นชา “ก็คงเป็นเรื่องไม่ดีนั่นแหละ ฉันเดาว่าเขาพยายามกระตุ้นให้พวกเราเกิดความไม่ลงรอยกัน หรืออาจต้องการซื้อใจเธอ รอก่อนนะ ฉันกำลังจะไปหา”

 

มือที่วูบไหวของฉินเฟิงถี่ระรัวขึ้น เร่งเคลียร์พื้นที่ เก็บกวาดฝูงหนอนโดยรอบอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมุ่งไปทางไป๋หลี

 

หยานฟางตระหนักได้ว่าฉินเฟิงกำลังตรงเข้ามา คิ้วเขามุ่นเข้าหากัน แต่ก็คลายลงทันที

 

“มิสเตอร์ฉิน การได้ยินข่าวลือไม่เท่ากับการเห็นด้วยตาตนเองจริงๆ คุณแข็งแกร่งเหลือเกิน มันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนได้เปิดโลกใหม่เลย” หยานฟางกล่าว

 

“เก็บกวาดได้เร็วมันก็ดีเหมือนกัน เพราะจะได้มาอยู่ด้วยกันกับแฟน เธอไม่ชอบฆ่าหรือต่อสู้น่ะ”

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่มีสาวๆคนไหนชอบทำอะไรแบบนั้นหรอก จริงๆแล้วพวกเธอต้องการได้รับการปกป้อง”

 

“พูดแบบนั้นก็ไม่ถูกนะ เธอไม่ได้อ่อนแอเลย หากวัดกันจริงๆ ผมแน่ใจว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอ” ฉินเฟิงยิ้มจาง

 

หยานฟางไม่รู้ว่าคำพูดของฉินเฟิงจริงหรือไม่ แต่ความแข็งแกร่งของไป๋หลีสมควรไม่เลวร้าย ดังนั้นเออออตาม ไม่คิดโต้แย้งแกว่งเท้าหาเสี้ยน

 

“นี่ก็เสียเวลาไปสักพักแล้ว เร่งเก็บกวาดพื้นที่ต่อเถอะ ฉันตั้งใจจะกลับไปสู้ต่อแล้ว มิสเตอร์หยานเองก็พยายามเข้าล่ะ”

 

ขณะกล่าว ฉินเฟิงก็ยกปืนใหญ่มือขึ้นอีกครั้ง ตูม! กระสุนระเบิดลงกลางผืนทราย เปิดใต้ดินขึ้นมา

 

หนอนสัตว์ร้ายโกรธเกรี้ยว เริ่มคืบคลานขึ้นมาจากเบื้องล่าง

 

สีหน้าของหยานฟางเปลี่ยนไปเล็กน้อย “โอ้ ถ้าคุณไม่ว่าง งั้นฉันขอตัวก่อน”

 

ฉินเฟิงเอ่ยถึงขนาดนี้ หยานฟางก็ไม่กล้าอยู่ต่อ เร่งถอยจากไปประจำตำแหน่งของตัวเอง

 

แต่ระหว่างทาง หยานฟางดันต้องเผชิญหน้ากับหนอนทรายทองเลเวล D และเขาใช้เวลากว่า 10 นาทีจึงจะจัดการมันลงได้ นี่เล่นเอาตัวเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น

 

ขณะเดียว ในพื้นที่ใกล้เคียง การสังหารหมู่ของฉินเฟิง ได้เปิดฉากขึ้นอีกครั้ง!

 

 

ตลอดทั้งวัน ฉินเฟิงสังหารหนอนทรายทองได้เกือบ 10,000 ตัว จำนวนนี้ถือว่าทำได้เกินกว่าหน้าที่มากแล้ว

 

หึ่ง หึ่ง!

 

เสียงฮอลศึกลอยมาทักทายฝูงชน หนึ่งในฮอลศึกลดระดับลง ร่อนมาใกล้ๆกับฉินเฟิง

 

“ผู้มีพระคุณฉิน นี่ฉันเอง วันนี้ฉันขออนุญาตพาคุณกลับไป”

 

พลังสมาธิถูกส่งผ่านเข้ามา จากนั้นร่างของบุคคลหนึ่งก็โผล่ออกมาจากประตูฮอลศึก

 

เป็นมือปืนเลเวล E ที่ได้รับการช่วยเหลือเมื่อวานนี้ –หานน่วน

 

“มาเถอะ ไปแวะทักทายเธอกันหน่อย”

 

ฉินเฟิงโอบเอวไป๋หลี ปีกนกยูงไฟสยายออก ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า

 

ทั้งสองขึ้นไปบนฮอลศึก หานน่วนปิดประตูห้องโดยสาร และระบุพิกัดฮอลศึกให้บินกลับไปยังปราการชาตง*

 

*(ผมลืมอธิบายไป ชาตงนี่แปลว่าทรายเคลื่อนนะครับ ชื่อนี้มีความหมายประมาณว่าปราการทะเลทรายที่สามารถโยกย้ายได้ตลอดเวลา เลยถูกตั้งเป็นชื่อเมืองแนวหน้าเมืองนี้ครับ)

 

“ผู้มีพระคุณฉิน ผู้มีพระคุณไป๋ ขอบคุณมากสำหรับเรื่องเมื่อวานนี้ เป็นเพราะฉันวุ่นอยู่กับการจัดการธุระให้กับคนอื่น เลยเพิ่งมีโอกาสได้มาขอบคุณคุณทั้งสอง และนี่ ขอคืนให้แก่ผู้มีพระคุณไป๋”

 

หานน่วนหยิบปืนสลายอนุภาคออกมา มันคือปืนที่ไป๋หลีเคยโยนให้เธอใช้รักษาชีวิต

 

หานน่วนรู้สึกกระดากอายเล็กน้อย ก้มหน้าเอ่ย “แต่ตอนนี้ฉันไม่มีเงินติดตัวมากนัก ดังนั้นพลังงานในปืนนี้ ฉันสามารถเติมให้ได้ครึ่งเดียว แล้วอีกอย่างฉันเพิ่งหางานเสริมได้แค่งานเดียว เกรงว่าช่วงนี้คงยากจนไปอีกสักพักหนึ่ง”

 

หานน่วนถูกเติ้งกงจับตัว อุปกรณ์รูนมิติบนกายเธอย่อมถูกชิงไปโดยเขา 

 

อาจกล่าวว่าแม้รอดตายมาได้ ก็กลายเป็นคนหมดตัว

 

อย่างไรก็ตาม หานน่วนบังเกิดความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา

 

“ผู้มีพระคุณฉิ-”

 

“เรียกปกติเถอะ”

 

“โอ้ … รับทราบเจ้าค่ะ มิสเตอร์ฉิน ถ้าคุณไม่รังเกียจ ฉันสามารถชดใช้หนี้ของคุณด้วยการทำงานให้ได้นะ ได้ยินว่าคุณกำลังเก็บกวาดหนอนทรายทอง ฉันสามารถช่วยคุณจัดการวัตถุดิบ และรับประกันว่าจะคิดค่าใช้จ่ายน้อยกว่าทางกลุ่มหวันซ่ง ฟังดูเป็นอย่างไร?”

 

หานน่วนมองไปทางฉินเฟิงด้วยความคาดหวัง

 

“คุณต้องการเป็นตัวแทนจัดการสินค้าของผมในปราการชาตงงั้นหรอ?” ฉินเฟิงเคาะที่วางแขน กล่าวในสิ่งที่หานน่วนคิด

 

หานน่วนยอมรับ “ใช่ ฉันรู้สึกว่าฉันสามารถทำงานนี้ได้ เลยกล้าเสนอตัว!”

 

ฉินเฟิงพยักหน้า เขาไม่กลัวว่าหานน่วนจะโกงตน เพราะเธอคงไม่กล้า

 

ด้วยความแข็งแกร่งของฉินเฟิงในปัจจุบัน และชื่อเสียงที่ได้รับจากการต่อสู้หลายครั้ง เชื่อว่ามีผู้คนมากมาย ต้องการจะทำงานให้แก่ฉินเฟิง

 

อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้รับโอกาสนั้น

 

หานน่วนคือคนแรก แต่จะไม่ใช่คนสุดท้ายแน่นอน

 

“ตกลง หวังว่าคุณจะไม่ทำให้ผมผิดหวัง”

 

“มั่นใจได้เลย ฉันจะทำให้ดีที่สุด!”

 

ฉินเฟิงผลักปืนสลายอนุภาคกลับไป และกล่าว “ในเมื่อเป็นคนของผมแล้ว จะไม่พกอาวุธเลยคงไม่ได้ เก็บมันไว้ป้องกันตัวเถอะ”

 

“อา เข้าใจแล้ว ขอบคุณมิสเตอร์ฉิน!” หานน่วนรู้สึกว่าเธอเลือกคนไม่ผิด

 

เดิมฉินเฟิงตั้งใจว่า หลังจากที่เขาจัดการธุระเรียบร้อย และซูซิงฝูกลายเป็นเลเวล E แล้ว เขาจะย้ายซูซิงฝูมาที่ปราการชาตง แต่ในตอนนี้ เหมือนจะไม่จำเป็นต้องลำบากถึงขนาดนั้นอีกแล้ว

 

สมาชิกของฉินเฟิง ค่อยๆขยับขยายออกไปอีกขั้น!

 

ฮอลศึกขับกลับมาถึงชาตง ฉินเฟิงมอบสินค้าทั้งหมดที่ได้รับในวันนี้ให้กับหานน่วน

 

วัตถุดิบมหาศาลเหล่านี้ พอได้ลองตรวจสอบดู มันทำให้หานน่วนต้องตกใจ

 

ก่อนหน้านี้ผู้ใช้พลังเลเวล C ของกลุ่มต้าเฉิงได้ลงมือสังหารจักรพรรดิสัตว์ร้าย พวกเขาระดมพลและทุ่มเท่อย่างหนัก ตระเตรียมการนานถึงสองเดือน ถึงสามารถกวาดล้างกองทัพเผ่าสัตว์ร้ายตนนี้ลงได้ และเริ่มปฏิบัติการปราบปรามสังหารจักรพรรดิสัตว์ร้าย วัตถุดิบจากการต่อสู้ในแต่ละวัน กองพะเนินราวขุนเขา

 

แต่จำนวนสมาชิกของกลุ่มต้าเฉิง อย่างน้อยก็400 -500 คน และทั้งหมดล้วนเป็นนักสู้ชั้นยอด

 

ทว่าฉินเฟิงเพียงคนเดียว แทบจะเก็บเกี่ยวได้มากเท่ากับที่ต้าเฉิงทั้งกลุ่มร่วมมือกันทั้งวัน

 

สิ่งนี้ทำให้หานน่วนตื่นเต้นมาก

 

“ผลการคำนวณในวันนี้ วัตถุดิบทั้งหมดจะมีค่าราวๆ 240 ล้านเหรียญ”

 

“อืม ฝากจัดการด้วยนะ เรื่องเงินไม่จำเป็นต้องให้ผมทันทีก็ได้”

 

มูลค่าแค่ 200 ล้านเหรียญ ฉินเฟิงไม่คิดเก็บมันมาใส่ใจในตอนนี้

 

“อ้อจริงสิ พรุ่งนี้ผมก็จะไปแนวหน้าเหมือนเดิม ในเมื่อคุณรับหน้าที่เก็บรวบรวมวัตถุดิบแล้ว ก็อย่าลืมมารับพวกเราด้วยล่ะ”

 

“น้อมรับคำสั่ง!”