ตั้งแต่คังอี้ได้โต้ตอบกับเฟิงหยูเฮงสองสามครั้ง นางก็เริ่มให้ความสนใจกับทุกคำที่พูด ใครจะรู้ว่าคำนั้นจะจบลงด้วยการเป็นกับดัก นางต้องระวังคำตอบกลับของนาง

เมื่อได้ยินนางถามเกี่ยวกับกำไลนี้ คังอี้ไตร่ตรองเล็กน้อย นางไม่ได้ทำผิดพลาดกับกำไล นางจึงพูดพร้อมกับยิ้มว่า “กำไลหยกนี้เสด็จพ่อมอบให้ข้าในวันเกิดปีที่ 16 ของข้า มันถูกประดับด้วยทองคำและมีความหมายที่ดี”

“โอ้” เฟิงหยูเฮงพยักหน้า “ถ้าท่านแม่พูดแบบนั้น การเลือกที่จะมอบกำไลนี้ให้แม่รองจุนม่านในเวลานี้เป็นเวลาที่เหมาะสม แต่…” นางขมวดคิ้ว และไตร่ตรองสักพัก “ท่านแม่ได้รับกำไลนี้ในวันเกิดปีที่ 16 ของท่านแม่ สามเดือนต่อมาท่านแม่แต่งงานกับสามีของท่านแม่ เท่าที่ข้ารู้ในเวลาที่ท่านแม่แต่งงาน กำไลนี้ควรจะอยู่บนข้อมือของท่านแม่”

คังอี้ตกใจ นางไม่คิดว่าจริง ๆ แล้วเฟิงหยูเฮงจะสามารถยับยั้งนางได้โดยการเปลี่ยนหัวข้ออย่างมีเล่ห์เหลี่ยม เรื่องนี้ทำให้นางไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร

เฟิงหยูเฮงยังคงดำเนินหัวข้อนี้ต่อไป “ข้าเคยได้ยินข่าวลือซึ่งเกิดขึ้นที่เฉียวโจวในปีนั้น แต่การตายของสามีท่านแม่ไม่ได้เป็นความลับแต่อย่างใด และเราไม่จำเป็นต้องปกปิดมัน การแต่งงานครั้งที่แล้วของท่านแม่ไม่อาจถือว่ามีความรักใคร่กลมเกลียว อย่างไรก็ตามท่านแม่กลับมอบสิ่งนี้ให้กับแม่รองจุนม่าน พูดให้สุภาพคือ ท่านแม่อิจฉาที่แม่รองได้รับความโปรดปราน แต่ถ้าพูดในแง่ลบ ท่านแม่ต้องการสาปแช่งท่านพ่อให้ตายเร็ว ๆ นี้เช่นนั้นหรือเจ้าค่ะ ? ” เสียงของนางดังขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งคำพูดสุดท้ายของนางซึ่งประณามคังอี้ “ท่านพ่อปฏิบัติต่อท่านแม่ไม่ดี ท่านแม่ไม่ต้องการแต่งงานไปกูซูและจากบ้านไปไกล ดังนั้นท่านพ่อจึงไปขอฮ่องเต้อนุญาตให้แต่งท่านแม่เข้ามาในคฤหาสน์ แต่ใครจะรู้ว่าท่านแม่จะใช้สิ่งนั้นเพื่อสาปแช่งท่านพ่อ”

ไม่มีใครในตระกูลเฟิงที่คิดว่าเฟิงหยูเฮงจะกลายเป็นคนอำมหิตอย่างฉับพลัน เนื่องจากคำพูดแต่ละคำทำให้คังอี้มีจุดจบที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นางไม่อาจทำสีหน้าสงบเยือกเย็นได้อีกต่อไป เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?

อย่างไรก็ตามหัวใจของคังอี้เริ่มสั่นแล้ว ด้วยเหตุผลบางอย่างนางก็จำได้ว่าไฟประหลาดที่เกิดขึ้นที่ตำหนักเซียงโดยไม่รู้สาเหตุเมื่อไม่กี่คืนก่อน

ความอำมหิตของเฟิงหยูเฮงทำให้คังอี้ไม่มีที่ซ่อน นางเน้นอย่างชัดเจนก่อนหน้านี้ว่าเป็นของขวัญจากวันเกิดปีที่ 16 ของนาง มันมีข้อความของความสามัคคีและได้รับจากฮ่องเต้ หากมีคนปฏิเสธอย่างเรียบง่ายว่าสิ่งที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ไม่ได้สวมใส่ในงานแต่งงานอันยิ่งใหญ่ของพวกเขาในอีก 3 เดือนต่อมา จะไม่มีแม้แต่คนเดียวที่เชื่อในเรื่องนี้ใช่หรือไม่ ?

คังอี้ไม่หลงเหลือทางออก ดังนั้นนางจึงหันหลังกลับและคุกเข่าต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวว่า “เป็นลูกสะใภ้ที่ไม่ได้คิดให้ถี่ถ้วน ข้าอยากจะให้ของขวัญแก่น้องสาว แต่ท่านแม่ก็ทราบดีว่าสินเดิมของลูกสะใภ้ยังไม่มาถึง อยู่ระหว่างการเดินทางมาที่ราชวงศ์ต้าชุน และข้าไม่มีของมีค่าอยู่ในมือ ข้าไม่ได้คิดมากกับกำไลเลย ข้าไม่ได้มีเจตนาที่จะสาปแช่งท่านพี่นะเจ้าคะ ! ”

ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธแค้นจากสิ่งที่เฟิงหยูเฮงได้กล่าวมา นางไม่สนใจว่าทำไมเฟิงหยูเฮงจะทำตัวโหดร้ายต่อคังอี้ เพียงแค่ใช้กำไลนี้ เฟิงหยูเฮงพูดถูกต้อง คังอี้มอบกำไลที่นำโชคร้ายเช่นนั้นเป็นของขวัญ นางคิดอะไรกันแน่ ?

ฮูหยินกระแทกไม้เท้าของนางด้วยความโกรธ และมองไปที่คังอี้กล่าวว่า “เจ้าเป็นถึงองค์หญิงใหญ่ และผู้ปกครองของเฉียนโจวนั้นมีฐานะที่สูงส่งกว่า ข้าจะพูดอะไรได้ แต่จินหยวนเป็นบุตรชายของข้า แน่นอนว่าข้าจะไม่อนุญาตให้ใครทำร้ายเขา” นางหันไปพูดกับจุนม่าน น้ำเสียงของนางดีขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังมีร่องรอยของความไม่พอใจ “ถอดกำไลนั้นออก แล้วส่งคืนให้นาง ! ”

ดวงตาของจุนม่านเปลี่ยนเป็นสีแดงแล้วในขณะที่นางพยายามถอดกำไลออก เมื่อคังอี้มอบให้กับนาง มันใส่ง่ายมาก แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างเมื่อนางพยายามที่จะถอดมันออก นางก็ทำไม่ได้

จุนม่านกังวลเล็กน้อย ดังนั้นนางจึงตัดสินใจอย่างตรงไปตรงมาว่าไม่ต้องกังวลกับการบาดเจ็บใด ๆ ในที่สุดนางก็สามารถถอดกำไลได้ แต่ผิวหนังที่ข้อมือของนางถลอกเล็กน้อย จากนั้นนางก็วางมันลงบนพื้นราวกับว่ามันลวกผิวหนังของนาง จากนั้นก็ยืนข้างเฟิงจินหยวน

จุนเหมยเฝ้าดูจากด้านข้างในที่สุดก็ไม่สามารถดูต่อได้ ก้าวต่อไปอย่างรวดเร็วนางตรวจสอบอาการบาดเจ็บของพี่สาวของนาง เมื่อเห็นว่าผิวหนังทั้งสองข้างของข้อมือนางนั้นถลอกและมีเลือดซึมเล็กน้อย จุนเหมยหน้าซีดและมองเฟิงจินหยวนแล้วพูดว่า “ท่านพี่ต้องให้ความเป็นธรรมกับพี่สาวนะเจ้าคะ ! ”

เมื่อเห็นจุนม่านเป็นเช่นนี้ เฟิงจินหยวนจะรู้สึกไม่ทุกข์ได้อย่างไร เขาหันไปมองคังอี้ด้วยความโกรธ แต่ในที่สุดเขาก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ ท้ายที่สุดเมื่อมันมาถึงการแต่งงานครั้งนี้ เขารู้สึกว่าเขาทำร้ายคังอี้ หากคังอี้รู้สึกไม่พอใจอนุเพราะเหตุนี้ มันจะถือเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ทั่วไป

คังอี้เห็นเฟิงจินหยวนมองนางเช่นนี้ และเริ่มเข้าใจเป้าหมายของเฟิงหยูเฮงทันที องค์หญิงแห่งมณฑลจี่อันพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อให้แน่ใจว่านางและเฟิงจินหยวนไม่ได้ครองคู่กัน นางกำลังคิดแผนสร้างระยะห่างระหว่างพวกเขา ในแต่ละวันที่นางไม่ได้ทำให้การแต่งงานกับเฟิงจินหยวนสมบูรณ์ ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่นางจะสนิทกับเฟิงจินหยวน หากทั้งสองไม่เข้าใกล้ แผนการในอนาคตของนางจะสำเร็จได้อย่างไร

คังอี้จ้องที่เฟิงหยูเฮง และรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้แน่วแน่และกล้าหาญในแบบของนาง นางทำให้คังอี้กระดิกตัวไม่ได้ การทำสิ่งต่าง ๆ เช่นนี้เกินความคาดหมายของนาง สำหรับคังอี้ นางจะยังคงสั่นอยู่บ้างแม้จะเป็นบางสิ่งที่นางสามารถควบคุมได้ทั้งหมด แม้ว่ามันจะเกี่ยวข้องกับผู้ที่นางรังเกียจอย่างแน่นอน นางก็จะทำอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ทิ้งร่องรอยไว้

แต่เฟิงหยูเฮงนั้นตรงกันข้ามอย่างสมบูรณ์ นางไม่สนใจว่านางจะทิ้งร่องรอยใด ๆ ในความเป็นจริง ดูเหมือนว่านางเป็นห่วงว่าคนไม่รู้ว่าเป็นนาง นางเป็นคนหน้าด้าน และปลอดภัยจากการมีผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่ง

อันที่จริงคังอี้ไม่รู้ว่าวิธีที่เฟิงหยูเฮงใช้ไม่ได้แค่เกินความคาดหมายของนางเท่านั้น แต่มันเกินความคาดหมายของทุกคนอย่างแท้จริง แน่นอนว่าทุกคนไม่ได้รวมซวนเทียนหมิง

โดยทั่วไปนางกับซวนเทียนหมิงเป็นคนประเภทเดียวกัน หากมีศัตรู พวกเขาจะหาทางแก้ไขให้ตรงจุดทันที หากเจ้าดูถูกข้า ข้าจะทุบตีเจ้า ถ้าเจ้าทุบตีข้า ข้าจะฆ่าเจ้า หากเจ้าวางแผนต่อข้า ข้าจะฝังเจ้าโดยไม่ทำป้ายหลุมศพให้เจ้า

นี่เป็นวิธีมาตรฐานในการทำสิ่งต่าง ๆ สำหรับเฟิงหยูเฮงและซวนเทียนหมิง แต่เดิมคังอี้ไม่ใช่คนดี แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนอย่างเฟิงหยูเฮง มันมีความรู้สึกว่าเป็นบัณฑิตวิ่งใส่ทหาร

นางก้มศีรษะลงอย่างไร้ประโยชน์ “ทั้งหมดเป็นความผิดของคังอี้ หากท่านพี่จะลงโทษ ท่านพี่ลงโทษข้าได้เลย” คังอี้เข้าใจว่าความสัมพันธ์ของนางกับเฟิงหยูเฮงไม่อาจเลวร้ายได้มากกว่านี้ นางมาที่ราชวงศ์ต้าโดยมีเป้าหมายในการสนับสนุนองค์ชายเซียงให้ดำรงตำแหน่งฮ่องเต้ จากนั้นเฉียนโจวจะได้รับ 3 มณฑล เป้าหมายของนางคือไม่ได้มีส่วนร่วมในการต่อสู้ของเรือนด้านใน ภารกิจที่สำคัญที่สุดของนางคือครองใจของจินหยวน และปรับปรุงสถานะขององค์ชายเซียงในราชสำนัก หากเรื่องนี้ประสบความสำเร็จคงมีเวลาเหลือเฟือที่จะจัดการองค์หญิงแห่งมณฑลจี่อัน เมื่อคิดเช่นนี้ ท่าทีของนางก็อ่อนลงเล็กน้อย ขณะที่นางคำนับฮูหยินผู้เฒ่าและกล่าวว่า “ความผิดทั้งหมดเกิดขึ้นจากลูกสะใภ้ แต่ข้าขอให้ท่านแม่เชื่อว่าลูกสะใภ้ไม่มีเจตนาแช่งท่านพี่ ลูกสะใภ้ประสบกับความยากลำบากและยุ่งกับการจัดงานแต่งงานให้เรียบร้อย ข้าไม่ได้มีสมบัติมากมาย ดังนั้นข้าจะแสดงเจตนาชั่วร้ายเช่นนี้ได้อย่างไร นี่เป็นเพราะข้าไม่ละเอียดพอ คังอี้หวังที่จะขอโทษน้องจุนม่านและจะยอมรับการลงโทษเจ้าค่ะ”

เมื่อพูดแบบนี้ นางหันไปเผชิญหน้ากับจุนม่าน นางก็ยังคุกเข่าและพูดว่า “พี่สาวทำผิดอย่างร้ายแรงในวันนี้ ทำให้น้องสาวได้รับบาดเจ็บ นี่คือสิ่งที่ทำให้ข้าเสียใจและไม่สามารถแก้ไขความผิดนี้ได้ พี่สาวยินดีชดใช้ความผิดนี้ และหวังว่าน้องสาวจะยกโทษให้ข้า”

ฮูหยินใหญ่ได้ทำพิธีดังกล่าวแล้ว ถ้าจุนม่านยังคงยืนกรานต่อไป จะเป็นนางที่ผิด นางคุกเข่าอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามนางไม่ได้แสดงความคิดของนาง นางมองไปที่เฟิงจินหยวน และถามเขาว่า “ท่านพี่ จุนม่านเป็นของท่านพี่ ท่านพี่จะต้องตัดสินใจทุกเรื่องเจ้าค่ะ”

เฟิงจินหยวนพยักหน้าจากนั้นมองที่คังอี้ที่เต็มไปด้วยความเสียใจ และความขมขื่นทำให้เขาใจอ่อนเล็กน้อย เขาช่วยประคองทั้งสองคนให้ลุกขึ้น จากนั้นเขาจึงพูดกับคังอี้ “สถานการณ์วันนี้เป็นเรื่องบังเอิญ เจ้าเป็นฮูหยินที่ถูกต้องของข้า เจ้าเป็นคนในครอบครัว กำไลนี้…”

คังอี้ก้มลงหยิบกำไล นางยกมันขึ้นเหนือศีรษะแล้วทุบมันลงบนพื้นครั้งแล้วครั้งเล่า

“สิ่งที่โชคร้ายไม่ควรเก็บไว้ใกล้ตัวเจ้าค่ะ ไม่ว่าจะมีค่าขนาดไหน แต่ก็ไม่สามารถเปรียบเทียบความรู้สึกของคังอี้ที่มีต่อท่านพี่ได้” นางแสดงความรู้สึกต่อเฟิงจินหยวนซึ่งทำให้เฟิงจินหยวนรู้สึกสงสารนางเล็กน้อย

เฟิงหยูเฮงดูฉากตรงหน้าแล้วก็อดพยักหน้าไม่ได้ องค์หญิงใหญ่ของเฉียนโจวค่อนข้างเชี่ยวชาญในการปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ นางไม่ใช่คนที่จะดูถูกได้จริง ๆ นางต้องการเห็นว่าผู้หญิงคนนี้จะทำอะไรหลังจากเข้าร่วมกับเฟิงจินหยวน แต่… “ท่านแม่ มันจะเป็นการดีที่สุดที่จะทำลายทุกสิ่งที่ทำให้ท่านแม่โชคร้าย ไม่งั้นคงหนีไม่พ้นที่ท่านแม่จะดูเฉื่อยมากขึ้น เมื่ออาเฮงจำบางสิ่งได้และต้องเตือนท่านแม่”

ก่อนที่คังอี้จะพูดอะไรก็ได้ จุนม่านพูดขึ้นก่อน “ขอบคุณองค์หญิงแห่งมณฑลมณฑลที่เตือนในวันนี้ มิฉะนั้นถ้าอนุนี้ยังคงสวมกำไลนั้น ภัยพิบัติครั้งใหญ่อาจจะเกิดขึ้นได้เจ้าค่ะ”

เฟิงหยูเฮงยิ้มเล็กน้อย และไม่ได้พูดอะไรอีก

ในเวลานี้เฟิงเฟินไดผู้ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ ก็พูดขึ้นทันทีขณะที่นางพูดกับฮูหยินผู้เฒ่า “ท่านย่า ท่านย่าลืมเรื่องของคนที่วางยาพิษอนุฮันไปแล้วหรือเจ้าคะ ? ยังไม่พบผู้ทำผิด และเรือนหยูหลานยังไม่ปลอดภัย ข้ากับแม่รองกินไม่ได้นอนไม่หลับ แม่รองฮันก็กังวลเช่นกัน เมื่อคืนนี้… นางก็นอนไม่หลับ” พูดอย่างนี้นางมองที่เฟิงจินหยวน

ฮูหยินผู้เฒ่าที่กราดเกรี้ยวอยู่แล้ว และกล่าวอย่างไม่มีความสุข “มันไม่ดีถ้านางยังคงเป็นเช่นนี้ นางต้องดูแลตัวเอง นางไม่สามารถพึ่งพาคนอื่นได้ตลอดเวลา” นางพูดอย่างนี้ แต่นางก็คิดถึงคนที่วางยาพิษ นางจึงนำต่างหูออกมาอีกครั้ง นางถือมันไว้ในมือของนาง นางเอาให้ทุกคนเห็น “แม้ว่าต่างหูนี้จะหล่นที่ครัว เพื่อหาตัวผู้ต้องสงสัย ทุกคนควรช่วยกันนึกว่าใครเคยใส่ต่างหูคู่นี้มาก่อน”

ในขณะที่ทุกคนเริ่มคิด

ในเวลานี้พวกเขาได้ยินเฟิงเฉินหยูก็พูดว่า “ต่างหูคู่นี้ดูคุ้นตาข้ามาก ดูเหมือนว่า…” นางพูดอย่างนี้แล้วมองไปที่จินเฉิน ทันใดนั้นดวงตาของนางก็สว่างขึ้น นางพูดเสียงดัง “เป็นของแม่รองจินเฉิน นางเคยใส่มันก่อน ! ”

จินเฉินสั่นด้วยความกลัวขณะที่นางมองเฟิงเฉินหยูด้วยความกลัว นางถามด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อว่า “คุณหนูใหญ่ ถึงแม้ว่าข้าจะเป็นคนที่รู้ว่าคุณหนูมีอะไร แต่คุณหนูก็ไม่ควรใส่ร้ายข้าแบบนี้ ! ”

ครั้งนี้มันเป็นเฟิงเฉินหยูที่ตกใจ นางถามจินเฉิน “เจ้าพูดอะไร ข้ามีอะไร”

เฟิงจินหยวนสามารถบอกได้ว่ามีเลศนัยบางอย่าง ดังนั้นเขาจึงมองทั้งสองด้วยความหดหู่ หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาถามจินเฉิน “ต่างหูนี้เป็นของเจ้าหรือไม่ ? ” ดูเหมือนว่าเขาจะเห็นจินเฉินใส่สิ่งที่ดูคล้ายกันมาก่อน แต่เขาก็เป็นผู้ชาย ในสายตาของเขา เครื่องประดับของผู้หญิงทั้งหมดดูเหมือนกันมาก

เมื่อได้ยินเฟิงจินหยวนถามอย่างนี้ จินเฉินส่ายหัวปฏิเสธอย่างเด็ดขาดว่า “ไม่ ! สิ่งนี้ไม่ได้เป็นของอนุคนนี้” ก่อนที่จะรอให้เฟิงจินหยวนถาม นางก็คุกเข่าแล้วพูดเสียงดังว่า “ท่านพี่ ! ท่านฮูหยินผู้เฒ่า ! เมื่อมันกลายเป็นเช่นนี้ อนุผู้นี้จึงไม่มีทางเลือกนอกจากพูดความจริง เป็นเพราะคุณหนูใหญ่ ! คุณหนูใหญ่ต้องการทำร้ายพี่ฮันเจ้าค่ะ ! ”