บทที่ 75 มื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

เย่เทียนพูดจบไป ในใจกู้กวนชีสับสนแล้ว สายตาที่มองทางเย่เทียนซับซ้อนชัดเจน

“ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง!”

หูเยี่ยนลี่หัวเราะแบบได้ใจ สายตาที่มองกู้กวนชีประกายการดูถูกนิดหน่อย เพียงคิดว่ากู้กวนชีไม่ยอมรับว่ามีแฟนบ้านนอกขนาดนี้

“กวนชี ดูท่าทางเธอแล้ว หรือว่าไม่ยอมรับว่ามีแฟนแบบนี้เหรอ?”

“ไม่ใช่นะ…….ฉัน……”

กู้กวนชีรู้สึกสับสนยกใหญ่ รู้ที่ไหนว่าเย่เทียนจะพูดจามั่วซั่ว ทันใดนั้นไม่รู้ว่าควรจะอธิบายอย่างไร

“เฮ้อ!”

เย่เทียนกลับถอนหายใจยาวๆ พูดว่า “พูดตามตรงนะ ความจริงเสี่ยวชีกำลังทะเลาะจะเลิกกับผมอยู่ล่ะ คุณเป็นเพื่อนสนิทหล่อน ช่วยผมกล่อมหล่อนหน่อยสิ โดยเฉพาะผมเป็นแฟนที่หล่อเหลา และมีความสามารถขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าหาที่ไหนก็ได้นะ”

เย่เทียนคุยโวขึ้นมา หน้าตาเรียบเฉยไม่ตื่นเต้น แถมยังชื่นชมตัวเองไปยกหนึ่ง ไม่ต้องพูดเลยว่าหนังหน้าจะหนาแค่ไหน

“หล่อเหลา? มีความสามารถ?”

หูเยี่ยนลี่เหยียดหยามในใจ เสื้อผ้าแผงลอยข้างทางชุดนี้ของเย่เทียน มากที่สุดก็แค่สองร้อย ถ้ามีความสามารถ จะแต่งตัวสภาพนี้ได้อย่างไรกัน

แน่นอนว่า หล่อนเห็นกู้กวนชีมีชีวิตที่แย่ขนาดนั้น ในใจยิ่งภูมิใจ บนหน้าก็กระตือรือร้นพูดว่า “ทำไมถึงทะเลาะอยากเลิกล่ะ? อย่างที่สุภาษิตว่าไว้ ยอมทำลายสะพานสิบแห่ง ไม่ทำลายคู่รักพัง(ความรักเป็นสิ่งล้ำค่า อย่าทำลายลงไปง่ายๆ) นายบอกฉันมาหน่อยสิ ฉันจะช่วยนายกล่อมกวนชีให้!”

“เฮ้อ เรื่องราวมันยาวน่ะสิ”

เย่เทียนแสร้งทำเป็นถอนหายใจอย่างขมขื่น

“ไม่เป็นไร พวกเราเข้าไปด้านในกินไปด้วยคุยไปด้วย ฉันมาด้วยกันกับแฟน ไม่มีคนนอก!”

ไม่ทันได้ให้อธิบาย หูเยี่ยนลี่ก็ดึงกู้กวนชีเดินไปด้านในอย่างฮึกเหิม เดิมทีไม่ให้โอกาสเธอปฏิเสธ

“จริงเหรอ? งั้นก็ขอบคุณมากจริงๆ นะ!”

เย่เทียนทำหน้าดีใจพูดว่า “ผมได้ยินว่ามากินข้าวที่นี่แพงแทบแย่ วันนี้ได้ประหยัดได้มื้อหนึ่งพอดี แล้วเอาไปเติมไอเท็มเกม!”

หูเยี่ยนลี่ได้ยินคำพูดของเย่เทียน หัวเราะเยาะอยู่ใจครู่หนึ่ง ให้คำนิยามตัวเย่เทียนไปอีกว่า“หนุ่มโอตาคุ” “ขี้เหนียว”อะไรประมาณนี้

“ไม่เป็นไร เงินแค่นี้เอง แฟนฉันไม่ใส่ใจหรอก”

หูเยี่ยนลี่ยิ้มตอบ ไม่นานเดินเข้ามาในห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง

ความจริงในใจกู้กวนชีไม่อยากมีการติดต่ออะไรกับหูเยี่ยนลี่คนนี้เลย ยังไม่ได้เดินเข้าไปก็อยากจะกลับ

ช่วงเวลาสำคัญ ยังเป็นเย่เทียนขยับเข้ามาข้างกายเธอ ใช้เสียงที่มีแค่สองคนถึงได้ยินพูดว่า “ผู้หญิงคนนี้มีเรื่องบาดหมางกับคุณสินะ? แถมยังกล้าดูถูกผมอีก รอดูผมแสดงละครว่าจะทำลายคนมีเงินนี้ยังไง!”

ได้ยินคำพูดพวกนี้ กู้กวนชีตกตะลึง รีบตอบสนองเข้ามาทันที อดหัวเราะคิกคักไม่ได้ เป็นความงามหยาดเยิ้มปะทุขึ้นพร้อมกันเสียจริงๆ ทำให้รู้สึกว่าในใจคนสว่างสดใสขึ้นไม่น้อย

นี่ทำให้หูเยี่ยนลี่หันหน้ากลับมา มองเธอทำท่าทางนี้ ในใจเกิดความอิจฉาเพิ่มอีกระดับหนึ่ง

ผู้หญิงเหมือนกัน มีสิทธิ์อะไรที่เธอกู้กวนชีหน้าตาราวกับดาราดัง ทำให้หล่อนดูด้อยลงไป?

“เอาล่ะ ผมรู้ว่าผิดแล้ว คุณให้อภัยผมครั้งหนึ่งเถอะ ได้ไหม?”

ส่วนเย่เทียนก็จงใจทำลักษณะเอาอกเอาใจ เหมือนกำลังขอโทษแฟนสาวที่กำลังโกรธอยู่จริงๆ

กู้กวนชีได้สติกลับมาแล้ว ว่าตามคำพูดของเย่เทียน ทำเสียงพึมพำเบาๆ ทำท่าทางไม่อยากพูดจากับเย่เทียน เดินไปด้านในห้องอาหารอย่างหงุดหงิด

“เยี่ยนลี่ ทำไมเธอถึงไปนานขนาดนี้ เอ๋ สองคนนี้คือ……”

ด้านในห้องอาหาร มีชายหัวล้านอายุสามสิบสี่สิบปี และรูปร่างอ้วนฉุคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ พอมองเห็นเย่เทียนและคนอื่นเดินเข้ามา โดยเฉพาะหลังมองเห็นกู้กวนชี ดวงตาของเขาประกายขึ้นทันที

เป็นเหมือนหมาป่ากระหายมองเห็นเนื้อเสียจริง จ้องกู้กวนชีไว้โดยตรงมองอย่างโหดร้าย

“ที่รักคะ ฉันจะแนะนำให้คุณรู้จัก นี่คือเพื่อนสมัยเรียนแถมเป็นเพื่อนสนิทของฉันด้วย กู้กวนชี ส่วนคนนี้ ก็คือแฟนของเพื่อนสนิทฉัน ชื่อเย่เทียน”

หูเยี่ยนลี่เดินเข้าไปข้างหน้า พูดแนะนำทางชายหัวล้านคนนั้น

ชายหัวล้านพอได้ยิน ในใจเกิดความผิดหวังขึ้น แอบด่าว่าของดีถูกทำเสียหายหมดเลย ส่วนบนหน้ายังคงรักษาท่วงทีสุภาพบุรุษเอาไว้ ลุกขึ้นมาแล้วยิ้มบอก “สวัสดีทุกคน ฉันชื่อสือปู้ผิง บริษัทกวนกงที่เจียงหนันก็คือของฉันเอง”

เขาพูดแบบนิ่งสงบมาก บนหน้ากลับเผยรอยยิ้มภาคภูมิใจออกมา

ราคาในตลาดของบริษัทเขามีหลายล้าน ที่เจียงหนันถือว่าเป็นบุคคลชื่อดัง

“บริษัทกวนกง?”

ในใจกู้กวนชีมีความคิดหนึ่งขึ้นมา มองสือปู้ผิงทีหนึ่ง

“คุณกู้คนนี้ หรือว่าเคยได้ยินชื่อบริษัทฉันมาก่อน?” สือปู้ผิงยิ้มถาม

“เคยได้ยินมาบ้างค่ะ จำได้ว่าเหมือนเป็นบริษัทส่งสินค้าของพวกเราบริษัทตระกูลเฉิน” กู้กวนชีพยักหน้า

“ฮ่าๆ ที่แท้คุณกู้ก็ทำงานอยู่ที่บริษัทตระกูลเฉินเองเหรอ? นี่ช่างเป็น เป็นพรหมลิขิต พรหมลิขิตจริงๆ!”

สือปู้ผิงหัวเราะฮ่าๆ นึกไม่ถึงว่ากู้กวนชีจะรู้จักบริษัทตนเอง บนหน้ายิ่งกระหยิ่มยิ้มเพิ่มยิ่งขึ้นไปอีก

ตอนที่มองเห็นกู้กวนชีในแวบแรก เขาก็หลงใหลอีกฝ่ายเข้าแล้ว ถึงแม้สาวงามจะมีเจ้าของแล้ว แต่ขอเพียงคิดหาทุกวิถีทางทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขา ให้เลิกรากันไป นับประสาอะไรกับสาวงามที่ข้างกายซึ่งมีเพียงเย่เทียนที่แต่งตัวธรรมดาคนหนึ่ง!

เชื่อว่าขอเพียงโยนธนบัตรกองโตลงไป ไม่ว่าผู้หญิงคนใดก็ตาม ล้วนจะไม่ปฏิเสธตนเองเด็ดขาด

หูเยี่ยนลี่ที่อยู่ข้างกายเขา ก็ได้มาแบบนี้เหมือนกัน!

“ที่แท้คือประธานสือนี่เอง ได้รู้จักกับประธานสือ เป็นโชคดีจริงๆ ที่ได้พบคุณ ยินดีมากครับที่ได้เจอ!”

เย่เทียนเอ่ยปากประจบประแจงได้เวลาพอดี

“หึๆ ประธานอะไรกัน ฉันอายุมากกว่านายแค่ไม่กี่ปี เรียกพี่สือเถอะ!”

สือปู้ผิงทำหน้าตาเริงร่า ดื่มด่ำกับการประจบของเย่เทียนมาก

“มาๆๆ รีบนั่งลงกัน!”

หูเยี่ยนลี่ย่อมสัมผัสได้ถึงแววตาแตกต่างในดวงตาของผู้ชายตัวเอง ขมวดคิ้วขึ้น ใช้มือหยิกสือปู้ผิงเบาๆ สักหน่อย ถึงทำให้เขาค่อยๆ ได้สติกลับมา

“พนักงาน เอาเมนูเข้ามาที ฉันอยากสั่งอาหารเพิ่ม!”

สือปู้ผิงพูดอย่างใจป้ำมาก “สองคนอยากกินอะไรกัน สั่งตามสบาย อย่าได้เกรงใจพี่สือของนาย มือนี้ฉันเลี้ยงเอง!”

“พี่สือ นี่จะกล้าสั่งได้ยังไงกัน? ของที่นี่แพงมากนะ?”

เย่เทียนทำท่าทางอ่อนต่อโลก ตอนที่พูด กลับเน้นเสียงหนักไปที่คำว่า“สือ”คำนั้นด้วยแล้ว (เป็นคำพ้องเสียงกับคำว่าขี้)

แต่ทว่า สือปู้ผิงกลับจ้องกู้กวนชีอย่างหลงใหลมาโดยตลอด จะได้ยินความหมายนอกคำพูดของเย่เทียนที่ไหนกัน

“หึๆ น้องเย่ก็เกรงใจไปแล้ว เงินแค่นี้ ฉันยังไม่เก็บมาใส่ใจหรอก”

สือปู้ผิงแกล้งแสดงแบบให้ความร่วมมืออย่างดี ระหว่างพูดจา ยังนำกุญแจรถบีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์Xที่เอวตนเองทิ้งไปบนโต๊ะ ลักษณะของคนอวดรวย

“งั้นขอบคุณมากจริงๆ นะครับ ผมมีชีวิตมายี่สิบกว่าปี ยังไม่เคยมากินข้าวในร้านอาหารหรูหราขนาดนี้มาก่อนเลย!”

เย่เทียนกล่าวด้วยหน้าตาดีใจ

“โอ๊ะ? หรือว่าน้องเย่มีชีวิตแย่มาก?” สือปู้ผิงเอ่ยปากถามแบบเยาะเย้ย

เย่เทียนตอบอย่างขมขื่น “ไม่ถือว่าแย่หรอกครับ เป็นยามที่บริษัทตระกูลเฉิน นอกจากสวัสดิการพื้นฐานแล้ว ยังมีเงินเดือนสามสี่พัน”

“สามสี่พัน? นั่นพอใช้ที่ไหนกัน ถ้าน้องทำต่อไปไม่ไหว มาที่บริษัทฉันเถอะ ฉันรับรองว่าเงินเดือนนายเกินหมื่น!”

สือปู้ผิงพูดด้วยท่าทางกล้าได้กล้าเสีย อยากช่วยเย่เทียนคือปลอม โอ้อวดถึงเป็นเรื่องจริง

“จริงเหรอครับ? งั้นก็ขอบคุณเหลือเกินเลย! ผมจะพิจารณาอย่างรอบคอบแน่นอน!”

เย่เทียนตอบด้วยความดีใจมาก กู้กวนชีที่อยู่ด้านข้างได้ยินคำพูดนี้ ในใจไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี แอบคิดว่าการแสดงของเย่เทียนดีเหลือเกิน กลับไม่รู้ว่าสรุปแล้วเย่เทียนอยากทำอะไร ถือโอกาสไม่พูดมาก มองเย่เทียนแสดงละครไป

ในเวลานี้ ในที่สุดพนักงานหยิบเมนูเดินเข้ามาแล้ว