“ที่รักคะ คุณพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะ เป็นยามแล้วยังไง ขอเพียงทำให้กวนชีของพวกเรามีความสุขก็ไม่พอแล้วเหรอ?”
ในใจหูเยี่ยนลี่ภูมิใจเช่นกัน กู้กวนชีหน้าตาสวยแล้วอย่างไรล่ะ ไม่ใช่ได้เพียงหายามกระจอกคนหนึ่งมาเหรอ?
แน่นอนว่า บนหน้าหล่อนไม่ได้แสดงออกมา ทำเป็นแกล้งตำหนิสือปู้ผิงแบบไม่พอใจ
“หึๆ ถูกต้อง ถูกต้อง น้องเย่ ฉันพูดผิดไปแล้ว นายคงไม่ตำหนิฉันหรอกมั้ง?”
สือปู้ผิงยิ้มแหยๆ พูดขึ้น ในใจกลับค่อนข้างไม่ให้ความสำคัญ
พนักงานรักษาความปลอดภัยกระจอกคนหนึ่งเท่านั้น จะมีประโยชน์อะไรได้? สาวงามที่อยู่ข้างกายเขาคนนี้ หากอาศัยเงินเดือนสามสี่พันของเย่เทียน เดิมทีคงเลี้ยงเธอไม่รอด อีกไม่นานก็จะไปจากเย่เทียนเอง!
ตอนที่พูดนั้น เขาก็กำลังวางแผนในใจ ทำอย่างไรจะได้วิธีติดต่อของกู้กวนชี อยากแย่งเธอเข้ามาครอง
“พอแล้ว ไม่คุยกันเรื่องนี้ ฉันดูหน่อยว่าอยากกินอะไรดี”
สือปู้ผิงพูดอยู่ ก็อยากไปหยิบเมนูมา รู้ที่ไหนว่าเย่เทียนกลับแย่งไปก่อนก้าวหนึ่ง แย่งเมนูไปไว้ในมือ
“พี่สือ ผมรู้ว่ากวนชีชอบกินอะไร ผมสั่งเองไม่มีปัญหามั้ง?”
“ไม่เป็นไร ชอบกินอะไรก็สั่งอันนั้น ไม่ต้องเกรงใจฉันพี่ชายนาย!”
สือปู้ผิงคิดในใจสั่งอาหารนิดหน่อยจะเสียเงินมากเท่าไรได้ ไม่ได้สงสัยสักนิด พูดอย่างใจกว้าง
ระหว่างที่พูด สายตาเขาเหลือบไปมองทางกู้กวนชี อยากดูเธอจะมีปฏิกิริยาอะไร
แต่ทว่า กู้กวนชีสีหน้านิ่งเฉยมาตลอด ลักษณะที่ไม่สะทกสะท้านไปด้วยนั้น ทำให้กลัดกลุ้มอยู่บ้าง
“งั้นผมไม่เกรงใจแล้วนะครับ!”
เย่เทียนแอบหัวเราะในใจ ถือโอกาสพลิกเมนูอาหารดู ชี้ที่หน้าหนึ่งในนั้น พูดอย่างตกใจ “นี่คือคาเวียร์อะไร? แพงขนาดนี้? ครึ่งกิโลหนึ่งหมื่น? คงไม่ใช่ของปลอมหรอกมั้ง?”
พูดแบบนี้ออกมา บนหน้าพนักงานหมองลง แอบคิดว่าเจ้าหมอนี่บ้านนอกจริงๆ พูดอย่างเย็นชาว่า “นี่คือคาเวียร์ของปลาสเตอร์เจียนดำ นำเข้ามาจากฝรั่งเศสโดยเฉพาะ ร้านอาหารของพวกเรามีชื่อเสียง จะเป็นของปลอมได้อย่างไรกัน?”
“อ่อ ยังเป็นของที่นำเข้าจากฝรั่งเศสด้วย!”
เย่เทียนทำท่าทางเข้าใจขึ้นฉับพลัน พยักหน้าตอบ “งั้นดี เอามาหนึ่งกิโล!”
“พรวด……”
สือปู้ผิงพึ่งดื่มไวน์แดงเข้าปาก แวบเดียวก็พ่นออกมาแล้ว ไอติดต่อกัน
หนึ่งกิโล?
แม่ง ฉันยังไม่กล้ากินสักเท่าไร แกแม่งแม้แต่เป็นของอะไรยังไม่รู้ สั่งมาทีเดียวหนึ่งกิโล? ยากจนจนบ้าไปแล้วรึไง?
หูเยี่ยนลี่ก็สีหน้าเปลี่ยนเช่นกัน เพียงแค่หนึ่งกิโลกรัมนี้ พอจะหักล้างที่พวกเขากินที่นี่สิบมื้อเลยนะ!
“พี่สือ เป็นอะไรแล้ว? ผมสั่งมากเกินไปหรือเปล่า?”
เย่เทียนทำเป็นพูดแบบลำบากใจ “ถ้าพี่สือรู้สึกว่าแพง งั้นพวกเราก็ไม่เอาแล้ว”
สือปู้ผิงหางตากระตุกครู่หนึ่ง เขาแค่อยากโอ้อวดต่อหน้ากู้กวนชี ตอนนี้ไม่อาจยอมกลัวได้แน่นอน จึงโบกมือไป
“ไม่เป็นไร ไม่ใช่แค่สองหมื่นเองเหรอ? สั่งเถอะ!”
“งั้นก็ขอบคุณพี่สือนะครับ ผมยังไม่เคยกินของแบบนี้เลยล่ะ ไม่รู้ว่ารสชาติเป็นยังไง”
เย่เทียนหน้าตาดีใจเต็มที่ สั่งทีเดียวหนึ่งกิโลกรัมแล้ว
พนักงานคนนั้นก็ทำหน้าดีใจเช่นกัน สั่งรายการเดียวนี้ไป เพียงค่าคอมมิชชันของหล่อนก็หลายร้อยแล้ว
ในใจสือปู้ผิงกลับกลัดกลุ้มที่สุด สายตาที่มองทางเย่เทียนมีความหมายแจ้งเตือน หวังว่าเขาหยุดได้ทันเวลา
แต่ทว่า เย่เทียนเป็นใคร?
ตอนที่เข้ามา ก็บอกว่าจะทำลายคนมีเงิน ตอนนี้จะวางมือได้อย่างไร
ถือโอกาสพลิกไปอีกหน้าแล้ว มองเห็นภาพปูใหญ่ที่วาดไว้ด้านบน พูดว่า “เสี่ยวชีของพวกเราชอบกินปูที่สุดเลย ปูอลาสก้านี้ สั่งให้คุณสิบตัว!”
“สิบตัว?”
สือปู้ผิงเหมือนแมวที่โดนเหยียบหางเข้า ลุกขึ้นมาฉับพลัน สีหน้าหมองคล้ำจนแทบไม่ไหว
ปูอลาสก้าครึ่งกิโลสองพัน ตัวหนึ่งอย่างน้อยครึ่งกิโล สิบตัวก็อีกสองหมื่น!
“พี่สือ เป็นอะไรเหรอ? ทำไมสีหน้าดูแย่ขนาดนี้ หรือว่าปวดท้องแล้ว? งั้นพี่เข้าห้องน้ำเถอะ ทางนี้มีผมอยู่ล่ะ”
เย่เทียนถามด้วยท่าทางเป็นห่วง
สือปู้ผิงเกือบกระอักเลือดออกมา พูดในใจถ้าฉันไปเข้าห้องน้ำ มื้อนี้ยังไม่โดนแกกินจนถังแตกเหรอ!
แต่ว่า เขาเลือกแกล้งแสดงมาเส้นทางนี้แล้ว ต่อให้คลานก็ต้องไปให้สุด
พูดอย่างฝืนยิ้มไป “ไม่ ไม่เป็นไร แค่โดนแมลงตัวหนึ่งกัดเข้าแล้ว!”
เย่เทียนแสร้งทำเป็นฟังไม่เข้าใจความหมายแฝงในคำพูดของเขา ตำหนิพนักงานว่า “ร้านอาหารพวกเธอทำงานฆ่าเชื้อกันยังไง ทำไมถึงยังมีแมลง กัดพี่สือของพวกเราจะทำยังไง?”
“ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ”
พนักงานบริการไม่กล้าผิดใจคนทุนหนาผู้นี้ รีบพูดขอโทษทันที
“ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรมากหรอก”
สือปู้ผิงกัดฟันแน่น บนหน้ากลับต้องแกล้งทำท่าทางใจกว้าง พูดเตือนสติอย่าง“หวังดี” “น้องเย่ ปูนี้ตัวหนึ่งครึ่งกิโล หรือว่าสั่งไปค่อนข้าง……”
“อ่อ ตัวหนึ่งครึ่งกิโล?”
เย่เทียนเข้าใจทันใด ทำท่าทางเข้าใจเรื่องราวอย่างมาก
สือปู้ผิงรีบพยักหน้า พึ่งโล่งอกไปทีหนึ่ง คิดว่าเย่เทียนจะลดปริมาณลง
รู้ที่ไหนว่า เย่เทียนกลับเอ่ยปากอย่างเรื่องราวควรเป็นเช่นนั้น “พี่สือเตือนสติคือ ครึ่งกิโลหนึ่งตัว แกะออกมาจะได้เนื้อสักเท่าไร สั่งไปน้อยอยู่หน่อยจริงๆ พนักงาน เพิ่มเป็นยี่สิบตัวแล้วกัน!”
สือปู้ผิงขาซวนเซ ร่างกายที่กำลังอยากนั่งลงไป เกือบยืนไม่ตรงล้มลงบนพื้น
แม่ง!
ยี่สิบตัว? แกเป็นพวกตะกละกลับมาเกิดเหรอ? อย่ากินให้มันเยอะ!
“พี่สือ นี่พี่เป็นอะไรแล้วรึเปล่า? คิดว่ายังน้อยไปอีกเหรอ?”
เย่เทียนแอบหัวเราะในใจ บนหน้ากลับถามด้วยความห่วงใย
“ไม่น้อย ไม่น้อย!”
สือปู้ผิงรีบส่ายหน้า พูดแบบกระอักกระอ่วน “ดูไม่ออกเลย ปริมาณการกินของน้องเย่เยอะมาก”
“ไม่ถือว่าเยอะมั้ง? จะว่าไป กินไม่หมดพวกเรายังห่อกลับบ้านไปกินได้ไม่ใช่เหรอ?”
เย่เทียนทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้พูดไป พลิกเมนูอาหารต่อไป
สือปู้ผิงตากระตุก ถ้าไม่ใช่ว่าสถานการณ์ไม่เป็นใจ เขาคงอยากเข้าไปตบสักทีหนึ่งแล้ว
เลี้ยงข้าวแกมื้อหนึ่งก็แล้วไป ยังอยากห่อกลับบ้าน? ทำไมแกไม่ไปอยู่บ้านฉันด้วยเลยล่ะ?
เห็นฉากนี้ กู้กวนชีอดกลั้นไม่ไหวอีกแล้ว หัวเราะคิกคักออกมาเล็กน้อย
แต่รู้สึกว่าตนเองหัวเราะขนาดนี้ ยากจะเลี่ยงความหมายดีใจที่เห็นคนอื่นเจอหายนะอยู่บ้าง จึงรีบหยุดอาการหัวเราะลง
ความจริงเธอนึกไม่ถึงว่า เย่เทียนที่ช่วงเช้ายังมีท่าทีแบบยอดฝีมือ พอมาถึงในเวลานี้ จะแสดงด้านหนึ่งที่ร้ายกาจขนาดนี้ออกมา!
แน่นอนว่าสำหรับการเชือดสือปู้ผิงอย่างเจ็บปวดนั้น ในใจเธอกลับไม่มีปฏิกิริยาอะไร โดยเฉพาะระหว่างเธอกับหูเยี่ยนลี่ เดิมก็มีความขัดแย้งมากมายอยู่แล้ว เห็นหล่อนเสียหน้า ในใจแอบมีความสุขพอสมควร
เธอหัวเราะขนาดนี้ ไม่พูดถึงอย่างอื่น สือปู้ผิงหลงใหลจนจิตใจว้าวุ่น กลับรู้สึกว่าเสียเงินไปหลายหมื่นขนาดนี้ ไม่เสียเปรียบสักนิด หัวใจเต้นเร็วเพิ่มขึ้นมาก แม้แต่น้ำลายยังไหลออกมาแบบไม่รู้ตัวเลย
หูเยี่ยนลี่เห็นฉากนี้เข้า ไม่ต้องพูดถึงในใจอิจฉามากแค่ไหน เอามือหยิกที่เอวของสือปู้ผิงเบาๆ ในใจรู้สึกเสียใจมาก
มองท่าทางนี้ของเย่เทียน ชัดเจนว่าอยากเชือดสือปู้ผิงอย่างเจ็บปวด ส่วนผู้ชายของหล่อน กลับหลงกู้กวนชีจิ้งจอกยั่วสวาทคนนี้อย่างน่าประหลาดใจ
ตนเองพากู้กวนชีเข้ามา แค่อยากหัวเราะเยาะเย้ยเธอ
ตอนนี้ดูแล้ว หล่อนต้องการเอาเปรียบแต่ก็ทำไม่สำเร็จ กลับได้รับความเสียหายซ้ำ ความรู้สึกที่มีต่อกู้กวนชี เป็นความเกลียดชังที่เพิ่มขึ้นอีกหลายระดับ
“โอ๊ย”
สือปู้ผิงถูกหยิกจนเจ็บแล้ว ชั่วขณะนั้นเจ็บจนได้สติกลับมา ใบหน้าเผยความกระอักกระอ่วน
แต่ไม่นาน เขาก็นึกได้ว่าเย่เทียนยังถือเมนูไว้อยู่ รีบหันหน้ามองไป
นึกไม่ถึง เห็นเย่เทียนสั่งอาหารอย่างสบายใจ โดยดูว่าอันไหนแพงก็สั่งอันนั้น
สือปู้ผิงเพียงรู้สึกในใจกำลังปวดร้าว เย่เทียนสั่งอาหารแต่ละอย่าง ต้องหลายพันขึ้นไป ต่อให้เป็นมหาเศรษฐีมาเอง ก็ไม่ได้ฟุ่มเฟือยขนาดนี้หรอกนะ!
ดีที่ในที่สุดเย่เทียนก็สั่งเสร็จแล้ว ปิดเมนูอาหารลง
สือปู้ผิงตอนที่กำลังโล่งอก เย่เทียนเอ่ยปากอีกแล้ว พูดด้วยหน้าตาสุขุมเยือกเย็น “สั่งอาหารเสร็จแล้ว แต่ว่ายังขาดสนุกไปหน่อย พี่สือ เอาเหล้ามาสองขวด?”