บทที่ 77 คุยโวตามสบาย

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

“เหล้า? แถมยังสองขวดด้วย?”

ได้ยินคำพูดของเย่เทียน สือปู้ผิงแทบจะยกโต๊ะขึ้น

ต้องรู้ว่า เย่เทียนสั่งอาหารมั่วซั่วนี้ ก็สิ้นเปลืองเงินของเขาไปหลายหมื่นแล้ว!

เขาเลี้ยงข้าวเจ้านายใหญ่ ก็ราคาขนาดนี้เลย!

เห็นว่าเงินของเขาเป็นสวรรค์โยนลงมาให้จริงๆ งั้นเหรอ? หูเยี่ยนลี่นังแพศยาคนนี้ มาใช้เงินฉันไม่ว่าอะไร ยังพาพวกบ้านนอกแบบนี้เข้ามาด้วย!

สือปู้ผิงโมโหเดือดดาลแอบด่าอยู่ในใจ บนหน้ากลับควบคุมความโกรธไว้ เป็นเพราะกู้กวนชียังอยู่ที่นี่!

“เหล้าอะไรกัน?”

เขาส่งเสียงถาม ฝืนค้ำยันร่างกายไว้

เย่เทียนมองเห็นลักษณะที่เขาฝืนกลั้นความโกรธอยู่นี้ก็อยากหัวเราะมากๆ แต่นึกได้ว่าตนเองกำลังแสดงละคร จึงอดกลั้นเอาไว้ แสร้งทำเป็นมองรายการเหล้าอย่างเป็นธรรมชาติ ดวงตาประกาย ถามว่า “นี่คือเหล้าอะไร ภาษาอังกฤษเรียงกันเป็นพืด”

พนักงานเห็นแบบนี้ รีบอธิบายด้วยความกระตือรือร้น “นี่คือโรมานี คอนติ เป็นหนึ่งในเหล้าระดับสูงสุดบนโลกนี้ ใช้มาเสริมความสูงส่งแต่ละท่านให้โดดเด่น เหมาะเจาะพอดีเลยค่ะ! โดยเฉพาะ ตอนนี้ในร้านของพวกเรากำลังจัดกิจกรรม ราคาสองหมื่นสาม ตอนนี้เหลือเพียงขวดละสองหมื่นหนึ่งค่ะ!”

แน่นอนหล่อนอยากแนะนำสุดแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาก็วางอยู่ตรงนั้น ขายออกไปขวดหนึ่ง เท่ากับเงินเดือนครึ่งหนึ่งของหล่อนเลยล่ะ!

สองหมื่นหนึ่ง?

สือปู้ผิงร้อนใจแล้ว ไม่ได้สนใจคิดมาก อยากเอ่ยปากปฏิเสธ นี่เป็นโรมานี คอนติเลยนะ เขายังเคยดื่มไม่กี่ครั้ง!

แต่ทว่า ไม่รอให้เขาเอ่ยปาก เย่เทียนก็โบกมือด้วยท่าทางอาจหาญมาก ราวกับเขาต่างหากที่เป็นเจ้าของที่นี่

“เธอนี่รู้จักพูดนะ พี่สือของพวกเราเป็นใคร ประธานของบริษัทกวนหง เป็นบุคคลที่มีฐานะเป็นร้อยล้าน เอามาสองขวด!”

“ได้ค่ะ ลูกค้า ท่านรอสักครู่นะคะ!”

บนหน้าพนักงานดีอกดีใจเต็มเปี่ยม ราวกับใต้เท้าติดจรวดวิ่งไปแจ้งรายการที่สั่งข้างนอก

หล่อนก็นึกไม่ถึงเช่นกัน ตนเองจะเจอลูกค้ารายใหญ่ขนาดนี้เข้า โต๊ะเดียวอย่างน้อยหนึ่งแสน ค่าคอมมิชชันเกินกว่าเงินเดือนไปหลายเท่าเลย!

สือปู้ผิงแข็งทื่อถึงที่สุดอยู่ตรงนั้น ในใจแทบจะกระอักเลือดออกมา

เจ้าสารเลวนี้ยังกล้าสั่งจริงๆ นี่พอรวมกันขึ้นมา เหล้าสองขวดก็สี่หมื่นกว่าเลยนะ!

ในขณะเดียวกัน เสียงที่อิจฉามากนั้นของเย่เทียนก็ลอยมา

“คุณหูนี่โชคดีจริงๆ มีแฟนที่ใจกว้างขนาดนี้ เทียบกันกับผมขึ้นมา เป็นคนหนึ่งอยู่บนฟ้า คนหนึ่งอยู่ใต้ดินเลยทีเดียว!”

เย่เทียนพูดแบบหน้าหงอยเหงาเต็มที่

“หึๆ เกรงใจไปแล้ว เกรงใจไปแล้ว……”

สือปู้ผิงน้ำเสียงแข็งกระด้าง ในใจก็ปวดร้าวระทม

หูเยี่ยนลี่อีกด้านหนึ่งทำหน้าฝืนกลั้น นึกไม่ถึงโดยสิ้นเชิงว่าเย่เทียนจะร้ายขนาดนี้!

สำหรับกู้กวนชี ใช้จมูกคิดก็รู้ว่าสองคนตรงข้ามโต๊ะมีอารมณ์แบบไหน ในใจถ้าไม่เจ็บใจนั่นถึงจะเป็นเรื่องโกหก

เธออดย้ายสายตาไปบนตัวเย่เทียนไม่ได้ ในลูกตาแวววาวไม่หยุด ทันใดนั้นไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่บ้าง

หูเยี่ยนลี่สูดหายใจลึก อาหารมื้อนี้อย่างน้อยกินไปหนึ่งแสน กำลังโกรธเลือดขึ้นหน้า หล่อนร้อนใจทนรอไม่ไหวอยากจะทิ่มตรงแผลของกู้กวนชีสักหน่อยแล้ว

ดังนั้น หล่อนจึงเอ่ยปากถามอย่างสงสัย “ใช่แล้ว เย่เทียน นายกับกวนชีคบกันดีๆ จะทะเลาะเลิกกันทำไม?”

สือปู้ผิงที่กำลังจมอยู่ในความโศกเศร้าได้ยินคำพูดนี้ ชั่วขณะนั้นดวงตาประกาย!

พวกเขาสองคนเลิกกัน งั้นเขาไม่ใช่มีโอกาสแล้วเหรอ?

ถ้าเป็นแบบนี้ งั้นอาหารมื้อนี้เขาก็ไม่ถือว่าเสียเปรียบ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขาในวันนี้อยู่ต่อหน้ากู้กวนชีแสดงกำลังทรัพย์ออกไปเต็มที่แล้ว ถ้าถือโอกาสตอนอีกฝ่ายอกหัก ตนเองใช้ลูกไม้บางอย่าง ต้องสามารถตามจีบอีกฝ่ายมาได้แน่!

ในหัวสมองของสือปู้ผิงจินตนาการล่องลอยส่วนหนึ่ง อดใจรอแทบไม่ไหวขึ้นมาอยู่บ้าง

พอเย่เทียนได้ยิน จึงจงใจทำลักษณะที่จำใจเอามากออกมา หางตาอดชำเลืองไปยังแหวนเพชรที่ใส่อยู่บนนิ้วหูเยี่ยนลี่ไม่ได้

“ยังมีอะไรได้อีก เอาแต่บอกว่าผมไม่มีความสามารถน่ะสิ…….”

“นี่คือดูจากตรงไหนกัน? น้องเย่ดูขึ้นมาหน้าตาและบุคลิกโดดเด่น ตอนนี้บางทีอาจลำบากไปหน่อย ต่อไปไม่ใช่ไม่มีความหวังรุ่งเรืองขึ้นสักหน่อย? เป็นทอง ไม่ช้าหรือเร็วก็จะเปล่งแสง!”

สือปู้ผิงพูดให้กำลังใจอย่างเสแสร้ง ความจริงในใจอยากจะให้เย่เทียนเลิกกับกู้กวนชีไปใจแทบขาด แบบนี้เขาถึงมีโอกาสได้ผลประโยชน์

“ผมก็คิดเหมือนกัน คนแบบผมนี้ คือพวกที่ทำการใหญ่ ดังนั้นกวนชีเชื่อใจผมมาตลอด ยืนหยัดอยู่ข้างกายผมมา ในอดีตมีคุณชายรวยๆ ไม่น้อยมาพัวพันข้างกายหล่อน แต่หล่อนไม่สนใจมอง รักเพียงแค่ผมคนเดียว”

เย่เทียนพูดถอนหายใจ พูดแบบเคร่งขรึมจริงจัง ทำให้คนล้วนใฝ่หาในใจไม่หยุด

“ความจริงผมก็กล่อมกวนชีเหมือนกัน ถ้ามีผู้ชายที่ดีกว่าผม ก็ให้ไปจากผม แต่เสี่ยวชีกลับไม่ยอม เพียงพูดว่าผมเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดบนโลก คนร่ำรวยอะไรพวกนั้น ความจริงล้วนเป็นชายเลวที่จีบสาวไปทั่ว สองสามวันก็เปลี่ยนผู้หญิง”

และหลังจากเย่เทียนพูดจบลง สือปู้ผิงสีหน้าเปลี่ยนไปดูแย่ในชั่วขณะนั้น

แม่ง นี่คือแกเล่าเรื่องราวหรือว่ากำลังด่าฉันแบบตีวัวกระทบคราดกัน?

“จากนั้นล่ะ?”

แน่นอนว่า ความคิดในใจ สือปู้ผิงไม่ได้แสดงออกมา ถามต่อไป

“ไม่ปิดบังทั้งสองคน ความจริง ผมกับสี่ยวชีเตรียมตัวแต่งงานกันแล้ว ผมอยากซื้อแหวนเพชรวงหนึ่งให้เสี่ยวชี ทำงานมาหลายปีขนาดนี้ ในมือผมยังมีเงินเก็บอยู่บ้าง”

เย่เทียนเล่าต่อไป พูดถึงช่วงหลัง ยังมองกู้กวนชีด้วยความรู้สึกลึกซึ้งจริงใจ คนที่ไม่รู้ ต้องคิดว่าพวกเขาเป็นคู่รักที่ความสัมพันธ์เหนียวแน่นจริงๆ เลย

“นี่ไม่ใช่เรื่องดีมากเหรอ? งั้นทำไมถึงทะเลาะจะเลิกกันล่ะ?”

หูเยี่ยนลี่อิจฉาขึ้นมาอยู่บ้างแล้ว มีผู้ชายคนหนึ่งอยากซื้อแหวนเพชรให้เธอ นี่พิสูจน์ว่าในใจของฝ่ายตรงข้ามรักเธอจริง

เหมือนคนคนนี้ที่อยู่ข้างกายหล่อนที่ไหน ต้องตอกย้ำความต้องการของตัวเองไปตั้งกี่ครั้งก็ไม่รู้ ถึงจะซื้อแหวนเพชรบนนิ้ววงนี้ให้ แถมยังไม่รู้ว่าของจริงหรือของปลอม

“เป็นเพราะซื้อแหวนเพชร ความคิดผมคือซื้อ แต่เสี่ยวชีบอกว่า สู้ชีวิตในเมืองใหญ่ไม่ง่าย เลยไม่ยอมให้ผมซื้อ ยังพูดว่าอะไรนะ ซื้อแล้วก็เลิกกัน นี่ทำให้ผมลำบากใจมากๆ”

เย่เทียนหัวเราะขมขื่นบอกไป

ได้ยินคำพูดนี้ ในใจหูเยี่ยนลี่หมดคำจะพูดสักพัก สายตาที่มองกู้กวนชีเหมือนกำลังมองคนโง่

แม้แต่แหวนเพชรยังไม่เอา?

ส่วนในใจสือปู้ผิงเสียสมดุลขึ้นมาถึงที่สุด แอบด่า แม่งเอ๊ย ไอ้หนุ่มนี้มีความสามารถอะไร หญิงสาวที่ดีขนาดนี้เขาเจอเข้าแล้ว! เงื่อนไขดีแบบไม่ต้องพูดถึง ทั้งยังพิจารณาถึงไอ้หนุ่มนี้ไปซะทุกเรื่อง!

นึกถึงผู้หญิงข้างกายเขา อันไหนบ้างที่ไม่ใช่คิดหาวิถีทางสูบเงินของเขาไป?

นี่พอเปรียบเทียบกันขึ้นมา หูเยี่ยนลี่ที่ข้างกาย ถูกสะบัดออกไปไกลเท่าถนนสิบเส้นเลยทีเดียว

กู้กวนชีตกตะลึงอยู่หน่อยเช่นกัน นึกไม่ถึงว่าเย่เทียนจะมีความสามารถในการแต่งเรื่องเก่งขนาดนี้ พูดจนเธอเกือบจะเชื่อแล้ว

เวลานี้ เย่เทียนถอนหายใจพูดว่า “เฮ้อ โทษที่ผมไร้ความสามารถ ถ้าผมมีเงินขนาดพี่สือได้ เสี่ยวชีคงมีแหวนเพชรใหญ่ขนาดนั้นแบบบนนิ้วของคุณหูแล้ว!”

ได้ยินคำพูดของเย่เทียน สือปู้ผิงสีหน้าไม่เป็นธรรมชาติอยู่บ้าง

แหวนเพชรบ้าบออะไร นี่คือของที่เขาคว้าเอามาจากแผงลอยข้างทาง หลอกลวงหูเยี่ยนลี่

ปากก็พูดว่า “หึๆ น้องเย่อย่าหมดหวังไป ไม่ช้าก็เร็วต้องมีสักวัน นายจะสำเร็จเหมือนกับฉันได้!”

“ขอให้เป็นแบบที่พี่สือพูด ผมจะต้องพยายาม มอบชีวิตที่มีความสุขให้เสี่ยวชี!”

เย่เทียนพยักหน้าหนักแน่น กุมมือของกู้กวนชีไว้แน่นแล้ว

ตอนที่สือปู้ผิงกับหูเยี่ยนลี่ทั้งสองคนรู้สึกอิจฉาในใจ เย่เทียนก็เอ่ยปากบอกอีก “ใช่แล้ว แหวนเพชรวงนี้ ดูขึ้นมาทำไมเหมือนแหวนเพชรเทียมที่ซื้อมาจากแผงลอยข้างถนนอยู่นิดหน่อยเลยล่ะ?”