คำพูดประโยคหนึ่งที่เบาหวิว สือปู้ผิงสีหน้าเปลี่ยนในชั่วขณะนั้น
ความจริงเย่เทียนพูดไม่ผิด แหวนเพชรวงนี้คือแหวนเพชรเทียมที่เขาหามาได้จากแผงลอยข้างถนน แต่นึกไม่ถึงว่าเย่เทียนจะแสดงออกมากะทันหัน
สำหรับหูเยี่ยนลี่ ที่จริงในใจไม่มีความมั่นใจอะไรเช่นกัน เพียงแต่ว่าอยู่ต่อหน้าคนอื่น หล่อนกลับไม่แสดงออกมา
“เป็นไปได้ยังไง แหวนเพชรนี้ของฉันเป็นยี่ห้อดังระดับโลก ตอนนั้นฉันก็ไม่อยากได้ แต่ว่าปู้ผิงของพวกเราดื้อจะให้ฉันซื้อ”
สือปู้ผิงที่ได้ยินคำพูดนี้หางตากระตุก แอบด่านังตัวดี แม่งเสแสร้งเป็นจริง เพื่อแหวนเพชรวงนี้ อยู่บนเตียงพูดตั้งกี่ครั้งนึกว่าฉันไม่รู้หรือไง?
แถมยังเป็นฉันที่ดื้ออยากให้ซื้อ? แกคุ้มค่ากับราคานี้เหรอ?
แน่นอนว่า เขาคิดกลับไปมาแล้ว บนหน้ายังคงรักษาภาพลักษณ์ของผู้ชายดูดีเอาไว้ หัวเราะหึๆ “เป็นแบบนี้จริงๆ”
พูดจบ ทั้งสองยังมองกันและกันด้วยความรัก ราวกับความสัมพันธ์ลึกซึ้งเป็นพิเศษ
แต่ในความเป็นจริงทั้งสองมีความคิดอะไรกัน มีเพียงพวกเขาเองถึงรู้ดี
“ฮ่าๆ ก็ใช่ พี่สือเป็นใครกัน จะส่งของปลอมให้ได้อย่างไรล่ะ?”
เย่เทียนรีบตอบรับไปประโยคหนึ่ง ในเวลานี้ พนักงานเข้ามาเสิร์ฟปูอลาสก้าแล้ว เย่เทียนรีบหยิบมาตัวหนึ่งทันที “ผมพูดผิดไปแล้ว ลงโทษตัวเองด้วยปูอลาสก้าตัวหนึ่ง!”
การลงโทษตัวเอง“กินปูอลาสก้า”ฟังขึ้นมาดูแปลกๆ แต่เย่เทียนเปลี่ยนหัวข้อเองแล้ว ในใจสือปู้ผิงกลับแอบผ่อนคลายไปที หัวเราะหึๆ อยากยื่นมือหยิบมาแทะตัวหนึ่ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งนี่คือเงินที่เงินอันมีค่า ไม่กินก็หมดแล้ว
แต่ตอนที่มือเขาจะจับลงไป เย่เทียนลุกขึ้นกะทันหัน พูดกับพนักงานว่า “พนักงาน เอาปูอลาสก้านี้มาอีกยี่สิบตัว”
“ทำไมล่ะ? น้องเย่ หรือว่ามากขนาดนี้ยังไม่พอเหรอ?”
สือปู้ผิงแข็งค้างในชั่วขณะหนึ่ง รีบร้อนถาม
“ไม่ใช่ครับ แต่ว่าเมื่อกี้พี่สือให้ผมสั่งตามสบาย แต่ผมคิดว่าทำให้พี่สือเสียเงินมากไม่ได้ด้วย? ดังนั้นผมสั่งเพียงส่วนของผมและเสี่ยวชีมา นึกไม่ถึงว่าพี่สือพวกคุณก็อยากกินเหมือนกัน ดังนั้นผมเลยคิดว่าจะสั่งอีกสักยี่สิบตัว”
เย่เทียนพูดด้วยหน้าตารู้สึกผิด เพราะตนเองสั่งมาน้อยจึงตำหนิตนเอง
แม่งเอ๊ย!
สือปู้ผิงเพียงรู้สึกภายในมันอัดอั้นตันใจมากเสียเหลือเกิน แต่นึกถึงว่านี่เต็มไปด้วยเงิน ถึงจะทนไม่ไหวอย่างไร ก็ทำได้เพียงเก็บมือกลับมา ฝืนยิ้มบอก “ที่แท้เป็นแบบนี้เอง พวกเราก็กินอิ่มแล้ว พวกนายดื่มด่ำกันเต็มที่ ดื่มด่ำเต็มที่!”
เขาไม่อยากสั่งเพิ่มอีกยี่สิบตัว เสียเงินเปล่าประโยชน์ไปแบบนี้
สำหรับหูเยี่ยนลี่ เห็นสือปู้ผิงเก็บมือกลับแล้ว หล่อนก็ไม่กล้าไปหยิบปูอลาสก้านั้น
“พี่สือใจดีจริงๆ เลย วันหลังผมกับเสี่ยวชีจะต้องเลี้ยงพี่กลับสักมื้อแน่นอน!”
เย่เทียนทิ้งคำสัญญาสวยหรูที่ไม่อาจเป็นจริงไว้ จากนั้นแกะปูอลาสก้าออกอย่างคล่องแคล่ว เปลือกคือเปลือก เนื้อคือเนื้อ ฝีมือฉับไว เหมือนกันไม่มีผิดกับนักกินที่ผ่านสนามรบนับไม่ถ้วนมาอย่างนั้น!
ภายใต้สายตาที่ตกใจของพวกเขาสองคน เย่เทียนนำเนื้อปูจานหนึ่งเลื่อนไปตรงหน้ากู้กวนชี พูดอย่างรักใคร่ “เสี่ยวชี ผมตัดสินใจแล้ว แหวนเพชรผมยังไม่ซื้อชั่วคราว ต่อไปหาเงินได้มากแล้ว ผมจะชดเชยให้คุณอีกที!”
มองเย่เทียนแกเนื้อปูให้ตนเองกับมือ ถึงแม้จะรู้ว่าเป็นเพียงการแสดงละคร กู้กวนชียังรู้สึกประหลาดใจที่ได้รับความเอ็นดูอยู่บ้าง พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง กินเนื้อปูขึ้นมาแบบเอร็ดอร่อย
เห็นฉากนี้เข้า สองคนตรงข้ามล้วนรู้ว่า คู่นี้ต้องคืนดีกันแล้วแน่ๆ
ในเวลานี้เอง มือถือในกระเป๋ากางเกงของเย่เทียนดังขึ้น
เย่เทียนรับสาย พูดว่าครับติดกับสามคำ
“พี่สือ ขอโทษจริงๆ นะครับ ท่านประธานของพวกเรามีธุระเรียกหาผม พวกเราต้องไปก่อนแล้ว”
เย่เทียนวางมือถือลง พูดแบบจำใจ “น่าเสียดายจัง อาหารดีๆ เต็มโต๊ะขนาดนี้ ยังไม่ทันได้กินสักเท่าไร!”
กู้กวนชีได้ยิน ก็วางตะเกียบลงเช่นกัน ในเมื่อเย่เทียนจะไป เธอย่อมไม่อาจอยู่ที่นี่ต่อได้ตามลำพัง
สือปู้ผิงเผยสีหน้าดีใจ ถ้าเย่เทียนไปแล้ว อาหารแพงหูฉี่พวกนั้น ล้วนไม่ต้องเอามาเสิร์ฟแล้ว!
ถึงแม้ว่าภายในจะดีใจ บนหน้ากลับรักษาความนิ่งสงบ พูดว่า “นี่โชคไม่ดีจริงๆ เลย ไม่อย่างนั้น……”
“ไม่อย่างนั้นพวกเราห่อกลับบ้านแล้วกัน!”
ไม่รอให้สือปู้ผิงพูดจบ เย่เทียนขัดคำพูดของเขามาอย่างไม่ปรานีสักนิด สกัดความหวังในใจของเขาลง
“เอ่อ แคกๆ……”
ส่วนกู้กวนชีที่อยู่ด้านข้าง ถูกคำพูดของเย่เทียนทำสำลักแล้ว
วิธีการแบบนี้ของเย่เทียน ที่จริงช่างชั่วร้ายเหลือเกิน ถ้าเอาไปไว้บนตัวคนอื่น เธอคงคิดว่าอีกฝ่ายคงเป็นพวกต่ำช้าอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้พูดออกมาจากในปากของเย่เทียน เธอเพียงรู้สึกว่าอยากหัวเราะเหลือเกิน ขณะเดียวกันยังรู้สึกว่า ผู้ชายตรงหน้าคนนี้ ทำให้คนทั้งรักทั้งเกลียดเสียจริง
สำหรับสือปู้ผิง แข็งไปทั้งตัวอยู่ที่เดิมตั้งนานแล้ว ในใจเดือดพล่าน เตรียมจะเปลี่ยนเป็นท่าทีไม่ดีแล้ว
แต่ในเวลานี้เอง เย่เทียนกลับเอ่ยปากบอก “ใช่แล้ว พี่สือ พวกเราแลกเบอร์กันไว้หน่อยเถอะ ต่อไปจะได้สะดวกที่พวกเราจะเลี้ยงข้าวพี่ นี่คือของผม นี่คือของเสี่ยวชี”
ไม่รอให้สือปู้ผิงระเบิดความโกรธ เย่เทียนนำหมายเลขโทรศัพท์สองเบอร์เขียนบนกระดาษโดยตรง ยื่นให้สือปู้ผิง
สือปู้ผิงพอได้ยินว่ามีวิธีติดต่อ สนใจจะโกรธที่ไหน รีบหัวเราะหึๆ พูดว่า “ไม่มีปัญหาๆ ครั้งหน้าฉันยังเลี้ยงพวกนาย!”
ในขณะเดียวกัน เย่เทียนก็เดินออกมาจากห้องอาหาร พนักงานห่ออาหารและเหล้าเรียบร้อย จากนั้นถึงยกกล่องใบใหญ่เต็มๆ เดินออกไป
“ที่รักคะ คุณไม่ได้บอกว่าใบเสร็จแหวนเพชรอยู่ที่บ้านคุณเหรอ? เอามาให้ฉันดูหน่อยสิ ฉันจะได้ถ่ายลงไทม์ไลน์ บอกเพื่อนของฉันว่าคุณรักฉันมากแค่ไหน!”
เห็นว่าเย่เทียนและกู้กวนชีออกไป หูเยี่ยนลี่พูดจาออดอ้อนทางสือปู้ผิงในชั่วขณะนั้น
พอดีเลย พนักงานเดินเข้ามาจากด้านนอก หยิบใบเสร็จออกมา
“ลูกค้าคะ โต๊ะนี้ของท่านทั้งหมดราคาหนึ่งแสนสามร้อยห้าสิบค่ะ ท่านต้องการรูดบัตรหรือว่า……”
ได้ยินตัวเลขอันนี้ สือปู้ผิงลุกขึ้นฉับพลัน พลิกมือก็ตบไปทีหนึ่ง ตบบนหน้าหูเยี่ยนลี่อย่างรุนแรง
“นังตัวดี ตอนนี้แกไปลงในไทม์ไลน์เลย บอกเพื่อนของแก ว่ารอยตบนี้เป็นฉันทำ ยังมีแหวนเพชรนั้นด้วย เป็นฉันเสียเงินสามสิบ ซื้อมาจากแผงลอยข้างทาง!”
“แม่งเอ๊ย เมื่อก่อนกินของฉันดื่มของฉัน วันนี้ยังกล้าพาคนเข้ามาขู่ฉันอีก? ไม่ดูสภาพแกหน่อย คู่ควรกับแหวนเพชรเหรอ?”
เสียงคำรามที่โกรธจนควบคุมไม่อยู่ ดังก้องในห้องอาหารไม่หยุด
เวลานี้ กู้กวนชีที่เดินออกมาจากร้านอาหารแล้ว มองผ่านกระจกใสเห็นฉากนี้ในห้องอาหารพอดี หันหน้ากลับมา มองเย่เทียนด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจ
“เย่เทียน ขอบคุณนะ ถ้าไม่มีคุณ ไม่แน่ว่าวันนี้ฉันคงถูกหูเยี่ยนลี่คนนั้นพูดฉีกหน้าไปถึงขั้นไหนแล้ว”
ระหว่างที่พูด กู้กวนชีสูดหายใจลึกๆ “คุณไม่รู้ ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ที่โรงเรียน หล่อนรังแกฉันไม่น้อย วันนี้ถือว่าได้ระบายความแค้น!”
“ไม่ต้องเกรงใจ ผมมองพวกเขาแล้วไม่ถูกใจ ใครให้พวกเขาเที่ยวดูถูกคนอื่นมั่วซั่ว แค่พวกเกาะแฟนรวยคนหนึ่ง ยังกล้าเหยียดหยามผมว่าไม่คู่ควรกับคุณ!”
เย่เทียนจัดการสือปู้ผิงด้านในอย่างร้ายกาจยกหนึ่ง อารมณ์ดีมาก ฮัมเพลงเบาๆ มุดเข้าในรถแล้ว
ส่วนกู้กวนชี สีหน้าที่มองเย่เทียนดูซับซ้อนขึ้นมาแล้ว
รู้สึกว่า เย่เทียนเหมือนเป็นคนที่สวรรค์ส่งมาช่วยเหลือเธออย่างนั้น ช่วยเหลือเธอไล่ติงเหล่ยที่กินบนเรือนขี้บนหลังไม่พอ ยังช่วยเธอระบายความแค้นเคืองที่ได้รับมาหลายปีสมัยอยู่โรงเรียนด้วย!