บทที่ 79 ความยุ่งยากมาเยือน

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

หลังกลับมาถึงบริษัท กู้กวนชีปฏิเสธความหวังดีของเย่เทียนที่จะรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน แยกไปทำงานของแต่ละคนแล้ว

ส่วนเย่เทียนนำปูอลาสก้า คาเวียร์และอาหารหรูหราอย่างอื่น และโรมานี คอนติสองขวดที่ราคาแพงหูฉี่กลับมาที่ฝ่ายความปลอดภัย

นี่ทำให้พนักงานรักษาความปลอดภัยกลุ่มหนึ่งตื่นเต้นจนแทบไม่ไหว พวกเขาก็แค่มนุษย์กินเงินเดือนกลุ่มหนึ่ง เคยกินของแพงขนาดนี้ที่ไหน ความรู้สึกดีที่มีต่อเย่เทียนยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีก

มีเพียงพี่เฉินและพรรคพวกที่อยู่มุมหนึ่ง ทำหน้าตาอึมครึม สายตาที่มองทางเย่เทียนไม่เป็นมิตรอย่างแจ่มชัด

เย่เทียนสัมผัสได้ทั้งหมด ภายในแปลกใจว่าตนเองเหมือนไม่ได้ไปล่วงเกินพวกเขานะ?

แต่ว่าไม่นานนัก เขาก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ ตนเองทำงานของตนเองไป

ตอนเวลาใกล้จะเลิกงาน เย่เทียนได้รับโทรศัพท์กะทันหัน เป็นเฉินหวั่นชิงโทรมา

“วันนี้นายส่งฉันกลับบ้าน นายไปเอารถที่ลานจอดรถ ฉันทำงานเสร็จแล้วจะเข้าไปหานาย”

ได้ยินแบบนี้ เย่เทียนมีความคิดผุดขึ้นฉับพลัน มุมปากประกายรอยยิ้มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว “ได้!”

รับปากไปแล้ว เย่เทียนก็ไม่รอช้าเช่นกัน หยิบกุญแจรถแล้วเดินไปทางลานจอดรถ

เขาเพิ่งเดินออกจากห้องทำงาน มุมปากพี่เฉินที่อยู่ด้านหลังวาดรอยยิ้มเยาะเย้ยขึ้น ต่อสายไปยังหมายเลขหนึ่ง

“ประธานจางครับ เหมือนว่าไอ้หนุ่มนั่นจะไปที่ลานจอดรถแล้ว……ครับ ประธานจางคุณดักเขาเอาไว้ก่อน แล้วพวกผมทางนี้จะเข้าไปครับ!”

ปึง!

พี่เฉินวางสายโทรศัพท์ สายตามองไปที่ห้าคนด้านข้างแล้ว

“ไป!”

ทั้งหมดรวมหกคน ออกจากห้องทำงานไปโดยตรงแบบเงียบๆ ตามเย่เทียนไปทันที

“ไอ้หนุ่ม นึกไม่ถึงสินะว่าพวกเราจะเจอหน้ากันเร็วขนาดนี้!”

เย่เทียนเพิ่งเดินถึงทางเข้าลานจอดรถ จางฟู่ฉีก็เดินเข้ามาด้วยท่าทางหยิ่งยโส จ้องเย่เทียนอย่างชั่วร้าย ขวางทางไปเขาไว้

มองเห็นการปรากฏตัวของจางฟู่ฉี ในใจเย่เทียนนึกได้ทันที ในที่สุดก็ตอบสนองเข้ามา เข้าใจว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยหลายคนด้านในห้องนั้น ทำไมถึงมีท่าทีชั่วร้ายต่อตนเองแล้ว

แต่ว่า เขาไม่ได้ร้อนรน ในใจเกิดความคิดที่หยอกเย้าระดับหนึ่ง มุมปากวาดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้น “นี่ไม่ใช่รองประธานจางเหรอ? ท่านผู้ยิ่งใหญ่มาปรากฏตัวตรงนี้ ไม่ทราบว่ามีธุระอะไร?”

จางฟู่ฉีหยุดลงมาซึ่งระยะห่างจากเย่เทียนประมาณหนึ่งเมตร หน้าตาเยาะเย้ยเต็มที่ “แกมันเด็กเหลือขอที่วิ่งออกมาจากที่กันดารตรงไหนกัน ถึงใจกล้าบ้าบิ่นกล้ามาทำแผนการของฉันพัง ตอนนี้นึกไม่ถึงยังมีหน้ามาถามฉันมาหาแกมีธุระอะไร?”

เย่เทียนหรี่ดวงตาขึ้นเล็กน้อย ถามอย่างรู้ดีแก่ใจ “รองประธานจางสรุปคุณกำลังพูดอะไรกัน? ผมทำลายแผนการของคุณอย่างไรแล้ว?”

จางฟู่ฉีหัวเราะเยาะติดกัน “ไอ้หนุ่ม มาถึงวินาทีนี้แล้ว แกยังคิดว่าแกล้งโง่ตีมึนแล้วจะรอดไปได้เหรอ?”

“รองประธานจาง คุณอย่าเข้าใจผิดเด็ดขาดนะครับ”

เย่เทียนแสดงฝีมือการแสดงขั้นยอดเยี่ยมออกมาเต็มที่ พูดแบบแกล้งทำใสซื่อและลังเล “แต่ละคำที่คุณพูดผมเข้าใจหมด แต่พอเอามารวมไว้ด้วยกันแล้วผมไม่เข้าใจจริงๆ”

“ไอ้หนุ่ม ฉันจะดูว่าแกจะแสดงได้นานแค่ไหน!”

เย่เทียนแกล้งโง่ตีมึนครั้งแล้วครั้งเล่าจนทำให้จางฟู่ฉีหงุดหงิดอยู่บ้าง ปรบมือขึ้นด้วยสีหน้าอึมครึมอย่างมาก

ป้าบๆๆ!

เสียงปรบมือสามครั้งจบลง มีเสียงฝีเท้าถี่เร่งลอยมาจากมุมหนึ่งทันที ชายกำยำหลายคนที่สวมชุดเครื่องแบบพนักงานรักษาความปลอดภัยมุดออกมาจากที่หลบซ่อน

ใช้เวลาชั่วพริบตาเดียว พนักงานรักษาความปลอดภัยทั้งหกคนยืนด้านหลังของจางฟู่ฉีอย่างรวดเร็ว ลักษณะท่าทางของสุนัขรับใช้ตามแบบฉบับ

“รอง รองประธานจาง นี่คุณอยากจะทำอะไร?”

สายตาเย่เทียนชำเลืองมองกล้องวงจรปิดที่อยู่ไกลนัก จงใจพูดอย่างตกใจกลัว “นี่ นี่ยังมีกล้องวงจรปิดอยู่นะครับ คุณอย่าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้านะ!”

“กล้องวงจรปิด?”

พนักงานรักษาความปลอดภัยหัวล้านที่อยู่หลังจางฟู่ฉีก้าวออกมา คือพี่เฉินคนนั้น!

เห็นเพียงเขาหน้าตาดุร้ายเต็มที่พูดว่า “ไอ้หนุ่ม ในเมื่อพวกฉันคิดจะจัดการแก จะลืมกล้องวงจรปิดไปได้ยังไงกันล่ะ!”

“แกวางใจได้ ฉันไหว้วานพวกพ้องให้ปิดกล้องวงจรปิดตั้งแต่แรกแล้ว ต่อให้แกโดนตีจนตายก็ไม่มีใครรู้ได้เด็ดขาด!”

“ปิดแล้ว?” รอยยิ้มที่มุมปากเย่เทียนเข้มข้นหลายระดับ

ในความเป็นจริง เหตุผลที่เย่เทียนแกล้งโง่ตีมึนต่อหน้าจางฟู่ฉีมาโดยตลอด ก็แค่หวังยั่วโมโหเขาให้ลงมือก่อน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ล้มจางฟู่ฉีให้คว่ำไม่ใช่เรื่องยากอะไร คนพวกนี้อยู่ที่บริษัทตระกูลเฉินตั้งแต่ต้นจนจบมีแต่จะเป็นหายนะ

ส่วนอยากไล่บุคคลที่ระดับรองประธานคนหนึ่งออกไป ต้องเอาหลักฐานที่สมเหตุสมผลสักหน่อยไม่ใช่เหรอ?

แน่นอนว่าการปรากฏตัวของพนักงานรักษาความปลอดภัยหลายคนนี้ อยู่ในการคาดเดาของเย่เทียนเช่นเดียวกัน

ในเมื่อจางฟู่ฉีมีสมองเล่นเกมแฝงไส้ศึกให้เฉินหวั่นชิงได้ จะมาหาตนเองเพื่อคิดบัญชีตามลำพังได้อย่างไรล่ะ?

แต่ทว่า เย่เทียนไม่พูดไม่จา โดยเฉพาะใบหน้าไร้อารมณ์ สีหน้าระดับนี้ตกอยู่ในสายตาจางฟู่ฉี คิดว่าเย่เทียนกำลังหวาดกลัว

ราวกับว่าชัยชนะอยู่ในกำมือ พูดจากระหยิ่มยิ้มย่อง “ไอ้หนุ่ม อย่าบอกว่าฉันไม่ให้โอกาสแก ถ้ารู้จักเอาตัวรอดก็คุกเข่าคำนับเรียกฉันว่าคุณปู่เสียดีๆ บางทีถ้าฉันอารมณ์ดีแล้วอาจปล่อยแกไปสักครั้ง!”

“อะไรนะ? รองประธานจางคุณบอกว่าฉันต้องเรียกว่าอะไรนะ?” เย่เทียนจงใจยื่นหูเข้าไปแล้ว

จางฟู่ฉีตะโกนบอกโดยจิตใต้สำนึก “เรียกคุณปู่!”

ทันทีที่พูดออกไป จางฟู่ฉีถึงตอบสนองกลับมา คำพูดของเย่เทียนหมายถึงอะไรกันแน่ แต่ทุกอย่างก็สายเกินไปแล้ว

“เฮ้อ เชื่อฟังจริง!”

ชั่วขณะนั้นเย่เทียนสุขใจ ตอนนี้คำเรียกเปลี่ยนไปโดยตรง “เสี่ยวจาง ถึงแม้แกจะเรียกฉันว่าคุณปู่ แต่ฉันรับแกเป็นหลานไม่ได้หรอกนะ! โดยเฉพาะ ตระกูลเย่ของฉันแต่ไหนแต่ไรไม่มีพวกหน้าเนื้อใจเสือไร้ยางอายแบบนี้อย่างแก!”

“แกแม่งวอนหาที่ตาย!”

จางฟู่ฉีโกรธจัด สีหน้าแดงขึ้นเป็นเหมือนสีตับหมู ยกหมัดหนึ่งขึ้นอย่างรุนแรงราวกับเสียสติ ต่อยเข้าไปบนตัวเย่เทียน

ปัก!

เย่เทียนแสยะปากเหยียดหยาม ตอนที่หมัดใกล้จะโดนตัวเองเข้า ก็เตะออกมาทีหนึ่งไวดุจสายฟ้าแลบ เตะบนหัวเข่าของจางฟู่ฉีอย่างแม่นยำไม่มีพลาด

จางฟู่ฉีนึกได้ที่ไหนว่าเย่เทียนจะกล้าเอาคืน สูญเสียการทรงตัวภายใต้ความเจ็บชั่วพริบตาเดียว แม้กระทั่งยังไม่ทันได้ส่งเสียงร้องตกใจออกมา ทันใดนั้นคุกเข่าล้มลงพื้น และบังเอิญไปอยู่ตรงกับเย่เทียนเข้าพอดีเลย!

เย่เทียนรู้สึกตลกในใจ บนหน้ากลับไม่เปิดเผยออกมาสักนิด “เสี่ยวจางแกคนนี้ทำไมถึงดื้อดึงขนาดนี้ล่ะ? ฉันบอกแล้วไงว่าตระกูลเย่ของฉันไม่ต้องการคนต่ำช้าอย่างแก ทำไมแกยังคุกเข่าลงมาอีกล่ะ?”

“เชี้ย!”

จางฟู่ฉีตะคอกใส่ บนหน้าโกรธแค้นราวกับเลือดจะหยดออกมาได้เลย “ถ้าฉันแม่งเอาแกตายไม่ได้ ฉันก็ไม่ใช่แซ่จางแล้ว!”

พูดจบ จางฟู่ฉีอดกลั้นความเจ็บปวดที่เหมือนซึมลึกถึงไขกระดูกลอยมาจากตรงหัวเข่า ตะโกนอย่างโมโหทางพนักงานรักษาความปลอดภัยด้านหลัง “พวกแกแม่งตาบอดกันรึไง? ไม่เห็นฉันโดนคนตีเหรอ! ยังไม่รีบมาช่วยอีก!”

มองจางฟู่ฉีที่ประสาทเสีย เย่เทียนส่ายหน้าแบบเศร้าใจ โมโหเดือดดาลง่ายดายขนาดนี้ เจ้านี่ปีนขึ้นตำแหน่งรองประธานไปได้อย่างไร? อยู่รอดในสนามธุรกิจที่หลอกลวงซึ่งกันและกันได้อย่างไร?

พนักงานรักษาความปลอดภัยหกคนนั้นต่างตอบสนองกลับมา ไม่พูดพร่ำทำเพลง พุ่งเข้าไปโดยตรง ล้อมเย่เทียนไว้ตรงกลาง ดึงกระบองยางที่เอวออกมาอย่างฉับไว หน้าตาเต็มไปด้วยเจตนาร้าย

มองภาพเหตุการณ์นี้อยู่ จางฟู่ฉีจับหัวเข่าที่เจ็บไว้ บนหน้าเต็มไปด้วยความสุข ส่งเสียงหัวเราะเยาะออกมา “ใครใช้ให้แกแม่งมาโต้กลับ ฉันจะให้แกรู้ว่าทำไมดอกไม้สดถึงได้แดงขนาดนี้!”

“ไอ้หนุ่ม เอาเงินคนอื่นไปก็ต้องทำงานให้คนอื่น แกอย่าโทษพวกฉันเลย”

พี่เฉินที่เป็นหัวหน้ากำลังจ้องเย่เทียนตรงๆ พูดเตือนสติอย่างอบอุ่นหวานชื่น “ได้เพียงพูดว่าแกล่วงเกินคนที่ไม่ควรล่วงเกิน หวังว่าต่อไปแกจะตาสว่างหน่อย”

“นี่คือเหตุผลของแกเหรอ?”

เย่เทียนจ้องทางพี่เฉินแบบไม่กลัวสักนิด พูดเย้ยหยัน “แกยังไม่ละอายใจต่อเครื่องแบบบนตัวชุดนั้นจริงๆ เหรอ!”