ตอนที่ 410 รู้ฐานะตนเอง

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 410 รู้ฐานะตนเอง

“เรียนท่านอ๋อง หลิงเช่อเฟยมาขอพบขอรับ”

“หืม?”

เดิมทีมู่จวินฮานนึกว่าหลิงอวี่หนิงผู้นี้จักเข้าใจอันใดได้ดี รู้ตัวว่าเข้ามาในจวนนี้เพื่อเป็นของประดับเท่านั้น แต่ดูท่านางคงแตกต่างจากบิดามากโข

นึกมิถึงแค่วันที่สองนางก็กล้ามาหาเขาถึงที่

“ให้นางเข้ามา” ในเมื่อนางมิยอมเข้าใจ เขาจักเป็นคนพูดให้นางเข้าใจเอง

หากภายในจวนมีคนที่ประสงค์ร้ายอยู่ก็คงมิเป็นผลดีต่ออันหลิงเกอเช่นกัน

มู่จวินฮานมิได้สนใจ อย่างไรในเมืองจิงก็มิได้ใสสะอาดสักเท่าไรอยู่แล้ว แต่อันหลิงเกอมิเหมือนกันเพราะนางมิควรมาแปดเปื้อนไปกับคนชั้นต่ำพวกนี้

ในสายตาของมู่จวินฮานแล้วต่อให้อันหลิงเกอชอบเอาชนะ แต่ก็ทำไปเพื่อปกป้องความเชื่อมั่นของนางเองเท่านั้น

“อวี่หนิงคารวะท่านอ๋องเจ้าค่ะ”

ท่าทางดีใจของหลิงอวี่หนิงในตอนนี้แสดงออกมาด้วยความเขินอายมาก แต่มู่จวินฮานมิได้รู้สึกอันใดเลย

“ลุกขึ้นแล้วเดินมานี่” มู่จวินฮานมองนางอย่างประเมินครู่หนึ่ง สตรีเช่นนี้เขาเห็นมานักต่อนักและมิได้มีอันใดพิเศษ

อีกอย่างสตรีที่จักเข้าตาเขาได้ต้องแตกต่างจากคนทั่วไปและต้องจิตใจดี

ซึ่งจิตใจที่ดีของอันหลิงเกอไร้สิ่งใดแอบแฝง เป็นความอ่อนโยนที่อยู่ภายในใจของนางอย่างแท้จริง นี่เป็นสิ่งที่สตรีซึ่งเติบโตมาในตระกูลขุนนางทั้งหลายมิมีกัน

อันหลิงเกอแม้เกิดในจวนโหวแต่มีความทะนงตนและนับถือตนเอง แตกต่างจากสตรีเหล่านี้โดยสิ้นเชิง

“อวี่หนิงตุ๋นน้ำแกงมาให้ท่านอ๋องเจ้าค่ะ” ได้ยินดังนั้นมู่จวินฮานก็ขมวดคิ้ว จากนั้นก็ตะโกนเสียงดังไปทางหน้าประตู

“พ่อบ้าน ! ”

ตอนนี้คนที่อยู่ข้างกายเขานอกจากชิงเฟิงก็คือพ่อบ้านคนนี้เพราะเคยติดตามอ๋องมู่ผู้เฒ่าและปัจจุบันมาทำงานให้ท่านอ๋องคนใหม่โดยถือว่ารู้งานดีย่อมใช้งานได้ง่าย

“ท่าน ท่านอ๋องขอรับ”

แค่ได้ยินน้ำเสียงของมู่จวินฮาน พ่อบ้านก็รู้แล้วว่าเกิดเรื่องมิดีขึ้นแน่นอน

ก่อนหน้านี้หลิงอวี่หนิงมอบของตอบแทนแก่ให้ เขาจึงทำมิรู้มิเห็น

“ผู้ใดอนุญาตให้นางนำน้ำแกงเข้ามาในห้องหนังสือของข้า ? ” กฎของจวนอ๋องมิว่าผู้ใดก็ต้องเคารพ

เรื่องนี้อันหลิงเกอทำได้ดีกว่าพระชายารองระดับเล็กพวกนี้ยิ่งนัก

หลิงอวี่หนิงตกใจจนหน้าซีดเผือด นางรู้ว่ามิสามารถนำอาหารมาให้ท่านอ๋องและพระชายาโดยพลการได้ แต่วันนั้นนางเห็นอันหลิงเกอมิได้ใส่ใจอันใดและลองดื่มชาของทัวป๋าถิงฟางด้วยซ้ำ เหตุใดนางทำบ้างมิได้…

“เรียนท่านอ๋อง บ่าวมิดีเองขอรับ เมื่อครู่ได้ยินท่านเรียกหลิงเช่อเฟยเข้ามา บ่าวก็ให้เข้ามาทันที มินึกว่า…”

หลิงอวี่หนิงก็รีบคุกเข่าลงทันใด

“ท่านอ๋อง อวี่หนิงเพิ่งเข้ามาอยู่ในจวนอ๋องมู่ ยังมิรู้กฎระเบียบอีกมากและเป็นอวี่หนิงที่ทำผิดเองเจ้าค่ะ”

หลิงอวี่หนิงนึกมิถึงว่าบุรุษที่อ่อนโยนยามอยู่ต่อหน้าอันหลิงเกอ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้านางจักดุดันถึงเพียงนี้

ความแตกต่างนี้ทำให้หลิงอวี่หนิงอดหวาดกลัวมิได้

“ช่างเถิด เอาน้ำแกงออกไป ส่วนเจ้าอยู่ก่อนเพราะเปิ่นหวางมีเรื่องจักกล่าวกับเจ้า” เมื่อได้ยินดังนั้นหลิงอวี่หนิงก็ใจชื้นขึ้นมาบ้าง คิดว่าบางทีท่านอ๋องอาจมีใจให้นางบ้างก็ได้

นางส่งน้ำแกงให้พ่อบ้านแล้วแอบถอดต่างหูใส่แขนเสื้อให้เขาเพื่อเป็นการตอบแทน ทั้งหมดนี้ตกอยู่ในสายตาของมู่จวินฮานทั้งสิ้น หึ คนสกปรกเช่นนี้มิต้องสนใจหรอก

“ท่านอ๋องเรียกอวี่หนิง มิทราบว่าอวี่หนิงทำสิ่งใดผิดหรือเจ้าคะ ? ” หลิงอวี่หนิงดีใจมากจึงตั้งใจแสดงท่าทางที่ดูออดอ้อนออกมา

เดิมทีนางก็ชอบมู่จวินฮานอยู่แล้ว การกระทำทั้งหมดจึงมิได้เกิดจากความเสแสร้งแต่อย่างใด

“ใช่” นึกมิถึงว่าคำเดียวของมู่จวินฮานจักทำให้นางสั่นสะท้านไปทั้งกาย

เมื่อได้ฟังเช่นนั้นนางก็รีบร้อนจักคุกเข่าลงพื้นอีกครั้ง แต่มิรู้ว่ายามนี้ควรทำเช่นนั้นดีหรือไม่จึงยืนอยู่ด้วยท่าทางน่าขันยิ่งนัก

“ในเมื่อเจ้าเข้ามาอยู่ในจวนอ๋อง เชื่อว่าบิดาของเจ้าเคยกล่าวให้ฟังบ้างแล้วว่าเหตุใดเจ้าถึงได้เข้ามาในจวนอ๋องแห่งนี้” มู่จวินฮานเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมที่แฝงไว้ด้วยความเย็นชา

“เจ้าค่ะ…เป็นเพราะท่านพ่อ อวี่หนิงจึงโชคดีได้เข้ามาปรนนิบัติท่านอ๋องเจ้าค่ะ”

เมื่อได้ฟังมู่จวินฮานก็หัวเราะเยาะออกมาเบา ๆ เขาเชื่อว่าหลิงอวี่หนิงก็รู้ดีและในเมื่อเป็นสายลับที่ฮ่องเต้ส่งมาก็มิจำเป็นต้องแสร้งทำท่าทางรักใคร่อันใดต่อกัน

“ปรนนิบัติมิต้อง เจ้าแค่อยู่ที่นี่อย่างสงบเสงี่ยมก็พอ”

สงบเสงี่ยม คำนี้เขากล่าวออกมาได้อย่างง่ายดาย

หลิงอวี่หนิงถึงขั้นตกตะลึงทันที นางรู้ความหมายของมู่จวินฮานดี ทว่านางรักเขาด้วยใจจริงย่อมมิมีทางที่จักทำงานให้คนที่อยู่ในวังหลวงอย่างแน่นอน

แต่หลิงอวี่หนิงก็มิสามารถกล่าวออกมาตามตรงได้เพราะฮ่องเต้เป็นผู้กุมความเป็นความตายของพวกตนเอาไว้

“ท่านอ๋องมิเคยเข้าใจอวี่หนิงแล้วรู้ได้อย่างไรว่าอวี่หนิงมิจริงใจเจ้าคะ ? ” หลิงอวี่หนิงสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อเพิ่มความกล้าให้ตนเอง หากตอนนี้นางมิสู้ก็เกรงว่าทั้งชีวิตคงต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวเป็นแน่

“จริงใจหรือ ? เปิ่นหวางมิต้องการความจริงใจที่มีเป้าหมายแอบแฝงของเจ้า” มู่จวินฮานส่งเสียง หึ ออกมาอย่างเย็นชา ความคิดของสตรีพวกนี้เขามิต้องเดาก็รู้ได้แล้ว

“อวี่หนิงมิได้เป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ ! ”

หลิงอวี่หนิงรีบอธิบายทันที แต่มู่จวินฮานมิได้สนใจสิ่งที่นางจักอธิบาย เขาโบกมือขึ้นเพื่อสื่อว่ามิต้องกล่าวสิ่งใดอีก

“ช่างเถิด เปิ่นหวางขอบอกไว้ก่อนว่าเปิ่นหวางและพระชายารักใคร่กลมเกลียวกันดี มิได้รักเพราะเสียดายของขวัญพระราชทานแต่อย่างใด”

คำพูดเช่นนี้หลุดมาจากปากของผู้ที่เป็นถึงท่านอ๋อง ส่งผลให้หลิงอวี่หนิงทำตัวมิถูกจริง ๆ

“ท่านเป็นถึงท่านอ๋อง มีเช่อเฟย 2 คนและมีสนมอีก 1 คนก็ถือเป็นเรื่องปกติมิใช่หรือเจ้าคะ ? ”

“ใช่ เปิ่นหวางเป็นท่านอ๋องและมิจำเป็นต้องให้เจ้ามาสอนว่าควรทำสิ่งใด ! ” น้ำเสียงของมู่จวินฮานมิได้โมโหแต่อย่างใด ทว่าเกิดจากความเย็นชาภายในหัวใจที่มิเคยรักนาง

“อวี่หนิงผิดไปแล้วเจ้าค่ะ”

หลิงอวี่หนิงย่อตัวลงน้อย ๆ นางมองออกว่ามู่จวินฮานรักอันหลิงเกอมาก แล้วนางจักทำเยี่ยงไรได้ ?

มิรู้เหตุใดยิ่งเห็นเขาเป็นเช่นนี้นางก็ยิ่งรู้สึกชอบเขามากขึ้น ของบางอย่างที่มิใช่ของตนทว่ามองแล้วดึงดูดให้อยากครอบครองยิ่งนัก

ทว่าตอนนี้หลิงอวี่หนิงมิรู้ว่าตนจักได้มาครอบครองหรือไม่ ทัวป๋าถิงฟางก็พยายามอย่างมากเช่นกัน ทุกคนในจวนอ๋องแห่งนี้ล้วนปรารถนาได้รับความโปรดปรานจากมู่จวินฮาน แต่พวกนางจักสามารถคว้าหัวใจของเขามาครอบครองได้จริงหรือ ?

หัวใจของบุรุษผู้นี้เกรงว่าอยู่ที่อันหลิงเกอตลอดไปโดยมิมีวันเปลี่ยนแปลงเสียแล้ว

“เอาล่ะ เห็นแก่หน้าของบิดาเจ้า ขอเพียงเจ้ามิทำอันใดล้ำเส้น เปิ่นหวางก็จักให้เจ้าได้มีที่ยืนในจวนอ๋อง”

ในสายตาของสตรีจวนอ๋องทุกจวนถือว่าเป็นความกรุณาอย่างสูง แต่หลิงอวี่หนิงกลับมินึกเช่นนั้น

ตอนอยู่ที่จวนแม่ทัพนางเป็นบุตรีเพียงคนเดียวแต่เมื่อเข้ามาอยู่ในจวนอ๋อง นอกจากนางต้องปกป้องตำแหน่งเอาไว้แล้วก็อยากได้บุรุษที่รักนางอย่างแท้จริงด้วย แน่นอนว่ามู่จวินฮานคือคนผู้นั้น

แต่เขามิได้รู้สึกอันใดกับนางเลย

“ท่านอ๋อง อวี่หนิงหวังได้มีที่ยืนเพราะรักจากท่านมิใช่เพราะความกรุณาเจ้าค่ะ” หลิงอวี่หนิงเงยหน้าขึ้นพร้อมกล่าวออกมาอย่างกล้าหาญ

มู่จวินฮานถึงขั้นหัวเราะออกมาทันที หลิงอวี่หนิงผู้นี้อายุยังน้อยแต่มีความคิดเช่นนี้เสียแล้ว วันหน้าเกรงว่าจักสร้างความวุ่นวายให้เขาเป็นแน่

“เปิ่นหวางมิได้สนใจความหวังของเจ้า” การที่มู่จวินฮานเอ่ยกับนางอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ก็เพราะความไร้เดียงสาและความกล้าของนางนั่นเอง