บทที่ 72 ประกันตัว

รักหวานอมเปรี้ยว

“เดี๋ยวคุณก็รู้” มายมิ้นท์แสยะยิ้มเย็นชา

ไม่นาน ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากลิฟต์ ไม่กี่วินาที เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ในชุดเครื่องแบบสี่คน มายืนตรงหน้าทั้งสามคน

ปีโป้เห็นสถานการณ์ เขารู้ทันทีว่าเป็นเรื่องใหญ่แล้ว เขากลอกตาไปมา และค่อยๆ ถอยไปข้างนอกประตู และเอามือถือออกมาโทรออก

มายมิ้นท์เห็นท่าทางของเขา และเดาได้ว่าเขาโทรหาใคร เธอไม่ได้ห้าม ชี้ไปที่พิศมัยและบอกกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสี่คน “คนนี้มาเคาะประตูห้องฉันตั้งแต่เช้า แถมยังมีท่าทีก้าวร้าว ทำให้ฉันรู้สึกไม่ปลอดภัย อีกทั้งเธอยังปามือถือฉันจนพัง ทำลายทรัพย์สินของฉัน ฉันต้องการให้พวกคุณคุมตัวเธอ ไปส่งสถานีตำรวจ”

พิศมัยโกรธจนก่นด่าออกมา “มายมิ้นท์ นังชั่ว แกกล้า……”

“ตอนนี้เธอยังด่าฉัน ฉันต้องการให้พวกคุณ ส่งเธอไปสถานีตำรวจเดี๋ยวนี้!” มายมิ้นท์พูดตัดบท

“ครับคุณมายมิ้นท์” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสี่คนรับปาก และเข้ามาจับตัวพิศมัย เดินไปที่ลิฟต์

“แม่!” ปีโป้เห็นว่ายังไม่มีใครรับสาย เขามองไปยังพิศมัย ที่กำลังโดนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคุมตัวไป เขาไม่รู้จะทำยังไงดี

พิศมัยโดนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสี่คน คุมตัวอย่างแน่นหนา ดิ้นไม่หลุด เธอทำได้เพียงหันมามองมายมิ้นท์ ด้วยสายตาเคียดแค้น ปากก็เอาแต่ก่นด่าด้วยคำหยาบคายไม่หยุด

มายมิ้นท์คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าคำด่าหยาบคายพวกนี้ จะออกมาจากคุณนายตระกูลไฮโซ

ติ๊ง ประตูลิฟต์ปิดลง

ในที่สุดเสียงก่นด่าของพิศมัยก็หายไป ทางเดินเงียบลงทันที

ปีโป้ตัดสายที่ไม่มีคนรับ เขามองมายมิ้นท์อย่างโกรธเคือง “ทำไมเธอต้องทำแบบนี้”

“ฉันทำอะไร” มายมิ้นท์พิงประตู และพูดอย่างเกียจคร้าน

ปีโป้กำมือถือแน่น “เธอให้คนมาเอาตัวแม่ผมไป”

“แม่นายทำตัวเองไม่ใช่หรือไง” มายมิ้นท์เอามือกอดอก “เมื่อกี้ฉันพูดชัดเจนแล้ว แม่นายมาทุบประตูฉัน ทำให้ฉันรู้สึกไม่ปลอดภัย แค่นี้ฉันก็สามารถเรียกคนมาจับตัวเธอไปได้แล้ว แต่เธอไม่หยุด ยังปามือถือ และต่อว่าฉันด้วย!”

มายมิ้นท์ชี้ไปที่หูของเขา “สิ่งที่แม่นายด่าฉันเมื่อกี้ นายก็ได้ยินนิ หยาบคายและต่ำช้าเช่นนี้ ฉันผิดเหรอที่ให้คนมาจับแม่นาย ถ้าเป็นนาย นายก็ทำแบบนี้เหมือนกัน”

“ผม……” ปีโป้ก้มหน้า เขาพูดไม่ออก

ใช่ ถ้าเป็นเขา ถูกด่าแบบนี้ เขาก็ไม่ปล่อยอีกฝ่ายไปง่ายๆ แน่นอน

และจะซัดอีกฝ่ายด้วยมือตัวเอง เอาให้ด่าไม่ออกเลย

เมื่อเห็นปีโป้ก้มหน้าสลด มายมิ้นท์แสยะยิ้ม “เพราะฉะนั้นนะปีโป้ ตัวเองยังทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องไปสั่งสอนคนอื่น”

ปีโป้หน้าแดง “ผมเปล่า!”

มายมิ้นท์ขี้เกียจใส่ใจเขา และปิดประตูลง

“เฮ้ย……” ปีโป้เรียกเธอไว้ มือถือในมือก็ดังขึ้น

เขาก้มลงมองหน้าจอ เมื่อเห็นว่าเป็นเปปเปอร์ เขาดีใจมาก และรีบกดรับสาย “พี่ ทำไมเพิ่งโทรมาตอนนี้”

“เงินหมดแล้วเหรอ” เมื่อได้ยินน้ำเสียงร้อนใจของปีโป้ เปปเปอร์เปิดลำโพงมือถือ แล้วโยนมือถือลงบนโต๊ะทำงาน เขาอ่านรายงานในคอมพิวเตอร์ และถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

ปีโป้ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ “ไม่ใช่สักหน่อย การที่ผมโทรหาพี่ คือต้องการเงินหรือไง”

“ไม่ใช่เหรอ”

“.…..” ปีโป้พูดอะไรไม่ออก

จากนั้นเขามองประตูห้องมายมิ้นท์ แล้วสูดหายใจพูดว่า “ผมยอมรับก็ได้ ก่อนหน้านี้ผมโทรหาพี่ เพราะต้องการเงิน แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ เพราะครั้งนี้เกิดเรื่องแล้ว”

“เรื่องอะไร”

“แม่ถูกจับไปสถานีตำรวจแล้ว”

“อะไรนะ” เปปเปอร์หรี่ตาลง เขาพูดเสียงทุ้ม “เกิดอะไรขึ้นกันแน่”

ปีโป้ไม่กล้าปกปิดเขา และเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง “เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ มายมิ้นท์เรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาจับแม่”

คิ้วของเปปเปอร์กระตุก เขาต้องใช้นิ้วกดเอาไว้หลายครั้ง ถึงกลับมาเป็นปกติ เขาสะกดกลั้นอารมณ์โกรธ และพูดว่า “ฉันเข้าใจแล้ว ฉันไปสถานีตำรวจก่อน เอ่อ เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม”

“เธอ?” ปีโป้อึ้งไป “ใคร”

เปปเปอร์เม้มปากอย่างไม่สบอารมณ์ “มายมิ้นท์”

“อ๋อ เธอไม่เป็นอะไร พี่ถามทำไม” ปีโป้สงสัย

แววตาของเปปเปอร์วูบไหว “ไม่มีอะไร นายบอกว่าแม่ทำร้ายเธอ ถ้าเธอบาดเจ็บขึ้นมา งั้นการประกันตัวแม่ ก็ต้องใช้เอกสารยอมความจากเธอ ก็เลยถามไง”

“อ๋อ” ปีโป้ไม่ได้สงสัยอะไรอีก เขาส่ายหน้าและตอบว่า “พี่วางใจเถอะ เธอไม่ได้เป็นอะไร แม่ไม่ได้ทำร้ายเธอ”

“งั้นก็ดี” ไม่รู้เพราะเหตุใด เปปเปอร์รู้สึกโล่งใจมาก

หลังจากวางสาย เขาลุกขึ้น และหยิบเสื้อโค้ตตัวยาวสีดำ ที่แขวนอยู่ข้างๆ จากนั้นจึงเดินออกมาจากห้องทำงาน

เพราะพิศมัยไม่ได้ทำร้ายคน เปปเปอร์จึงประกันตัวออกมาอย่างง่ายดาย แต่โดนค่าปรับจำนวนไม่น้อย

ทั้งสองเดินออกจากสถานีตำรวจ ปีโป้ที่ยืนรออยู่ข้างนอกตาเป็นประกาย เขารีบเดินเข้ามา “แม่ พี่ ในที่สุดก็ออกมาสักที”

พิศมัยสีหน้าบูดบึ้ง “หึ นังมายมิ้นท์ ผู้หญิงชั่ว คิดไม่ถึงว่าจะจับฉันเข้าคุก ทำให้ฉันอับอายขายหน้า น่าโมโหจริงๆ ครั้งหน้ามันต้องเจอดีแน่!”

ผู้หญิงชั่วอย่างนั้นเหรอ

สีหน้าของเปปเปอร์เย็นชาทันที บรรยากาศรอบๆ เริ่มกดดันขึ้น

ที่แท้เธอเรียกมายมิ้นท์แบบนี้เหรอ แถมยังเรียกจนเคยชิน เหมือนเรียกบ่อยๆ

แต่ทว่าเขากลับไม่รู้อะไรเลย

เขารู้สึกโมโหขึ้นมา สายตาที่เปปเปอร์มองพิศมัย เต็มไปด้วยความไม่พอใจ “แม่ ครั้งที่แล้วผมบอกแม่แล้ว อย่าไปหาเรื่องมายมิ้นท์อีก ทำไมแม่ไม่ฟัง”

“นายก็ด้วย!” เปปเปอร์หันไปมองปีโป้อย่างเย็นชา “ทำไมนายไม่ห้ามแม่”

ปีโป้ย่นปากอย่างน้อยใจ “พี่ ผมห้ามแล้ว แต่ห้ามไม่ได้ พอแม่รู้ว่าเรื่องที่พี่ส้มเปรี้ยวโดนลักพาตัว เกี่ยวข้องกับพี่สะ…..เกี่ยวข้องกับมายมิ้นท์ แม่ก็เอาแต่จะไปหาเธอให้ได้ ผมจะทำยังไงได้ล่ะ”

“ก็ฉันรักส้มเปรี้ยวนิ” พิศมัยพูดด้วยสีหน้าโกรธเคือง “เมื่อเช้าส้มเปรี้ยวบอกฉันเอง คนที่ลักพาตัวเธอ คือคนที่ตามจีบนังผู้หญิงชั่วนั่น เพราะฉะนั้นนังมายมิ้นท์ ผู้หญิงชั่วคนนั้น ต้องเป็นคนบงการแน่นอน”

เมื่อเปปเปอร์ได้ยินคำว่าผู้หญิงชั่ว สีหน้าของเขาเคร่งขรึมทันที “คนที่ลักพาตัวส้มเปรี้ยว คือคนที่ตามจีบมายมิ้นท์ แต่มายมิ้นท์ไม่ได้เป็นคนสั่งให้ทำ”

สัญชาตญาณบอกเขาว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับมายมิ้นท์

ปีโป้ก็พยักหน้า แล้วพูดว่า “ผมก็รู้สึกว่าเธอไม่ได้สั่งให้ทำ”

พิศมัยโกรธจนเอามือบิดหูเขา “ปีโป้ แกอยู่ฝั่งใครกันแน่ ทำไมถึงพูดแทนนังมายมิ้นท์ ผู้หญิงชั่ว”

ขนาดเปปเปอร์ยังมองปีโป้ อย่างคาดไม่ถึง

เขารู้ดีว่าก่อนหน้านี้ปีโป้มีท่าทียังไงกับมายมิ้นท์

แต่คิดไม่ถึงว่าตอนนี้ ท่าทีของปีโป้จะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้

“เจ็บนะแม่ รีบปล่อยมือเลย!” ปีโป้เจ็บจนร้องซี๊ด เขาแทบจะกระโดดออกมา

สุดท้ายพิศมัยก็รักลูก เธอปล่อยมือ “หึ ดูสิว่าต่อไปแกจะช่วยพูดแทนนังผู้หญิงชั่วนั่นอีกหรือเปล่า อย่าลืมสิ ส้มเปรี้ยวคือพี่สะใภ้ของแก แกต้องช่วยเธอพูดเท่านั้น ได้ยินหรือยัง”

ปีโป้เบะปาก เขาเอามือลูบหูและพูดพึมพำ “ได้ยินแล้ว”

“พอเถอะแม่ เดี๋ยวผมไปส่งแม่ที่บ้าน” เปปเปอร์กุมขมับ และเปิดประตูรถ

หลังจากมาส่งสองแม่ลูกที่คฤหาสน์ตระกูลนวบดินทร์ เปปเปอร์ก็ขับรถออกมา

ระหว่างทาง เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และโทรไปหามายมิ้นท์

ตั้งแต่หย่ากัน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโทรหาเธอ

ไม่นานก็มีคนรับสาย เสียงสุภาพและอ่อนโยนของหญิงสาวดังออกมา “ใครคะ”