บทที่ 73 คัดผู้ต้องสงสัยออก

รักหวานอมเปรี้ยว

เปปเปอร์ขมวดคิ้ว

เธอลบเบอร์โทรเขาทิ้งเหรอ

เมื่อเห็นว่าไม่มีใครพูด มายมิ้นท์เอียงคอสงสัย เธอเตรียมจะวางสาย

ขณะนั้นก็มีเสียงดังออกมาจากมือถือ เป็นเสียงทุ้มของผู้ชาย “ผมเอง”

มายมิ้นท์เบิกตาโพลง ปากกาในมือชะงักไป เธอเอามือถือออกจากหู เมื่อเห็นหมายเลขที่คุ้นเคย ริมฝีปากแดงจึงเม้มเข้าหากัน

เป็นเขาจริงๆ ด้วย!

ถึงแม้เธอจะลบช่องทางติดต่อของเขาทุกอย่าง หลังจากที่เลิกกัน แต่เมื่อเห็นเบอร์โทร เธอกลับจำได้ทันที

มายมิ้นท์สูดหายใจลึก เก็บงำความเศร้า และถามด้วยสีหน้าเย็นชา “ประธานเปปเปอร์มีอะไรเหรอคะ”

เมื่อได้ยินน้ำเสียงเฉยชาของเธอ สีหน้าของเปปเปอร์เคร่งขรึมขึ้นทันที

ตอนที่เธอยังจำเขาไม่ได้ เธอยังอ่อนโยนกับคนแปลกหน้า

แต่กับเขา เธอกลับเฉยชา

เขาสะกดกลั้นความไม่พอใจเอาไว้ เม้มปากและพูดว่า “ผมมาขอโทษคุณ”

มายมิ้นท์วางปากกา และเอนหลังพิงเก้าอี้ “ขอโทษเหรอ ประธานเปปเปอร์ ทำเรื่องอะไรไม่ดีไว้กับฉันเหรอ”

“แม่ผมทำ ขอโทษจริงๆ ที่สร้างความวุ่นวายให้คุณ” เปปเปอร์หลุบตาลง น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

มายมิ้นท์แสยะยิ้มเย็นชา “เรื่องนี้นี่เอง ประธานเปปเปอร์ลำบากแย่เลย ต้องขอโทษแทนคู่หมั้น ตอนนี้ยังต้องมาขอโทษแทนแม่อีก ครั้งต่อไปจะขอโทษแทนน้องชายด้วยหรือเปล่า”

เปปเปอร์พูดอย่างเย็นชา “ไม่มีครั้งต่อไปแล้ว”

“ก็ไม่แน่นะ คนตระกูลนายสร้างเรื่องเก่งแค่ไหน ทำไมฉันจะไม่รู้ โดยเฉพาะแม่ของนาย” เมื่อพูดถึงพิศมัย มายมิ้นท์อดเหลือบตามองบนไม่ได้ “ประธานเปปเปอร์ ฉันถามอะไรอย่างได้ไหม คำถามนี้อยู่ในใจฉันมานานแล้ว”

เปปเปอร์กดบลูทูธตรงหูอย่างสงสัย “อะไรเหรอ”

“นายเป็นลูกแท้ๆ ของแม่ใช่ไหม” มายมิ้นท์เอามือเท้าคาง

พิศมัยคือหญิงปากร้ายตามแบบฉบับ ถึงจะแต่งตัวแบบไฮโซ ก็ไม่เหมือนคุณนายมีฐานะสักนิด ในทางกลับกัน มีแต่ความหยาบคายและชั่วร้าย แผ่ออกมาจากตัวเธอ

เธอคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าผู้หญิงอย่างนั้น จะมีลูกชายแบบเปปเปอร์

แววตาของเปปเปอร์วูบไหว “ทำไมถามแบบนี้”

“แค่สงสัยเฉยๆ” มายมิ้นท์ยักไหล่

เปปเปอร์หมุนพวงมาลัยรถ “ใช่สิ”

เป็นแม่แท้ๆ จริงเหรอ

มายมิ้นท์ถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง

สงสัยคือการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมละมั้ง

มายมิ้นท์หยิบปากกาขึ้นมาอีกครั้ง “โอเค ฉันไม่มีอะไรจะถามแล้ว เอางี้ละกัน ต่อไปนายดูแลแม่ให้ดี อย่ามาเห่าหอนใส่ฉันอีก”

เห่าหอนงั้นเหรอ

สีหน้าของเปปเปอร์เย็นชา “มายมิ้นท์ คุณไม่ต้องพูดแรงขนาดนั้นก็ได้”

“พูดแรงเหรอ” มายมิ้นท์หัวเราะ “ประธานเปปเปอร์ อย่าบอกนะว่า นายยังหวังให้ฉันพูดดีกับพวกนาย ทำไมนายไม่คิดบ้างว่าหกปีมานี้ พวกนายทำกับฉันยังไงบ้าง ทำไมฉันต้องพูดดีด้วย พวกนายคิดว่าตัวเองเป็นใคร”

เมื่อพูดจบ เธอก็ตัดสายทันที

เปปเปอร์ได้ยินเสียงสัญญาณ ที่ถูกตัดสาย เขายกมือบนพวงมาลัย ขึ้นมานวดหัวคิ้ว

‘ทำไมนายไม่คิดบ้างว่าหกปีมานี้ พวกนายทำกับฉันยังไงบ้าง’ คำพูดของเธอ วนเวียนอยู่ในหัวเขาตลอดเวลา หัวใจของเขาราวกับถูกหินทับเอาไว้ มันหนักหน่วงมาก

เพราะเขาปฏิเสธไม่ได้เลย หกปีมานี้ พวกเขาทำไม่ดีกับเธอจริงๆ

ระหว่างที่คิด ก็ถึงโรงพยาบาลพอดี

เปปเปอร์จอดรถ และนั่งอยู่ในรถครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเดินเข้าไปในโรงพยาบาล

ส้มเปรี้ยวกำลังดูทีวี อยู่ในห้องคนไข้สุดหรู คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ นั่งปอกแอปเปิลอยู่ข้างเตียง

เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ เงยหน้าขึ้นมอง และยิ้มออกมา “ส้มเปรี้ยว ดูสิว่าใครมา”

ส้มเปรี้ยวหันไปมองที่ประตู เมื่อเห็นเปปเปอร์เดินเข้ามา เธอดีใจ จากนั้นก็น้ำตาคลอเบ้า “เปอร์……”

เธอสลัดผ้าห่มออก และโผเข้าไปหาเขา

เปปเปอร์เดินมาถึงข้างเตียงพอดี และกอดเธอไว้ เขาลูบหัวเธอแล้วพูดว่า “ร้องไห้ทำไม”

“ฉันคิดถึงคุณ” ส้มเปรี้ยวเอาศีรษะซบอกเขา

แววตาของเปปเปอร์อ่อนโยนลง “ผมก็มาแล้วนี่ไง”

คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์เห็นทั้งสองสนิทสนมกัน เธอนำแอปเปิลที่ปอกเรียบร้อย วางไว้ข้างๆ จากนั้นจึงหัวเราะและลุกขึ้นยืน “เปอร์มาพอดีเลย อยู่เป็นเพื่อนส้มเปรี้ยวสิ ฉันจะออกไปถามหมอว่าส้มเปรี้ยว จะออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไร”

“ครับ” เปปเปอร์พยักหน้า

คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์เดินออกไป เขาจับหน้าผากของส้มเปรี้ยว ไม่มีไข้แล้ว จึงรู้สึกโล่งใจ

“ยังรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า” เปปเปอร์ดึงมือกลับมา และถามขึ้น

ส้มเปรี้ยวเบะปากอย่างน้อยใจ “รู้สึกมึนหัวมาก”

“งั้นนอนพักอีกสักหน่อย” เปปเปอร์จัดหมอน ให้เธอนอนลง

ส้มเปรี้ยวส่ายหน้า “ฉันไม่อยากนอนแล้ว คุณอยู่เป็นเพื่อนฉันก็พอ”

เปปเปอร์ไม่ได้พูดอะไร และนั่งลงข้างเตียง

ส้มเปรี้ยวกอดแขนเขา และเอียงหัวซบไหล่เขา “เปอร์ เมื่อเช้าคุณน้ามาหาฉัน พอได้ยินว่า เรื่องที่ฉันโดนลักพาตัว เกี่ยวข้องกับคุณมายมิ้นท์ คุณน้าบอกว่าจะไปจัดการคุณมายมิ้นท์ ฉันห้ามยังไงก็ไม่ฟัง”

“ผมรู้แล้ว”

“คุณรู้แล้วเหรอ” ส้มเปรี้ยวเงยหน้ามองซีกหน้าด้านข้าง อันหล่อเหลาของชายหนุ่ม “คุณน้าไม่ได้ทำอะไรคุณมายมิ้นท์ใช่ไหม”

ทำอะไรมายมิ้นท์งั้นเหรอ

เปปเปอร์หลุบตาลง

แม่อยากทำร้ายมายมิ้นท์ แต่โดนมายมิ้นท์จับส่งสถานีตำรวจ

มายมิ้นท์ไม่ได้เป็นอะไรเลย

เมื่อคิดได้เช่นนั้น เปปเปอร์ยกยิ้มมุมปาก แววตาของเขาอ่อนโยน จนเขาเองก็ไม่รู้ตัว

ส้มเปรี้ยวเห็น และรู้ว่าความอ่อนโยนนี้ เกิดขึ้นเพราะใคร เธอรู้สึกหวาดระแวงในใจ และกำมือ จากนั้นจึงเอ่ยถามด้วยใบหน้าสงสัย “เปอร์ คุณยิ้มอะไร”

เมื่อพูดถึงมายมิ้นท์ เขาก็มีรอยยิ้ม แถมยังมีสีหน้าอ่อนโยนอีกด้วย

ไม่ได้การแล้ว เธอต้องรีบจัดการมายมิ้นท์ให้เร็วที่สุด ขืนปล่อยไว้แบบนี้ เขาต้องรักมายมิ้นท์เข้าจริงๆ ถึงตัวเขาเองจะไม่รู้ แต่เธอรู้อยู่แก่ใจ ตอนนี้มายมิ้นท์ เริ่มเข้ามาอยู่ในใจของเขาแล้ว

ยิ้มงั้นเหรอ

เปปเปอร์แววตานิ่ง ใบหน้ากลับมาเย็นชาเหมือนเดิม เขาหันมามองส้มเปรี้ยว “ไม่มีอะไร แค่คิดเรื่องสนุกๆ ขึ้นมาได้”

“อ๋อ” ส้มเปรี้ยวฝืนยิ้มออกมา แต่ในใจกลับมืดมน

ขณะนั้น คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์กลับมา “ส้มเปรี้ยว หมอบอกว่าพรุ่งนี้ก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว”

“ดีจัง หนูไม่อยากอยู่โรงพยาบาลสักนิด หนูอยู่โรงพยาบาลมาตั้งหกปี เบื่อจะแย่แล้ว” ส้มเปรี้ยวพูดด้วยความดีใจ

เปปเปอร์ลูบหัวเธออย่างเอ็นดู

คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์มองเขา และถามขึ้น “ใช่สิเปอร์ สืบเรื่องชายเจ้าเล่ห์ ได้หรือยัง”

ส้มเปรี้ยวได้ยินคำว่าชายเจ้าเล่ห์ ใบหน้าที่มีรอยยิ้ม แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว “เปอร์……”

เปปเปอร์กอดเธอไว้ และตบหลังเธอเบาๆ จากนั้นจึงพูดปลอบว่า “ไม่ต้องกลัว”

คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์รู้สึกผิด “ขอโทษนะส้มเปรี้ยว แม่ไม่ได้ตั้งใจจะพูด ลูก……”

“หนูไม่เป็นไรค่ะแม่” ส้มเปรี้ยวส่ายหน้าพร้อมน้ำตา “หนูสมควรโดนแล้ว เพราะหนูกังวล เลยทำร้ายคุณมายมิ้นท์ก่อน ไม่งั้นคุณมายมิ้นท์คงไม่ให้คนมาลักพาตัวหนูหรอก เรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของหนู”

“จะเป็นความผิดของลูกได้ยังไง” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ ร้องไห้ออกมาเช่นกัน “เพราะมายมิ้นท์ร้ายกาจ จริงที่ลูกทำร้ายเธอก่อน แต่เราชดใช้ให้เธอแล้ว เธอได้รับการชดใช้ไปแล้ว แต่ยังให้คนมาทำร้ายลูก ทุเรศสิ้นดี!”

ส้มเปรี้ยวก้มหน้าสะอื้นเบาๆ ราวกับไม่รู้เหมือนกัน ว่าทำไมมายมิ้นท์ถึงทำแบบนี้

เปปเปอร์ขมวดคิ้ว “คุณน้า ส้มเปรี้ยว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับมายมิ้นท์ การที่เธอโดนลักพาตัว เป็นความคิดของชายเจ้าเล่ห์ มายมิ้นท์ไม่ได้บอกให้เขาทำ”

“เปอร์ นี่นายช่วยมายมิ้นท์พูดเหรอ” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ มองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ