บทที่ 518 ประจบสอพลอ

บทที่ 518 ประจบสอพลอ

หลังจากที่ตรวจสอบชิ้นส่วนแล้ว อวี้ฮ่าวหรานก็กลับไปที่สายการผลิตอีกรอบ

แต่เขาไม่คุ้นเคยกับชิ้นส่วนเครื่องจักรนัก จึงไม่รู้ปัญหาอยู่ตรงไหน

หลังจากผ่านไปได้สักพัก เขาก็กลับไปยังออฟฟิศและครุ่นคิดอย่างหนัก

ในตอนนั้นเอง ประตูออฟฟิศก็ถูกเคาะ

“พี่เขย ผมเข้าไปได้ไหม?”

เสียงของหลี่จิงเทียนดังมาจากอีกฟากของประตู

อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่อยากเจอชายคนนี้ แต่ก็ยังปล่อยให้อีกฝ่ายเข้ามาในออฟฟิศอยู่ดี

“มีเรื่องอะไรเหรอ?”

“ฮะ ๆ…พี่เขย นี่ถ้วยชาหยกที่ผมซื้อมาเมื่อสองวันก่อน”

ทันทีที่เข้ามาในห้อง หลี่จิงเทียนก็ยื่นกล่องในมือให้

“ผมรู้ว่าพี่ชอบของโบราณเลยซื้อมาให้เป็นพิเศษน่ะ”

เขาเพิ่งโพสต์ลงโซเชียลไปได้ไม่นานมานี้เองว่า เขาไม่มีรถสปอร์ตเจ็ดแปดคันที่ได้มาเมื่อคราวก่อนอีกแล้ว

เพราะเขาขายพวกมันไปมากกว่าสิบล้านหยวน

อวี้ฮ่าวหรานประหลาดใจเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าเจ้าคนรวยรุ่นที่สองคนนี้ จะเรียนรู้การประจบประแจงคนกับเขาด้วย

รู้สึกพิลึกชอบกล!

แต่เขาก็ไม่ได้ชอบของขวัญของอีกฝ่ายมากนัก

อวี้ฮ่าวหรานมองดูมัน ขณะที่คิดว่าจะรอให้อีกฝ่ายเดินออกไป แต่แล้วก็ต้องประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อพบว่าถ้วยชาหยกในกล่องมีรัศมีบางอย่างแผ่ซ่านออกมาด้วย

“อะไรกัน?”

หลังจากที่อุทานเล็กน้อย อวี้ฮ่าวหรานก็เปิดกล่องและตรวจสอบมันด้วยดวงตาเทพเจ้าอย่างระมัดระวัง

เขาพบว่ามันมีรัศมีบางอย่างอยู่จริง ๆ แม้จะมีไม่มากนักแต่ก็ยังนับเป็นกลิ่นอายโบราณ

น่าสนใจทีเดียว!

ใครจะไปคิดว่าเจ้าคนรวยรุ่นที่สองท่านนี้จะซื้อของที่มีกลิ่นอายโบราณมาจริง ๆ

“ใช่ ไม่แย่เลย”

อวี้ฮ่าวหรานหยิบถ้วยชาหยกขึ้นมามองดูอย่างละเอียด

ตอนแรกสีหน้าของหลี่จิงเทียนแสดงความไม่พอใจเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นว่าพี่เขยชื่นชม เขาก็ดูภาคภูมิใจขึ้นมาในทันใด

“นี่ พี่เขย ผมซื้อมาให้พี่โดยเฉพาะเลยนะ ใช้เวลาเลือกตั้งนาน”

ท่าทีของเขาดูประจบสอพลอและมีความสุขอย่างถึงที่สุด ในที่สุดเขาก็สามารถทำอะไรให้พี่เขยได้สักครั้ง

“โอเค นายต้องการอะไร?”

อวี้ฮ่าวหรานไม่ชอบท่าทีของอีกฝ่ายนัก จึงโบกมือให้อย่างไม่ใส่ใจ

“พี่เขยคิดว่าผมเป็นคนแบบไหนเนี่ย? ผมแค่เอาของมาให้พี่เขยเองนะ”

เขาไม่คิดว่าหลี่จิงเทียนจะไม่ใช่โอกาสนี้ขออะไรบางอย่าง ทว่าทันทีที่พูดจบ เขาก็เริ่มประจบประแจงอีกครั้ง

“อ้อ เอ่อ ใช่… ถ้าพี่เขยไม่ว่าอะไร ผมอยากขยายออฟฟิศน่ะ ผมมีของเยอะจนวางไม่พอแล้ว”

“ผู้จัดการหวังบอกว่าการขยายออฟฟิศต้องได้รับคำอนุญาตจากพี่เขยก่อน”

เมื่อพูดจบ เขาก็พูดเสริมอีกประโยค

อวี้ฮ่าวหรานมองอีกฝ่ายด้วยความสนใจ เขารู้จักเจ้าคนรวยรุ่นที่สองคนนี้ดีเกินไป

รีบไปก็ไม่ได้ประโยชน์ แค่ถามไปก่อนคงไม่เป็นไร

“อะไรกัน? ออฟฟิศเดิมของนายใส่ของไม่พอแล้วเหรอ?”

เขาถามด้วยความสงสัย

ถึงชายหนุ่มจะยอมให้เขาเข้ามาทำงานในบริษัท แต่การขยายออฟฟิศก็ทำให้เขาอดประหลาดใจไม่ได้

“อืม…ช่วงนี้ผมซื้อของเยอะน่ะ”

หลี่จิงเทียนดูลังเลเล็กน้อย

“โอเค ไปบอกผู้จัดการหวังว่าฉันตอบตกลง”

มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรและอวี้ฮ่าวหรานก็ตอบตกลงง่าย ๆ

ถ้าเจ้าคนรวยรุ่นที่สองไม่ได้เจอกับเหตุการณ์ใหญ่ ๆ เขากลัวว่าชายหนุ่มจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิต และหมดความคาดหวังในชายคนนี้

หลี่จิงเทียนตื่นเต้นดีใจขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินดังนั้น

“ขอบคุณนะพี่เขย! ผมไปก่อนนะ”

หลังจากนั้นเขาก็กำลังจะออกไปจากออฟฟิศ แต่ในตอนนั้นเองเขาก็ดูราวกับว่านึกบางสิ่งได้

“อ้อ พี่เขย เมื่อวานซืนผมไปบาร์ แล้วเจอหัวหน้าโรงงานของบริษัทเราดื่มอยู่กับคนจากบริษัทอื่น เขาบอกว่ามีชิ้นส่วนจำนวนหนึ่งอะไรสักอย่าง ผมเห็นว่าเขาตกใจตอนที่เห็นผม เหมือนกับว่ามีอะไรผิดปกติแหละ”

ก่อนที่จะออกไปจากห้อง เขาอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังและกลับหลังหันอีกครั้ง

แต่คำพูดเหล่านั้นทำให้อวี้ฮ่าวหรานชะงักไปเล็กน้อยทันที

“เดี๋ยว!”

เขาตะโกนลั่น

“นายมั่นใจนะว่าเห็นหัวหน้าโรงงาน?”

“แน่นอน ผมเคยไปเดินเล่นในโรงงานช่วงที่ไม่มีอะไรทำอยู่”

“แล้วได้ยินอะไรมาบ้างล่ะ?”

อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยสนใจหัวหน้าโรงงานหนุ่มคนนั้นมาก่อนเลย

“ผมไม่รู้เลย… ผมแค่เข้าผิดประตูแล้วก็ได้ยินอะไรมานิดหน่อย”

หลี่จิงเทียนคิดอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็คิดอะไรไม่ออก

“อืม นายไปได้แล้ว”

อวี้ฮ่าวหรานคิดอะไรบางอย่างออกแล้ว ตอนที่มาถึงก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ใส่ใจหัวหน้าโรงงานมากนัก

อย่างไรแล้วอีกฝ่ายก็ดูมีศักยภาพมาก

ในเมื่อถึงขนาดนี้แล้วเขาก็ต้องตอบโต้ดูหน่อย

ในสายการผลิตนั้น ถ้ามีใครสามารถหลอกลวงและซ่อนตัวจากคนอื่น ๆ ได้ก็คงจะมีแต่หัวหน้าโรงงานเท่านั้น

ทั้งหวังจวิ้นและเขาต่างก็ไม่รู้จักเทคโนโลยีการผลิตเฉพาะทางดีนัก

เมื่อมองสถานการณ์โดยรวมแล้ว คงยากที่คนงานที่ทำงานอย่างหนักจะไม่รู้ถึงสาเหตุของความผิดปกติ

ในขณะเดียวกัน ข้างในออฟฟิศของหัวหน้าโรงงาน

หัวหน้าโรงงานหนุ่มคุยโทรศัพท์อยู่

“ไม่ต้องห่วง ไม่มีปัญหาอะไรกับขยะนั่นหรอก วันนั้นเขาเมามากจนไม่รู้ตัวว่าทำอะไรด้วยซ้ำ มันคงจะลืมไปแล้ว”

“อืม ระวังตัวด้วยนะ”

เสียงปลายสายฟังดูเป็นกังวลเล็กน้อย

“ไม่มีอะไรหรอก ผู้บริหารกลับเข้ามาวันนี้แล้วแต่เขาไม่เห็นอะไร ส่วนผมก็ไม่เจอปัญหาอะไรทั้งนั้น เจ้าคนรวยรุ่นที่สองคงจะลืมสิ่งที่เกิดขึ้นวันนั้นไปแล้ว”

“เยี่ยมเลย ทีนี้เราเองก็ต้องเสี่ยงเหมือนกัน ถ้าถูกเจอคงเรื่องใหญ่แน่”

“…”

ทั้งสองพูดคุยกันและวางสาย

หัวหน้าโรงงานหนุ่มคิดว่าอีกฝ่ายระมัดระวังมากเกินไป

“ฮึ เอะอะไปได้ ฉันแค่ซื้อคนในแผนกเทคนิคสองสามคนเอง แค่นี้คิดว่าใครในบริษัทจะจับได้หรือไง?”

โชคไม่ดีนักที่เขาไม่รู้ว่าอวี้ฮ่าวหรานสังเกตเห็นแล้ว!

หลังจากที่หลี่จิงเทียนเตือน เขาก็นึกปัญหาออกหลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่ง

“ประธานอวี้ คุณคิดว่าปัญหาอยู่ที่หัวหน้าโรงงานเหรอ?”

หวังจวิ้นถูกเรียกตัวมาอย่างเร่งด่วน และพอจะเข้าใจปัญหาบางส่วนแล้ว

“น่าจะเป็นแบบนั้น ถ้าเป็นปัญหาภายใน ผมคิดว่าต้นเหตุคงจะมาจากฝ่ายเทคนิค”

อวี้ฮ่าวหรานกล่าวและพยักหน้า

ประสบการณ์ชีวิตหลายร้อยปีทำให้เขามองเรื่องนี้ออกได้อย่างง่ายดาย

เขาไม่เคยคิดว่าจะถูกเจาะเข้ามาทำลายจากภายในมาก่อน ตอนนี้หากมีปัญหาอะไรกับชิ้นส่วนทั้งหมด นอกจากความผิดปกติในโรงงานแล้ว ก็มีแนวโน้มว่าจะมีปัญหาในฝ่ายเทคนิคด้วยเช่นกัน

“คุณว่าเราไว้ใจช่างเทคนิคได้ไหม?”

เขากลับหลังหันเข้ามาในออฟฟิศ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมา

“นั่น… ถ้ามีปัญหาภายใน ช่างเทคนิคส่วนมากในบริษัทก็ดูจะเชื่อใจไม่ได้ครับ”

หวังจวิ้นดูลังเลเล็กน้อย ตอนนี้หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความวิตกกังวล

ถ้ามีปัญหาภายใน งั้นเขาก็ต้องเป็นคนทำแน่

“นั่นแหละ”

อวี้ฮ่าวหรานคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกดโทรออก