ตอนที่ 253 พบกันครั้งแรก

มาถึงจิงเฉิงอีกครั้งหนึ่ง ไม่รู้ว่าเพราะอะไร จู่ๆ หยางโปก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา

ก่อนหน้าที่มาถึงจิงเฉิง ถึงแม้ครั้งแรกจะเป็นการเข้าร่วมการสัมมนา เขาก็ไม่ได้คิดอะไร ถึงขนาดไม่ได้ครุ่นคิดมากมาย แต่ว่าครั้งนี้ เขากลับรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา

เขามองไปที่อาคารสูงรอบด้าน อาคารที่สูงตระหง่านเหล่านี้ให้ความรู้สึกกดดัน ทำให้หยางโปรู้สึกไม่สบายตัว

แต่ว่าไม่นานเขาก็อดทนเอาไว้ได้

หยางโปดึงลัวย่าวหัวอีกครั้งหนึ่ง ” มันเรื่องอะไรกันแน่ ? “

 

ลัวย่าวหัวส่ายหน้า ” เรื่องนี้ไม่ต้องมาถามฉัน นายถามเขาโดยตรงเลย ! “

กล่าวจบ ลัวย่าวหัวมองตามนิ้วที่ชี้ไปด้านหน้า ก็คือชุยอี้ผิงที่เดินอยู่ด้านหน้านี่เอง

หยางโปส่ายหน้าอย่างจนปัญหา ” เขาไม่บอกแน่ๆ “

” แต่ทำไมฉันคิดว่าเขาอาจจะบอกล่ะ ? ” ลัวย่าวหัวเองก็จนปัญหา เขาไม่รู้เรื่องราวโดยละเอียด แต่เข้าใจว่าชุยอี้ผิงอยากช่วยหยางโปตามหาพ่อแม่ที่แท้จริง ครั้งนี้ก็น่าจะหาเจอแล้ว

หยางโปถามไม่ออก ทำได้แค่เดินตามไปเท่านั้น ชุยอี้ผิงน่าจะรู้การกระทำด้านหลังของหยางโป เขาหันกลับมามอง ” ฉันจองเป็ดปักกิ่งที่ฉวนจิ่วเต๋อเอาไว้แล้ว ตอนเที่ยงวันนี้พวกเราไปกินเป็ดปักกิ่งกันก่อนนะ “

 

ลัวย่าวหัวบุ้ยปาก เขามาจากจิงเฉิง เป็ดปักกิ่งย่อมกินมาเยอะแล้ว หยางโปก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไร เพราะว่าเป็ดของจินหลิงก็มีชื่อเสียงมาก ทุกตรอกซอกซอยมีร้านต้มเค็มเป็ดทั้งนั้น ตั้งแต่เด็กจนโตไม่รู้ว่ากินเป็ดไปมากเท่าไหร่แล้ว

โชคดีที่ชุยอี้ผิงไม่ได้สนใจสีหน้าของทั้งสองคน เขาเดินเข้าไปในฉวนจิ่วเต๋อก่อนแล้ว เอ่ยเรียกพนักงานต้อนรับครั้งหนึ่งก็มีคนมาพาทั้งสามคนเข้าไปในห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง

เข้าไปในห้องส่วนตัว มองเห็นภายในห้องมีคนผู้หนึ่งนั่งอยู่แล้ว หยางโปก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่จะตกตะลึงในเวลาต่อมา

เพราะว่าเขาพบว่ามีคนหน้าเหมือนกับเขามาก ราวกับมองเห็นหน้าตาของตัวเองในอีกยี่สิบปีให้หลังเลยก็ว่าได้

 

” รีบนั่งเถอะ รีบนั่ง ! ” ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ลุกขึ้นยืน แล้วเอ่ยกับทั้งสามคนอย่างอบอุ่น

” ไม่ต้องอึ้งไป รีบไปนั่งเถอะ ” ลัวย่าวหัวดึงแขนหยางโปข้างหนึ่ง มองเห็นหน้าตาของชายวัยกลางคน ลัวย่าวหัวก็คาดออกแล้ว วันนั้นที่ชุยอี้ผิงพูดถึงเรื่องนี้กับตัวเองเล็กน้อยมาก เขายังคิดว่าอีกฝ่ายอาจจะหลอกตัวเอง ตอนนี้ดูท่าแล้วชุยอี้ผิงจะไม่ได้พูดเหลวไหลจริงๆ

หยางโปลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยังนั่งลงไป ในใจกลับยิ่งไม่สบายใจขึ้นมา เพราะว่าเขาเข้าใจเจตนาของชุยอี้ผิงแล้ว เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมชุยอี้ผิงถึงได้ไปเยี่ยมตนเองถึงบ้าน ถึงขนาดยังรีบร้อนลากเขามาที่จิงเฉิง เกรงว่าจะเป็นเพราะคนตรงหน้านี้ !

 

” สวัสดีทุกคน ฉันเป็นอาของชุยอี้ผิง ฉันชื่อว่าชุยซื่อหยวน อี้ผิงบอกว่าเชิญเพื่อนมากินข้าว ฉันอยู่ที่ห้องส่วนตัวข้างๆ ก็เลยมาดูสักหน่อย ” ชุยซื่อหยวนเอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ถึงแม้จะเอ่ยอธิบายกับทุกคน แต่สายตาของเขากลับตกอยู่ที่ร่างของหยางโปตลอด

เหตุผลนี้ไม่มีอะไรจริงๆ ในสถานการณ์ปกติแล้วถึงแม้จะมาพูดคุย แต่ตอนที่อยู่ในห้องส่วนตัวแล้ว เขาไม่อดทนนั่งรออยู่ข้างในแบบนี้หรอก ถึงแม้จะเป็นผีก็เข้าใจเจตนาของเขา

หยางโปหลังจากนั่งลงแล้วก็ไม่ได้พูดจา

ชุยอี้ผิงเร่งรีบเรียกบริกร หยิบเมนูมาส่งให้ ” หยางโป สั่งอาหารก่อนเถอะ กินอิ่มแล้วค่อยว่ากันนะ “

ชุยซื่อหยวนเองก็พยักหน้า ” รีบสั่งอาหารเถอะ รีบมาจากจินหลิง พวกเธอหิวกันแล้วสินะ ! “

 

ลัวย่าวหัวรีบหยิบเมนูมาแสร้งทำเป็นอ่านดู ปากก็เอ่ยว่า ” ดูน่าอร่อยมากเลยนะ ! “

” ถ้าอร่อยงั้นก็สั่งมาเลย ! ” ชุยซื่อหยวนเอ่ยอย่างฮึกเหิม

ลัวย่าวหัวหัวเราะ ” ถ้างั้นผมก็ไม่เกรงใจแล้วนะ “

ลัวย่าวหัวสั่งอาหารด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทุกคนมองออกได้ทั้งนั้นว่าเขาอยากจะกระตุ้นบรรยากาศ

หยางโปไม่ได้เอ่ยปาก ทั้งไม่ได้สั่งอาหาร ชุยอี้ผิงเอ่ยถามเขาอีกครั้ง เขาก็ส่ายหน้าแล้วยิ้มว่า

” พวกคุณสั่งเถอะ “

ไม่นานก็สั่งอาหารกันเรียบร้อย

น้ำชายกมาเสิร์ฟแล้ว ชุยซื่อหยวนลุกขึ้นยืน รินชาให้กับทุกคนพลางเอ่ยว่า

” ชานี้เพื่อนร่วมรบของฉันที่จินหลิงส่งมาให้ เขาทำงานอยู่ที่นั่นหลายปีแล้ว ทุกปีก็จะปีนขึ้นเขาจื่อจินไปเก็บใบชา ทุกปีก็จะส่งมาให้ฉันนิดหน่อย “

 

” เขาทำงานที่กระทรวงความมั่นคง หลายปีมานี้ ฉันรบกวนให้เขาสืบหาเรื่องบางเรื่องมาตลอด ทั้งทุกปีก็ได้รับของขวัญจากเขา รู้สึกละอายจริงๆ “

ชุยซื่อหยวนกล่าวอย่างอ้อมค้อมมาก แต่ความหมายในคำพูดนั้นชัดเจนมาก ความหมายคือบอกว่าหลายปีมานี้เขาไม่ได้ลืมที่จะตามหาหยางโป แต่หยางโปไม่ได้ซาบซึ้งเลยแม้แต่น้อย สีหน้าของเขาไร้อารมณ์ ไม่ได้เอ่ยอะไร

” ถ้างั้นมันก็ไม่ง่ายดายเลยจริงๆ ” ลัวย่าวหัวเอ่ยปาก

” ใช่แล้ว ไม่ง่ายเลย ” ชุยซื่อหยวนกล่าว

ลัวย่าวหัวหันหน้ามามองหยางโป เห็นเขาไม่มีปฏิกิริยาอะไรก็จำต้องรับหัวหน้าสนทนาไป มองชุยซื่อหยวน ” เพื่อนร่วมรบของคุณอาชุยชื่ออะไรครับ ? “

 

ชุยซื่อหยวนมองลัวย่าวหัว เขาชื่นชมลัวย่าวหัวมาก เขาเองก็ตรวจสอบประวัติของลัวย่าวหัวมาแล้ว รู้ว่าเจ้าหนุ่มนี้เป็นคนดีมาก ดูจากตอนนี้ก็รู้แล้ว เขารู้จักปฏิบัติตัวต่อผู้คนดีมาก ที่สำคัญที่สุดก็คือลัวย่าวหัวใส่ใจหยางโปมาก

” เขาแซ่เฉา ชื่อเฉาเมิ่ง ! ” ชุยซื่อหยวนกล่าว

” โอ้ ที่แท้ก็เป็นคุณอาเฉา เฉาเมิ่ง พวกเราสนิทกันมากครับ ” ลัวย่าวหัวกล่าว

ชุยซื่อหยวนหัวเราะฮ่าฮ่า ” พ่อของนายเคยทำงานอยู่ที่จินหลิงระยะหนึ่ง ตอนนี้ก็นับว่าเลื่อนขั้นแล้ว ฉันยังไม่ได้ไปแสดงความยินดีกับเขาเลย ! “

” ฮ่าฮ่า ยินดีต้อนรับคุณอาชุยนะครับ ” ลัวย่าวหัวกล่าว

 

หยางโปนั่งอยู่ด้านข้าง เขาไม่ชอบการสนทนาแบบนี้เลยสักนิด เขาไม่สนใจการพูดคุยแบบนี้สักเท่าไหร่ เขาอยากฟังคำขอโทษของอีกฝ่ายมาตลอด ปีนั้นทำไมถึงได้ทอดทิ้งเขา แต่ว่าชุยซื่อหยวนพูดเรื่องที่ไม่สลักสำคัญนี่อยู่ตลอด สิ่งนี้ทำให้เขาไม่ยินดียอมรับ

การสนทนารี้เรื่อยเปื่อยกันไปอีกยกหนึ่ง หยางโปก็อ้างว่าจะไปห้องน้ำแล้วเดินออกไป

ชุยอี้ผิงเร่งรีบวิ่งออกมา เขาวิ่งตามมาอยู่ด้านหลังของหยางโป หยางโปเหลือบมองเขา

” กลัวว่าฉันจะวิ่งหนีไปเหรอ ? “

ชุยอี้ผิงยิ้ม ” จะเป็นไปได้ยังไง ฉันแค่จะไปห้องน้ำพอดีก็เท่านั้นเอง “

หยางโปส่ายหน้า ไม่ได้พูดอะไรมาก

ตลอดทางมีชุยอี้ผิงเดินตามมาด้วย หยางโปก็ไม่ได้สนใจ เดินมาถึงด้านนอกห้องน้ำ เขาถึงได้เอ่ยถามประโยคหนึ่ง ” ทำไมไม่บอกฉันให้เร็วกว่านี้ ? “

 

” ถ้าหากบอกเร็วเกินไป กลัวว่านายจะรับไม่ไหว ” อีกฝ่ายตอบ

หยางโปไม่ได้เอ่ยปากอีก ว่ากันตามตรงแล้วจนกระทั่งตอนนี้เขายังรู้สึกรับไม่ได้อยู่ตลอด เดิมทีเขายังคิดว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องไปตามหาพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด แล้วเรื่องราวก็ไม่น่าพลิกตาลปัตรมากนัก คิดไม่ถึงว่าพ่อแม่ที่แท้จริงของตัวเองจู่ๆ ก็จะโผล่ขึ้นตรงหน้า

หยางโปหันหน้ามามอง ” ถ้าหากฉันบอกว่าตอนนี้ยังรับไม่ได้ล่ะ ? “

” ฉันก็คิดว่าธรรมดามาก ยังไงก็ไม่ได้ติดต่อกันหลายปีขนาดนี้ ” ชุยอี้ผิงตอบ กล่าวจบเขาก็จ้องมองหยางโป ” แต่ว่า ฉันยังคิดแนะนำให้นายติดต่อเขาให้มากหน่อย คุณอาของฉันเป็นคนดี เขาตามหานายมาตลอดหลายปีมานี้ไม่เคยเปลี่ยน “

หยางโปไม่ได้พูดอะไร เขาก็เดินออกมาจากห้องน้ำ และเดินมุ่งไปที่ห้องส่วนตัว