นางกำนัลเดินไปอย่างรวดเร็วและไม่ได้มองไปข้างหน้า เมื่อนางสังเกตเห็นเฟิงหยูเฮงและหวงซวน มันก็ช้าเกินไปเมื่อนางชนเข้ากับพวกเขา

หวงซวนรีบหยุดนางอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้ชนเฟิงหยูเฮง แต่นางกำนัลตื่นตระหนกและคุกเข่าลงอย่างรวดเร็ว พลางเอ่ยว่า “ข้าไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร แต่บ่าวรับใช้ผู้นี้ไม่ได้ตั้งใจเจ้าค่ะ ไว้ชีวิตข้าด้วยเจ้าค่ะ ! ”

เฟิงหยูเฮงมองนางซักพัก เมื่อเห็นว่านางทำท่ากระวนกระวาย นางจึงถามว่า “เจ้ามาจากตำหนักไหน ? ทำไมเจ้าต้องเร่งรีบเช่นนี้ ? ”

บ่าวรับใช้ในพระราชวังกล่าวว่า “บ่าวรับใช้ผู้นี้มาจากตำหนักฉิงอัน พระสนมอันป่วยหนักเจ้าค่ะ ข้ารีบไปเชิญหมอหลวงเจ้าค่ะ”

“พระสนมอัน ? ” เฟิงหยูเฮงกระพริบตาสองสามครั้ง การไปเยี่ยมเยียนเทียบไม่ได้กับการมอบความเห็นอกเห็นใจในเวลาที่ต้องการ นางจึงกล่าวว่า “องค์หญิงแห่งมณฑลผู้นี้กำลังคิดว่าที่จะไปเยี่ยมพระสนมอัน ในเมื่อข้าได้ยินเรื่องนี้ ข้าคงนิ่งดูดายไม่ได้ ข้าจะไปกับเจ้าเพื่อตรวจอาการป่วยของพระสนมอัน ! ”

ราชวงศ์ต้าชุนมีองค์หญิงแห่งมณฑลคนเดียวเท่านั้น นางกำนัลจะไม่ทราบได้อย่างไรว่าใครกำลังยืนอยู่ตรงหน้านาง แม้ว่าการเชื้อเชิญองค์หญิงแห่งมณฑลให้ไปพบผู้ป่วยนั้นไม่เหมาะสม องค์หญิงแห่งมณฑลเป็นหมอเทวดา นี่คือสิ่งที่ทุกคนในเมืองหลวงรู้ดี นางต้องการให้ใครซักคนไปตรวจอาการป่วยทางจิตของพระสนมอัน แต่นางรู้สึกว่าไม่เพียงแต่สำนักหมอหลวงอยู่ไกลเกินไป แต่นั่นยังไม่รับประกันว่าพวกเขาจะยินดีไปที่ตำหนักฉิงอัน ดังนั้นนางจึงกัดฟันและคำนับเฟิงหยูเฮง พลางกล่าวว่า “บ่าวรับใช้ผู้นี้ขอบคุณองค์หญิงแห่งมณฑลสำหรับความเมตตาเพคะ ! องค์หญิงแห่งมณฑลโปรดติดตามบ่าวรับใช้คนนี้ไปตำหนักฉิงอันเพคะ ! ”

เช่นนี้เฟิงหยูเฮงได้รับเชิญให้ไปยังตำหนักชิงอัน หลังจากเข้าไปในตำหนักแล้ว นางก็ได้ยินเสียงใครบางคนกรีดร้องราวกับว่าพวกเขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ “ฆ่าสัตว์ร้ายนั่น ! ฆ่ามัน ! ” เสียงขวดและเหยือกดังตามมาทันที เมื่อติดตามสิ่งนี้ เสียงของคนที่ตะโกนด้วยความโกรธ “ข้าให้กำเนิดบุตรชายแบบนี้ได้อย่างไร ? ข้าไม่ได้ให้กำเนิดเขา ! ไม่อย่างแน่นอน ! “

นางกำนัลที่เชิญเฟิงหยูเฮงมาทำอะไรไม่ถูก แล้วกล่าวว่า “พระสนมอันเกิดอาการคลุ้มคลั่งมาแล้วระยะหนึ่ง โดยปกติแล้วพระสนมอันจะร้องเพลงหรือร้องไห้ หลังจากนั้นไม่นานพระสนมก็จะดีขึ้น แต่คราวนี้เริ่มตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ อาการพระสนมยังไม่ดีขึ้น พระสนมตีผู้คน ขันทีและนางกำนัลถูกตีจนตายเพคะ”

“ร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรือ ? ” เฟิงหยูเฮงสงสัยเล็กน้อย ในตอนแรกนางคิดว่าพระสนมอันเพียงแต่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้จนนำไปสู่ปัญหา อย่างไรก็ตามเฟิงหยูเฮงไม่คิดว่านางจะคลุ้มคลั่งถึงระดับนี้

นางเพิ่มความเร็วในการเดินของนางเข้าไปในห้อง เมื่อเข้าไปในห้องนอนของพระสนมอัน นางเห็นผู้หญิงคนหนึ่งแต่งกายชุดราชสำนัก ผมยุ่งเหยิงนั่งอยู่บนพื้น ผ้าของชุดราชสำนักค่อนข้างดี แต่สีซีดจาง และมันดูใหญ่ไปหน่อย

เฟิงหยูเฮงรู้ว่าคนผู้นี้จะต้องเป็นพระสนมอัน และในเวลานี้นางกำลังจับนางกำนัลที่ทำความสะอาดในพระราชวัง ในขณะที่ดึงผมของนางกำนัล นางตะโกน “มีประโยชน์อะไรที่ข้าเลี้ยงดูเจ้า ? ทำไมเจ้าไม่ฆ่าเขา ทำไมเขายังมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข ? อาจเป็นเพราะเจ้าทำงานไม่ดี และเจ้าก็ร่ายรำได้ไม่เหมือนนาง ! ”

นางกำนัลตัวเล็กและมีใบหน้าที่สวยงาม เอวของนางเล็กมากจนมือผู้ชายสามารถโอบรอบได้ แม้ว่านางจะสวมเครื่องแบบนางกำนัลก็ยังสามารถเห็นว่านางมีความโดดเด่น

โชคไม่ดีที่ไม่ว่าคนผู้นั้นจะสวยงามเพียงใด พวกนางก็สูญเสียความงามจากการถูกทำร้ายโดยพระสนมอัน นางคุกเข่าบนพื้นไม่สามารถหลุดพ้นจากการเป็นอิสระ หรือหลบได้ นางไม่สามารถตอบโต้พระสนมอันได้ นางทำได้แค่กัดฟันและทนกับมัน แม้จะถูกกดดันอย่างหนักนางก็ไม่ได้ร้องไห้ออกมา

เฟิงหยูเฮงจำนางได้ว่านางคือหงหยุน แน่นอนว่าเฟิงหยูเฮงไม่เชื่อว่าเป็นชื่อจริงของนาง ดังนั้นนางจึงถามนางกำนัลที่อยู่ข้าง ๆ นาง “คนที่พระสนมอันจับนั่นคือใคร ? ”

นางกำนัลตอบ “นั่นคือหยินหลานเพคะ พระสนมจะให้การสนับสนุนนางมากที่สุด แต่ทุกครั้งที่พระสนมอันล้มป่วย นางก็เป็นคนที่ทนทุกข์ทรมานมากที่สุด”

เฟิงหยูเฮงพยักหน้าแล้วเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว นางคว้าข้อมือของพระสนม นางได้ยินเสียงตะโกนดัง ๆ ว่า “อย่าแตะต้องข้า ! ชิ ! ปล่อยข้า ! ” แต่เมื่อนางตะโกนสิ่งนี้ เปลือกตาของนางก็ปิด นางหลับไปแล้ว

ในที่สุดหยินหลานก็หลุดพ้นและได้แต่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อนางเงยหน้าขึ้นและเห็นเฟิงหยูเฮง ความสงบของนางหายไปในทันที “องค์หญิงแห่งมณฑล” นางคุกเข่าและก้มหัวลง หลังจากพูดว่าองค์หญิงแห่งมณฑล นางไม่ได้พูดอะไรอีกต่อไป

เฟิงหยูเฮงไม่สนใจนาง เนื่องจากนางให้นางกำนัลคนหนึ่งของตำหนักฉิงอันนำพระสนมอันไปวางบนเตียง จากนั้นนางก็ดึงเข็มสีเงินออกจากแขนเสื้อของนาง และเริ่มฝังที่หัวของพระสนมของอัน

เมื่อเห็นเช่นนี้ ในที่สุดนางกำนัลของตำหนักฉิงอันก็รู้สึกสบายใจ หากพวกเขาไม่ได้วิ่งเข้าไปในพระราชวัง ไม่เจอองค์หญิงแห่งมณฑลจี่อัน บางทีอาจจะมีผู้คนจำนวนมากที่ต้องตกตาย หมอหลวงส่วนใหญ่จะสั่งยาหลังจากพบนาง พระสนมอันถือว่าเป็นพระสนมที่ถูกทอดทิ้ง ฮ่องเต้พระราชทานตำหนักให้แก่นาง และไม่ลดตำแหน่งของนางก็ค่อนข้างดีอยู่แล้ว เขาจะดูแลนางได้อย่างไร

หยินหลานคุกเข่าตรงกลางห้องโดยไม่ลุกขึ้นยืน นางกำนัลที่พาเฟิงหยูเฮงไปที่ตำหนักฉิงอันรู้สึกว่ามันแปลกเล็กน้อย นางต้องการไปและถาม อย่างไรก็ตามนางรู้สึกว่าองค์หญิงแห่งมณฑลจี่อันมีท่าทางเศร้าหมองแม้จะมาทำการรักษาพระสนมอัน นางไม่กล้าถามมากเกินไป ดังนั้นนางทำได้แค่ยืนอยู่ข้าง ๆ

หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม เฟิงหยูเฮงก็เอาเข็มเงินทั้งหมดออกจากหัวของพระสนมอัน จากนั้นนางก็ดึงขวดขนาดเล็กออกมาจากแขนเสื้อของนาง และเทยาลงไปสองสามเม็ดและป้อนเข้าไปในปากของนางสนมอัน จากนั้นนางก็สั่งการว่า “ไปเอาน้ำมาป้อนพระสนม หลังจากนั้นไม่นานพระสนมก็คงจะตื่น”

นางกำนัลปฏิบัติตามและออกไปเอาน้ำ เฟิงหยูเฮงยืนขึ้นแล้วเหลือบไปที่หยินหลาน จากนั้นก็เริ่มเดินออกไปพร้อมกับกล่าวว่า “ข้าอยากคุยกับเจ้า ตามข้ามา”

หยินหลานยืนขึ้นขณะที่นางเดินตามอย่างระมัดระวัง เดินตามหลังเฟิงหยูเฮง บ่าวรับใช้คนอื่นคิดเพียงว่าเฟิงหยูเฮงต้องการถามเกี่ยวกับอาการป่วยของพระสนม ดังนั้นจึงไม่มีใครคิด ทุกคนต่างแยกย้ายกันไป

เฟิงหยูเฮงไม่ได้ไปไกลนักเพราะนางนั่งลงที่ทางเดินใกล้ ๆ หยินหลานยืนอยู่ตรงหน้านางโดยที่ไม่หยิ่งจองหองเหมือนตอนที่นางเป็นหงหยุน เมื่อมองดูนางตอนนี้ นางยังดูเยือกเย็นเล็กน้อย

หวงซวนรู้จักนางมานานแล้ว ก่อนที่เฟิงหยูเฮงจะพูด นางก็รีบพูดขึ้น และพูดอย่างโกรธเคืองว่า “เจ้าเปลี่ยนเสื้อผ้าและแอบเข้าไปในคฤหาสน์เฟิง เจ้าตั้งใจทำอะไร ? ”

นางไม่พูด

หวงซวนจ้องมองนางอย่างโกรธเคือง “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าฆ่าเจ้าได้”

นางยังไม่พูด

เฟิงหยูเฮงหัวเราะทันที “อารมณ์ของเจ้ายังคงเป็นของหงหยุน แต่การช่วยมารดาที่บ้าคลั่งทำร้ายบุตรชายของนางเองเป็นสิ่งที่ทำให้ฟ้าพิโรธ”

ในที่สุดหยินหลานก็ตอบสนอง แม้กระนั้นดวงตาของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงในขณะที่นางกำมือของนาง

เฟิงหยูเฮงกล่าวต่อว่า “ตบมือข้างเดียวนั้นไม่ดัง หญิงชายพร้อมใจกัน แม้ว่าคนหนึ่งตายไปแล้วก็ไม่ควรโทษว่าเป็นความผิดของอีกฝ่าย” นางเงยหน้าขึ้นมองหยินหลาน “มันผ่านมาหลายปีแล้วนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ และจิตใจของพระสนมก็สับสน มันคงน่าเบื่อสำหรับเจ้าที่จะอยู่เคียงข้างพระสนม และเตือนพระสนมตลอดเวลาให้เกลียดบุตรชายของตัวเอง”

เมื่อหยินหลานได้ยินสิ่งนี้ นางตกใจในตอนแรก แต่หลังจากนั้นนางก็เริ่มหัวเราะ ราวกับว่านางเคยได้ยินเรื่องตลกที่สุด นางชี้ไปที่เฟิงหยูเฮงและกล่าวว่า “องค์หญิงแห่งมณฑลจะรายงานความผิดเรื่องนี้ต่อองค์ชายห้าใช่หรือไม่ ? เป็นไปได้หรือไม่ที่องค์หญิงลืมไปแล้วว่าคนแรกที่ผลักพระองค์ลงไปในน้ำคือองค์หญิง ! ”

เฟิงหยูเฮงพยักหน้าเพราะนางไม่ได้หลีกเลี่ยงความรับผิดชอบนี้ “ใช่ ข้าเป็นคนทำ”  นางพูดว่า “ในเวลานั้นข้าต้องการผลักองค์ชายที่ต่ำช้าลงไปในน้ำ อย่างไรก็ตามความผิดพลาดเนื่องจากสถานการณ์แปลก ๆ ทำให้เขาจมลงไปในน้ำเหล่านี้มากขึ้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าการผลักเขาลงไปในน้ำนั้นถูกต้อง เขาควรจะตาย”

นางเพิ่งจะขว้างคำทั้งสองออกไปให้ตาย ทำให้หยินหลานสับสนเล็กน้อยขณะที่นางรีบพูดว่า “ข้าไม่ได้พูดแบบนั้น”

เฟิงหยูเฮงบอกนางว่า “ความคิดของข้าที่บอกว่าเขาควรตายนั้นแตกต่างจากสิ่งที่เจ้าคิด สำหรับข้า เขาจะตายแน่นอน แต่สำหรับเจ้า… พูดมา พระสนมที่จมน้ำตายในปีนั้น นางเกี่ยวข้องเป็นอะไรกับเจ้า ? ”

หยินหลานตกใจแล้วจ้องมองเฟิงหยูเฮง นางรู้สึกว่าดวงตาที่ลึกซึ้งของเฟิงหยูเฮงดูเหมือนจะสามารถมองเห็นทุกสิ่ง แม้ว่านางจะไร้ความหวังใด ๆ ที่จะซ่อนมันจากทุกคน เฟิงหยูเฮงชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของนางกับพระสนมผู้นั้นโดยตรง ไม่เพียงแต่พบว่านางเป็นนางกำนัลที่ตำหนักฉิงอัน ทำให้นางรู้สึกกลัวเล็กน้อย

เมื่อเห็นว่านางลังเลและไม่พูดอะไร เฟิงหยูเฮงยิ้ม และดล่าวว่า “ศัตรูของเจ้าคือมิตรของเจ้า ข้าไม่มีความตั้งใจที่จะทำลายเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะพูดหรือไม่ก็ตาม นั่นขึ้นอยู่กับเจ้า ข้ามาที่ตำหนักฉิงอันเพื่อค้นหาคำตอบบางอย่าง หากเจ้าสามารถช่วยขจัดความสงสัยของข้า หยินหลาน หากเจ้าไม่อยากตาย ข้าอาจช่วยเจ้าได้”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของหยินหลานที่เป็นเหมือนทะเลสาบอันเงียบสงบ ทันใดก็เผยคลื่นบางอย่างเมื่อนางถามอย่างไม่รู้ตัว “จริงหรือ ? ”

เฟิงหยูเฮงพยักหน้า “ใช่”

ความหวังในดวงตาของหยินหลานนั้นเด่นชัดยิ่งขึ้น

นางคิดอยู่แล้วว่านางไม่สามารถหลีกเลี่ยงความตายได้ เข้าสู่พระราชวัง และเดินไปตามเส้นทางนี้นางไม่เคยคิดจะออก แต่ไม่ว่านางจะวางแผนหรือไม่ก็ตาม เมื่อนางได้ยินใครบอกนางว่านางไม่ต้องตาย นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ด้วยเหตุผลบางอย่างนางเชื่อมั่นในตัวเฟิงหยูเฮง แม้ว่าเฟิงหยูเฮงจะอายุน้อยกว่านางมาก แต่นางก็เชื่อใจทุกคำที่องค์หญิงแห่งมณฑลจี่อันกล่าว

หยินหลานไตร่ตรองอยู่พักหนึ่ง นางพูดอย่างตรงไปตรงมา “ดี ข้าจะพูด พระสนมที่ตายไปคือพี่สาวของข้า เมื่อนางเข้าไปในพระราชวังตอนแรกนางเป็นแค่นางรำ อย่างไรก็ตามนางเหมือนพระชายาหยุนเล็กน้อย ครั้งหนึ่งฮ่องเต้เมาและทรงโปรดปรานนางเป็นเวลา 1 คืน แต่น่าเสียดายที่ฮ่องเต้เริ่มรู้สึกเสียใจหลังจากคืนนั้น และรู้สึกผิดต่อพระชายาหยุน พระองค์จึงไม่เคยไปเยี่ยมพี่สาวของข้า แม้กระนั้นพระองค์ทรงพระราชทานตำแหน่งพระสนมเพื่อที่นางจะได้เข้าไปในพระราชวัง และอยู่อย่างไร้กังวล ใครจะรู้ว่าองค์ชายห้าจะรนหาที่ตายและตกหลุมรักพี่สาวของข้าด้วย ! เมื่อเขาทำดีกับนางทุกอย่าง พี่สาวของข้าก็ประทับใจ อย่างไรก็ตามกำแพงของพระราชวังนั้นบาง หลังจากที่เหตุการณ์ผ่านไป พี่สาวของข้าถูกประหารชีวิตในความลับนี้ แต่องค์ชายห้ายังมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข บอกข้าทีว่านี่ยุติธรรมหรือไม่ ? ”

เฟิงหยูเฮงคิดกับตัวเองว่าการคาดเดาของนางถูกต้อง เมื่อนางสังเกตเห็นว่าหงหยุนได้รวมตัวกันในตำหนักฉิงอัน นางรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ปกติ จิตใจของพระสนมอันสับสนในขณะที่นางใช้เวลาทุกวันเพื่อหาวิธีฆ่าบุตรชายของตัวเอง หงหยุนไปสอนเฟินไดว่าจะร่ายรำอย่างไร ทำให้เห็นได้ชัดว่าพระสนมอันกำลังพยายามทำร้ายองค์ชายห้า ถ้ามีคนกล่าวว่าหงหยุนเป็นคนอื่นและไม่มีเป้าหมายของตัวเอง นางคงไม่เชื่ออย่างแน่นอน การร่ายรำบนหิมะที่สวยงามไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนรู้วิธีการแสดง พระสนมจะสอนหงหยุนโดยบังเอิญได้อย่างไร?

หยินหลานพูดต่อ “ข้าไม่ได้เกลียดฮ่องเต้ และข้าไม่ได้เกลียดพระชายาหยุน หากไม่มีองค์ชายห้า พี่สาวของข้าจะยังคงอยู่ในตำหนักของนาง ดำเนินชีวิตอย่างมีเกียรติ ทั้งหมดนี่เป็นความผิดขององค์ชายห้า นั่นเป็นเหตุผลที่เขาสมควรตาย”

เฟิงหยูเฮงไม่ได้พูดอะไรอีก ความเกลียดชังของหยินหลานสำหรับซวนเทียนหยานนั้นไม่เกี่ยวข้องกับนาง หากหยินหลานร่วมมือกับพระสนมอันเพื่อฆ่าซวนเทียนหยาน นางก็จะได้รับโทษน้อยลง

“ข้าได้ยินมาว่าคฤหาสน์ขององค์ชายห้าเคยมีนางสนมมาจากชายแดนภาคใต้ เป็นเรื่องจริงหรือไม่ ? ” นางถามหยินหลาน “แม้ว่าพระสนมอันจะเกลียดบุตรชายของตัวเอง แต่องค์ชายห้าก็ยังรักพระสนมอันอยู่ พูด ถ้าพระสนมอันทำไม่ดีกับองค์ชายห้า องค์ชายห้าจะยอมหรือ ? ”

เมื่อพูดแบบนี้ หยินหลานดูเหมือนจะเข้าใจความหมาย โดยไม่ตอบกลับ นางชี้ไปที่มุมหนึ่งแล้วพูดกับเฟิงหยูเฮง “องค์หญิงแห่งมณฑลมองไปที่นั่นเพคะ”