ตอนที่ 412 หลอกใช้

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 412 หลอกใช้

“หากมิสบายก็ควรนอนพักอยู่ในเรือน”

หลิงอวี่หนิงตอบกลับเหมือนเป็นคนดี “ได้มีโอกาสมาพูดคุยกับพี่สาวเช่นนี้ จักให้อวี่หนิงปฏิเสธน้ำใจของท่านได้เยี่ยงไร”

คำกล่าวนี้ทำให้ทัวป๋าถิงฟางรู้สึกละอายใจขึ้นมา จากนั้นก็หันไปพูดกับเยว่เอ๋อที่อยู่ข้างกายของหลิงอวี่หนิง “พวกเจ้าปล่อยให้นายหญิงที่มิค่อยสบายออกมาข้างนอกได้เยี่ยงไร ? ”

สาวใช้ได้ยินคำตำหนิของทัวป๋าถิงฟาง แม้รู้สึกมิพอใจแต่ด้วยฐานะของทัวป๋าถิงฟางแล้วนางจึงทำได้เพียงคุกเข่าลง

“ทัวป๋าเช่อเฟยโปรดอภัยด้วยเจ้าค่ะ บ่าวเองก็ได้เกลี้ยกล่อมแล้ว แต่นายหญิงของบ่าวถูกชะตากับท่านจริง ๆ จึงได้…”

“ช่างเถิด” แววตาที่ลุกโชนของนางจ้องไปทางสาวใช้ที่คุกเข่าอยู่ นึกมิถึงว่าสาวใช้คนนี้ฉลาดพูดยิ่งนัก

ทัวป๋าถิงฟางดึงมือของหลิงอวี่หนิงมาพร้อมเอ่ยเบา ๆ “ในเมื่อเจ้ามิค่อยสบาย ข้ามีหมอจากแคว้นชิงเยว่มาด้วย ข้าจักให้เขามาตรวจอาการเจ้าแล้วกัน”

“ข้าจักรบกวนพี่สาวได้อย่างไร” หลิงอวี่หนิงแม้กล่าวเช่นนั้น แต่ตอนนี้นางก็มีแผนบางอย่างผุดขึ้นในใจ

ก่อนหน้านี้นางบังเอิญได้ยินเรื่องอาการป่วยของอันหลิงเกอจากฟางซู่ซู่ หากหมอของแคว้นชิงเยว่รู้เรื่องนี้ นางก็อาจสืบอันใดได้บ้าง

“ให้มาดูหน่อยดีกว่า ภายในจวนนี้ เฮ้อ ก็มีแค่เราสองคนเท่านั้น” แค่เรียกหมอมาดูอาการมิได้รบกวนอันใดเสียหน่อย

สาวใช้ที่อยู่ด้านข้างก็มิรู้จักกล่าวเยี่ยงไรดี ได้แต่ก้มหน้าเอาไว้ “เช่นนั้นต้องรบกวนพี่สาวแล้ว” นี่เป็นสิ่งที่หลิงอวี่หนิงปรารถนาไว้อยู่แล้ว นางจักปฏิเสธได้เยี่ยงไร ?

ทัวป๋าถิงฟางจึงสั่งสาวใช้ข้างกาย “ไปเชิญท่านหมอมา”

สาวใช้เดินออกไปมินานก็พาหมอคนหนึ่งเข้ามา ดูจากการแต่งตัวแล้วเป็นคนของแคว้นชิงเยว่มิผิดเพี้ยน

ท่านหมอตรวจอาการหลิงอวี่หนิงอยู่ครู่หนึ่งก็พบว่าร่างกายของนางปกติดีจึงเงยหน้าขึ้นและได้สบเข้ากับแววตาของหลิงอวี่หนิงที่กำลังสื่อความหมายบางอย่างอยู่

เขาเข้าใจได้ทันทีและก้มหน้าลง “หลิงเช่อเฟยแค่ร่างกายค่อนข้างอ่อนแอ กอปรกับความอ่อนเพลียจึงรู้สึกมิค่อยสบายเท่านั้นเองขอรับ”

แค่โกหกไปตามคำขอ มิมีอันใดเกี่ยวข้องกับเขาอยู่แล้ว

เมื่อได้ยินว่าหลิงอวี่หนิงป่วยจริง ๆ ทัวป๋าถิงฟางก็ยิ่งมิสบายใจเข้าไปใหญ่ “เจ้าจัดสมุนไพรที่ช่วยบำรุงร่างกายให้นางด้วย”

ท่านหมอพยักหน้าจากนั้นก็เขียนชื่อสมุนไพรสำหรับบำรุงร่างกายแล้วส่งให้สาวใช้ของหลิงอวี่หนิงแล้วขอตัวออกจากห้องไป

เมื่อคลายมือที่กำอยู่ก็พบเงินจำนวนหนึ่งเพราะตอนที่ส่งใบสั่งยาให้สาวใช้ อีกฝ่ายได้ยัดเงินใส่มือเขามา งานเล็กเช่นนี้มิทำให้องค์หญิงเสียประโยชน์อันใด อีกทั้งยังได้เงินจึงถือว่าคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม

เช่อเฟยผู้นั้นที่จริงมิได้เป็นอันใดเลย แต่บอกว่าตนมิสบายคงเพราะอยากได้รับความเห็นใจจากองค์หญิงของพวกเขาก็เป็นได้

“น้องสาว กลับไปแล้วเจ้าต้องทานยาตามที่ท่านหมอสั่ง” เมื่อเห็นหลิงอวี่หนิงกำลังกลับ ทัวป๋าถิงฟางก็ดึงมือของนางเอาไว้แล้วเอ่ยกำชับขึ้นมา

แม้ทัวป๋าถิงฟางมีนิสัยใจร้อนไปบ้างทว่าก็มีเมตตาต่อผู้อื่นมิน้อย

หลิงอวี่หนิงก็ต้องแสร้งทำตาม นางพยายามปั้นหน้ายิ้มให้ดูอ่อนแรงและตบหลังมือของทัวป๋าถิงฟางเบา ๆ “พี่สาววางใจ ข้าจักดูแลตนเองให้ดี ท่านรีบกลับเข้าห้องเถิด”

ทั้งสองบอกลากันที่ประตูเรือนและหลังจากเยว่เอ๋อประคองหลิงอวี่หนิงจากไปแล้ว ทัวป๋าถิงฟางก็กลับเข้าไปในห้อง

ฟากนายบ่าวทั้งสองเมื่อเห็นอีกฝ่ายจากไปแล้วก็มิได้แสดงละครว่าต้องประคองกันต่ออีก

ขณะเดียวกันอันหลิงเกอก็กำลังไล่จับนกแก้วชื่อฟาไฉที่มู่จวินฮานมอบให้นางอยู่ตรงหลังภูเขาจำลอง เจ้านกตัวนี้ชอบบินเล่นไปทั่ว วันนี้ก็มาเล่นแถวหลังภูเขาจำลองอีก เดิมทีนางอยากจับมันกลับไปแต่ก็ว่องไวสู้นกมิได้

“นายหญิงเจ้าคะ ทัวป๋าเช่อเฟยช่างหลอกง่ายเสียจริงเจ้าค่ะ” เยว่เอ๋อกล่าวพร้อมหัวเราะคิกคักออกมาต่อหน้าหลิงอวี่หนิง

ซึ่งนางก็มิได้โกรธเลย มิหน้ำซ้ำยังพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “เจ้าทำได้ดีมาก ข้าบอกแล้วมิใช่หรือว่าทัวป๋าถิงฟางผู้นั้นเป็นคนโง่งม มิต่างอันใดกับฟางซู่ซู่หรอก”

สาวใช้รีบพยักหน้าเห็นด้วยทันที “ใช่เจ้าค่ะ มิว่านายหญิงกล่าวอันใดนางก็เชื่อไปหมด อีกทั้งวันนี้ก็เรียกท่านหมอมาดูอาการให้ท่านด้วยเจ้าค่ะ”

ในสายตาของเยว่เอ๋อคือทัวป๋าถิงฟางเป็นเพียงสตรีที่ถูกหลอกให้อยู่ในกำมือก็เท่านั้น

แต่หลิงอวี่หนิงขมวดคิ้วมุ่น หมอคนนั้นช่วยนางไว้ก็จริงแต่ก็อาจมิยอมบอกอาการของอันหลิงเกอให้พวกนางรู้ก็ได้

องค์หญิงทัวป๋าผู้นี้น่าจักรู้อันใดบางอย่าง มิเช่นนั้นคงมิยอมแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับต้าโจวหรอก

เรื่องพวกนี้ท่านพ่อเคยบอกนางและตอนนี้นางก็กำลังรวบรวมเบาะแสเพื่อใช้มันควบคุมจวนอ๋องมู่ให้จงได้

อันหลิงเกอที่สังเกตเห็นพวกนางสองคนจึงตั้งใจหลบอยู่ด้านหลังภูเขาจำลอง นึกมิถึงว่าผู้ที่ต่อหน้ามีความสัมพันธ์ดีกับทัวป๋าถิงฟาง พอลับหลังจักแอบเยาะเย้ยนางถึงเพียงนี้ เห็นทีว่าทัวป๋าถิงฟางก็เป็นคนน่าสงสารเช่นกัน

แต่งงานไกลบ้านไกลถิ่น ไร้ที่พึ่งพิงจึงเชื่อคนอื่นง่ายดายเช่นนี้

ตอนนั้นเองที่ฟาไฉบินมาเกาะแขนของอันหลิงเกอจึงมิอาจหลบซ่อนต่อไปได้อีก

ระหว่างที่นางกำลังหันหลังเดินจากไปก็เอาแต่นึกถึงเรื่องที่หลิงอวี่หนิงพยายามเข้าหาทัวป๋าถิงฟางว่าเป็นเพราะเหตุใดกันแน่ เมื่อดูถูกทัวป๋าถิงฟางถึงเพียงนี้แต่ก็ยังแสร้งทำดีด้วย มีเป้าหมายอันใดกัน ?

“ผู้ใด ! ”

เยว่เอ๋อความรู้สึกไวเพราะอันหลิงเกอเพิ่งลงมาจากภูเขาจำลองก็ถูกพบเข้าทันที ทั้งคู่เดินอ้อมมาขวางทางของอันหลิงเกอเอาไว้

“พระชายาหรือ ? ” สีหน้าของหลิงอวี่หนิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่านางทำตัวมิถูก

“เมื่อครู่ได้ยินว่าเจ้ามิค่อยสบายหรือ ? ” อันหลิงเกอถูกจับได้เช่นนี้ก็ทำตัวมิถูกเช่นกัน นางจึงแก้เก้อด้วยการหันหน้าไปแล้วเอ่ยถาม “ในเมื่อมิสบายก็อย่าออกมาเดินในสวนเช่นนี้ เพราะภายในจวนมีสระน้ำหลายแห่งทำให้อากาศค่อนข้างเย็น…”

“เจ้าค่ะ ขอบคุณพระชายาที่เป็นห่วงเจ้าค่ะ”

หลิงอวี่หนิงเห็นท่าทีมิสะทกสะท้านของอันหลิงเกอก็รู้สึกมิค่อยพอใจสักเท่าไร

ทว่าด้วยฐานะของตนจึงทำได้เพียงย่อกายคำนับให้เล็กน้อย

อันหลิงเกอมิได้สนใจนางอีกจึงเดินกลับไปที่เรือนทันที

“ปี้จู เจ้าไปตรวจสอบคนที่อยู่รอบกายทัวป๋าถิงฟางให้หมด”

“เจ้าค่ะ”

แม้ปี้จูมิรู้ว่าเกิดอันใดขึ้นแต่นางทราบว่าพระชายาต้องมีเหตุผลอย่างแน่นอน นางจึงทำตามคำสั่งโดยทันที

“ทัวป๋ามีอันใดอีกหรือ ? ” มู่จวินฮานที่เดินเข้ามาพอดีก็ได้ยินคำพูดของนางและอดขมวดคิ้วมิได้

“มิมีอันใดเจ้าค่ะ เพียงแต่วันนี้…”

อันหลิงเกอเล่าเรื่องระหว่างหลิงอวี่หนิงและทัวป๋าถิงฟางให้มู่จวินฮานฟัง มิรู้ว่านางคิดมากเกินไปหรือไม่ แต่นางรู้สึกว่าหลิงอวี่หนิงผู้นี้ต้องมีเป้าหมายบางอย่างแน่

“ทัวป๋ามีหมอจากแคว้นชิงเยว่ตามมาด้วยสองคน ส่วนหลิงอวี่หนิง…คงไปรู้อันใดบางอย่างเข้า” มู่จวินฮานเฉลยความสงสัยของอีกฝ่าย

หืม ?

เป็นเหตุให้แววตาของอันหลิงเกอเปลี่ยนเป็นลุ่มลึกขึ้น เพียงเท่านี้นางก็มองออกทันที ดูท่าแล้วคนที่อยากเอาชีวิตนางคงมิได้มีเพียงฟางซู่ซู่คนเดียวเสียแล้ว

หลิงอวี่หนิงผู้นี้มิรู้ไปได้ข่าวมาจากที่ใด ทว่าเพียงเท่านี้ก็อยู่มิสุขแล้วเพราะคงอยากสังหารนางมากเช่นกัน

เมื่อคิดได้เยี่ยงนี้ อันหลิงเกอก็หัวเราะเยาะตนเองขึ้นมา นางมิเคยสร้างศัตรูที่ไหนทว่าตอนนี้มีศัตรูมากมายเพราะมู่จวินฮาน

“เฮ้อ ท่านเสน่ห์แรงเสียจริง” นางถอนหายใจออกมาพลางเอนหลังพิงเก้าอี้