ตอนที่ 413 เจ้าเสน่ห์

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 413 เจ้าเสน่ห์

“เหตุใดเจ้าดูมิพอใจเช่นนี้เล่า เจ้ารังเกียจข้าหรืออย่างไร ? ” มู่จวินฮานเห็นอันหลิงเกอแสดงท่าทีผิดปกติซึ่งค่อยได้เห็นออกมา ภายในใจก็แอบรู้สึกภูมิใจมิน้อย

พระชายาของเขาเกิดความรู้สึกหึงหวงและความรู้สึกเช่นนี้ช่างดีเหลือเกิน

“ยังมาพูดดีอีก ท่านดูสตรีของท่านสิเจ้าคะ หากวันใดโลกนี้สูญเสียข้าไปก็ต้องเป็นเพราะคนพวกนี้แน่นอน” อันหลิงเกอแอบเจ็บปวดอยู่ลึก ๆ ภายในใจ

“เหลวไหล ! ” มู่จวินฮานขมวดคิ้วมุ่น หน้าตาท่าทางดูดุดันขึ้นมาทันที เขารีบดึงนางขึ้นมาจากเก้าอี้

“ต่อไปจักพูดอันใดก็ห้ามกล่าวเรื่องความเป็นความตายอีก”

อันหลิงเกอเบะปากออก เมื่อครู่นางมิได้กล่าวคำว่าตายออกไปเลยนี่

“เรียนท่านอ๋อง ท่านโหวอันถูกส่งตัวไปที่เมืองเยว่เฉิงขอรับ ! ” ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังสนทนากันอยู่นั้น ชิงเฟิงก็เดินเข้ามารายงานอย่างรีบร้อน

“เมืองเยว่เฉิงอย่างนั้นหรือ ? ” อันหลิงเกอขมวดคิ้วมุ่น เหตุใดช่างบังเอิญถึงเพียงนี้ ?

เป็นเหตุให้ตอนนี้สีหน้าของมู่จวินฮานมิสู้ดีเท่าไรนัก เรื่องที่ไร้การเอ่ยถึงในราชสำนัก แต่ฮ่องเต้ก็ส่งไปเสียเอง ต้องมีสาเหตุบางอย่างแอบแฝงอยู่แน่

ส่วนอันหลิงเกอก็มิอาจทำใจให้สงบได้ ทว่าพวกนางยังมิทันได้ทำอันใด อันอิงเฉิงก็ออกจากเมืองจิงไปตั้งแต่พลบค่ำแล้ว

ดูท่าทางแล้วคงเป็นกำหนดการจากฮ่องเต้เช่นกัน

เพียงพริบตาเดียวอันอิงเฉิงก็ถูกส่งไปปราบปรามเผ่าหมอเทวดาเป็นเวลาครึ่งเดือนแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าก็ได้มาอยู่เป็นเพื่อนอันหลิงเกอในจวนอ๋องครึ่งเดือนแล้วเช่นกัน

ทว่าครึ่งเดือนมานี้อันหลิงเกอมองออกว่าท่านย่าเป็นห่วงอันอิงเฉิงมากเพียงใด ทุกวันนางจักเขียนบทสวดมนต์และขอพรให้อันอิงเฉิงปลอดภัยเสมอ

“ท่านย่ามิต้องกังวลหรอกเจ้าค่ะ ท่านพ่อเป็นคนดีฟ้าดินย่อมคุ้มครองอยู่แล้ว” อันหลิงเกอเอ่ยออกมาด้วยใจจริง

ตัวนางก็เป็นห่วงอันอิงเฉิงที่กำลังปราบปรามเผ่าหมอเทวดาอยู่เช่นกัน อีกทั้งยังเป็นห่วงฮูหยินผู้เฒ่าที่คอยแต่กังวลอยู่ที่นี่ทุกเมื่อเชื่อวัน ดีหน่อยที่นางรับท่านย่ามาอยู่ด้วยกันในจวนอ๋อง มิเช่นนั้นนางต้องกังวลว่าหากอยู่ที่จวนโหวแล้ว หลี่ซื่อจักวางแผนทำอันใดท่านย่าหรือไม่

ตอนนี้สำหรับอันหลิงเกอแล้วนอกจากมู่จวินฮาน คนที่นางเชื่อใจที่สุดก็คือท่านพ่อและท่านย่า

มู่จวินฮานเห็นว่าหลายวันมานี้อันหลิงเกอดูมิค่อยมีความสุขเท่าไหร่นัก ร่างกายก็ซูบผอมลงมิน้อย เขารู้ดีว่านางเป็นห่วงบิดาจึงเอ่ยปลอบ “เกอเอ๋อ เจ้ามิต้องกังวลให้มากนักหรอกเพราะที่เมืองเยว่เฉิงมีคนของข้าคอยดูอยู่”

มู่จวินฮานพูดมิผิด แต่เห็นท่านย่าเป็นกังวลเช่นนั้นนางก็อดคิดมากมิได้

“ข้ามิเท่าไรหรอกเจ้าค่ะ เพียงแต่ท่านย่า…”

เมื่อเห็นเยี่ยงนั้น มู่จวินฮานจึงกอดอันหลิงเกอเอาไว้แล้วค่อย ๆ นวดขมับให้นางอย่างอ่อนโยน “เจ้าคอยอยู่เป็นเพื่อนท่านย่าเอาไว้ ได้ยินว่าวัดที่อยู่ด้านตะวันออกของจวนศักดิ์สิทธิ์มาก เจ้าพาท่านย่าไปไหว้พระขอพรที่นั่นก็ดี ท่านจักได้สบายใจขึ้น”

หลังจากนั้นเพื่อทำให้ฮูหยินผู้เฒ่ามีความสุข ทุกวันนอกจากไปวัดเป็นเพื่อนแล้ว นางก็มักหาวิธีต่าง ๆ เพื่อคอยปลอบโยนอีกฝ่ายไปด้วย

วันนี้อันหลิงเกอสั่งให้ห้องครัวทำอาหารขึ้นมาเป็นพิเศษ

“ท่านย่า ทานเยอะ ๆ เจ้าค่ะ ! พวกนี้เป็นอาหารที่หลานให้ห้องเครื่องทำเพื่อท่านเป็นพิเศษ ทุกจานคืออาหารที่ท่านชอบทั้งนั้นเลยเจ้าค่ะ” อันหลิงเกอกล่าวไปพลางตักอาหารให้ฮูหยินผู้เฒ่าไปด้วย

ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นอันหลิงเกอตักอาหารให้ตนมิหยุดก็เอ่ยด้วยความชื่นใจ “เจ้าก็ทานเยอะ ๆ สิ…”

ก่อนหน้านี้อันหลิงเกอมิได้รู้สึกถึงคำว่าครอบครัวมานานแล้ว เพื่อปกป้องตำแหน่งพระชายาของนาง มู่จวินฮานก็คอยปกป้องอันอิงเฉิงยามอยู่ในราชสำนักเป็นอย่างดีจนแสดงให้เห็นถึงความเป็นครอบครัวเดียวกันระหว่างจวนอ๋องมู่กับจวนโหวมากขึ้น

ทว่าอันอิงเฉิงเป็นคนซื่อสัตย์ แม้ถูกส่งไปจัดการเรื่องเผ่าหมอเทวดาที่อันตรายถึงเพียงนั้นก็ยอมไปด้วยตนเอง พอเอ่ยมาถึงตรงนี้ก็เห็นว่านิสัยของท่านพ่อเป็นสิ่งที่อันหลิงเกอนับถืออยู่มิน้อย

เมื่ออยู่ต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่า อันหลิงเกอราวกับได้รับความอบอุ่นที่หายไปนานเพราะท่านย่าดูแลนางราวกับมารดา

นางมิเคยวางอำนาจของพระชายาเลย ทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้าของฮูหยินผู้เฒ่า นางเป็นเพียงเด็กสาวธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น

อันหลิงเกอเห็นฮูหยินผู้เฒ่าแม้ดูมีความสุขขึ้น แต่ภายในดวงตาก็ยังแฝงไว้ด้วยความกังวล นางเองก็มิอาจทำสิ่งใดได้อีก

“ก่อนที่พ่อเจ้าจักไปเมืองเยว่เฉิง ครั้งหนึ่งเขาก็เคยไปพบพวกหมอผีที่ปรุงยาได้หลายคน มิรู้ว่าเกี่ยวข้องกับแคว้นชิงเยว่หรือไม่”

เมื่ออันหลิงเกอได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าบ่นเรื่องที่หลายปีมานี้อันอิงเฉิงหลงใหลเรื่องยาวิเศษ จากที่นางนั่งฟังเฉย ๆ พอลองไตร่ตรองให้ดีแล้วปะติดปะต่อเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดก็พบความเกี่ยวข้องกัน

คนที่ท่านพ่อไว้ใจเหล่านั้น หากนางคาดเดามิผิดต้องเกี่ยวข้องกับเผ่าหมอเทวดาเป็นแน่และฮ่องเต้ตั้งพระทัยส่งท่านพ่อไปคงเพราะเหตุนี้เอง

นางรู้สึกตกใจมิน้อยรวมทั้งกังวลมากยิ่งขึ้นจนนางคิดเดินทางไปเมืองเยว่เฉิงด้วยตนเอง แต่เรื่องนี้จักให้ท่านย่ารู้มิได้เด็ดขาด

และการที่ฮ่องเต้ทำเช่นนี้ก็แสดงว่าทรงสงสัยท่านพ่อเป็นแน่

แต่มิว่าอย่างไรท่านพ่อก็ถูกพวกหมอผีหลอกลวงเท่านั้น ท่านมิมีทางคิดคดเป็นอื่นแน่นอน!

มู่จวินฮานฟังอันหลิงเกอกล่าวจบก็นิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยออกมา “เกอเอ๋อ หากเป็นเช่นที่เจ้ากล่าวมา สถานการณ์ตอนนี้ของท่านโหวก็ตกอยู่ในอันตรายจริง ๆ ”

อันหลิงเกอรีบพูดขึ้นทันที “พรุ่งนี้ข้าจักไปเมืองเยว่เฉิงเจ้าค่ะ ! ”

มู่จวินฮานเห็นท่าทางมุ่งมั่นของอันหลิงเกอก็รู้ว่ามิสามารถเกลี้ยกล่อมนางได้แน่ “ข้าจักไปเป็นเพื่อนเจ้าเอง ! ”

อันหลิงเกอได้ยินก็รีบปฏิเสธทันที “มิได้เจ้าค่ะ หากท่านไป แล้วราชสำนักจักทำเยี่ยงไร ? ฮ่องเต้ต้องสงสัยท่านไปด้วย ถึงตอนนั้นถ้าเกิดอันใดขึ้นมาจักทำอย่างไรเจ้าคะ ? ”

มู่จวินฮานดึงอันหลิงเกอเข้ามาไว้ในอ้อมกอดแล้วแตะที่หน้าผากของนางพร้อมรอยยิ้ม “เรื่องนี้เจ้ามิต้องกังวล ส่วนเรื่องท่านย่าข้าจักเรียกอันหลิงเฉว่มาดูแลให้ เจ้าคิดว่าเช่นไร ? ”

หลังจากนั้นมู่จวินฮานก็คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยต่อ “ส่วนเรื่องฝ่าบาทนั้น ข้าคิดว่าพระองค์คงอยากหยั่งเชิงข้าเช่นกัน ครั้งนี้ต่อให้ข้ามิไปขอเองก็เกรงว่ามิกี่วันนี้พระองค์จักส่งข้าไปอยู่ดี”

อันหลิงเกอหันไปมองมู่จวินฮานแล้วพยักหน้าเห็นด้วย “แล้วพวกสตรีของท่าน…”

เมื่อเห็นว่าอันหลิงเกอกังวลมิหยุด เขาจึงอดยื่นมือไปบีบแก้มของนางมิได้ “ให้ตายสิ ข้าจักไปด้วยเจ้าก็มิพอใจ หรือเจ้าอยากให้ข้าไปอยู่เป็นเพื่อนผู้อื่นแทน ? ”

ทันใดนั้นอันหลิงเกอก็กอดมู่จวินฮานไว้แน่นพร้อมเงยหน้าขึ้น “มิได้ ! ”

เป็นครั้งแรกที่อันหลิงเกอทำท่าทางเช่นนี้ออกมา มู่จวินฮานเห็นแล้วก็ใจอ่อนฮวบ

เช้าวันต่อมา มู่จวินฮานและอันหลิงเกอเตรียมตัวเสร็จแล้วก็เข้าไปลาฮูหยินผู้เฒ่า

ทางด้านวังหลวงก็มีราชโองการออกมาจริง ๆ ซึ่งเป็นการอนุญาตให้มู่จวินฮานไปปราบปรามที่นั่นด้วย

หลังเดินทางโดยมิได้หยุดพัก ในที่สุดพวกอันหลิงเกอก็มาถึงเมืองเยว่เฉิง

อันอิงเฉิงได้ยินทหารเข้ามารายงานว่ามู่จวินฮานและอันหลิงเกอมาถึงแล้วก็รีบออกไปต้อนรับทันที จากนั้นจึงรายงานสถานการณ์ที่ผ่านมาให้มู่จวินฮานทราบ

แม้เขาจักเป็นพ่อตาของมู่จวินฮาน แต่ตอนนี้มู่จวินฮานมีฐานะเป็นแม่ทัพใหญ่ที่ถูกส่งมาก็ย่อมมีตำแหน่งสูงกว่าเขามิน้อย

อันอิงเฉิงเอ่ยอย่างนอบน้อม “รายงานอ๋องมู่ สถานการณ์ตอนนี้ตึงเครียดมาก มิทราบว่าเมืองหลวงได้ส่งกำลังพลมาเพิ่มหรือไม่ ? ”

ตึงเครียดหรือ ? กำลังพลน่ะหรือ ?

ดูท่าแล้วฮ่องเต้มิมีทางส่งกำลังพลมาเพิ่มเป็นแน่ ก่อนหน้านี้ไร้ผู้ใดทราบว่าสถานการณ์เมืองเยว่เฉิงจักวุ่นวายกว่าครั้งก่อน ฮ่องเต่ก็คงตั้งพระทัยปิดบังเรื่องนี้เช่นกัน

อันหลิงเกอที่อยู่ด้านข้างก็ขมวดคิ้วมุ่น ในเมื่อฮ่องเต้มิอยากช่วยพวกตน สถานการณ์ก็ยิ่งยุ่งยากเข้าไปใหญ่