[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]

บทที่ 477 : อสุนีบาตสำหรับหลิงหยุน!

คำพูด สายตา และท่าทางของหลิงหยุนในเวลานั้น เต็มไปด้วยความทะนง และถือดี!

เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!

ฟ้าแลบแปลบปลาบ ตามมาด้วยสายฟ้าจำนวน 72 เส้นที่มีทั้งขนาดใหญ่เท่าแขน และไม่ถึงสองนาที สายฟ้าทั้งหมดก็ผ่าลงมา!

หลิงหยุนยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว รอรับคลื่นอสุนีบาตด้วยร่างที่ทรงพลัง สายฟ้าทั้งหมดที่ฟาดใส่นั้น ไม่สามารถทำอันตรายหลิงหยุนให้เกิดบาดแผลได้แม้แต่น้อย!

แม้ว่าหลิงหยุนจะผยอง แต่ก็ไม่ประมาท เขารู้ว่าอสุนีบาตทั้งสี่ชุดนั้น นี่เป็นเพียงแค่ชุดแรก ยังคงเหลืออีกสามชุด!

หลิงหยุนโคจรดารกะดายันเพื่อป้องกันอันตรายจากอสุนีบาต ในขณะเดียวกันก็ใช้วิชาพลังลับหยินหยางดูดซับพลังจากสายฟ้าที่ฟาดลงมาบนร่างกายเข้าสู่เส้นลมปราณ และจุดตันเถียนของตนเองอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็รอคอยอสุนีบาตชุดที่สองต่อไป..

ด้วยจิตวิญญาณที่อยู่ในขั้นอมตะของหลิงหยุน ทำให้เขาสามารถเอาชีวิตรอดมาได้อย่างง่ายดาย..

ดวงจิตเดิมของหลิงหยุนที่หนีรอดจากการทดสอบที่เหี้ยมโหดในขั้นอมตะมาได้ และตอนนี้ความเหนื่อยล้าหมดแรงในครั้งนั้นก็ได้จบลงแล้ว ดังนั้นในเวลานี้จึงมีเพียงสายฟ้าเทวะสีม่วงเท่านั้นที่เขาไม่อาจจะทานทนได้

บททดสอบในครั้งนี้สำหรับหลิงหยุนแล้วแทบจะไม่มีอะไรน่ากลัว!

ครืน.. ครืน.. เสียงคำรามของท้องฟ้าดังกระหึ่มขึ้นอีกครั้ง

เปรี้ยง!

สายฟ้าที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเกือบครึ่งเมตร ลำแสงที่มีรูปร่างคล้ายมังกรสีเงิน พุ่งทะลุกลุ่มเมฆขนาดมหึมา และผ่าลงบนร่างของหลิงหยุนอีกครั้ง!

เปรี้ยง!

แม้หลิงหยุนจะได้เตรียมตัวเตรียมใจมาพร้อมแล้ว แต่เขากลับคิดไม่ถึงว่า เพียงแค่อสุนีบาตชุดที่สองเท่านั้น เหตุใดจึงมีอานุภาพรุนแรง และน่ากลัวถึงเพียงนี้! และหลังจากที่ถูกสายฟ้าฟาด ร่างของหลิงหยุนก็กระเด็นออกไปไกลเกือบสิบเมตร!

“นี่มันอะไรกัน?!”

ร่างของหลิงหยุนลอยละลิ่วออกไปไกล และในที่สุดก็ตกลงในสภาพที่เขายืนบนพื้นได้อย่างมั่นคงปลอดภัย หลิงหยุนรีบสำรวจไปทั่วร่างกายของตนเอง

เขาเริ่มรู้สึกขุ่นเคือง นี่เป็นเพียงอสุนีบาตชุดที่สอง แต่ขนาดของมันกลับหนาถึงครึ่งเมตร หลิงหยุนกำลังคิดว่าจะรับมือกับอีกสองชุดต่อไปได้อย่างไร?

นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ไป๋เซียนเอ๋อไม่ใช่มนุษย์ที่มีผิวหนังธรรมดา นางคือสุนัขจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางซึ่งเป็นสัตว์วิญญาณที่อยู่ระหว่างโลกกับสวรรค์ โดยธรรมชาติจึงมีพลังวิเศษเพื่อใช้สำหรับต่อสู้เอาชีวิตรอดจากการกลายร่าง การที่อสุนีบาตฟาดใส่ร่างของมันในแต่ละครั้ง จึงเป็นทั้งการทำลาย และการสร้างในคราวเดียวกัน ด้วยเหตุนี้มันจึงสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์จริงๆได้!

และด้วยเหตุที่ร่างของไป๋เซียนเอ๋อนั้นคือสุนัขจิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง ร่างกายของนางจึงสามารถฟื้นฟูได้เอง เพราะนี่คือคุณสมบัติพิเศษอย่างหนึ่งในการบ่มเพาะของเหล่าปีศาจ..

แต่สำหรับหลิงหยุนนั้น.. หากเป็นดังเช่นเจ้าขาวปุย เนื้อหนังถูกเผาไหม้จนเหลือแต่โครงกระดูกเช่นนั้นก็คงจะแย่ เพราะเขาไม่ได้กลายร่างได้ใหม่เช่นเดียวกับมัน!

แต่หลิงหยุนไม่มีเวลาที่จะได้คิดอะไรมาก.. สายฟ้าเส้นที่สองปรากฏขึ้นอีกครั้ง และเสียงเปรี้ยงก็ดังสนั่นหวั่นไหว ครั้งนี้ร่างของหลิงหยุนกระเด็นไปไกลถึงสิบกว่าเมตร เนื้อสีขาวของเขาเปลี่ยนเป็นสีดำไหม้ทันที สภาพของหลิงหยุนในเวลานี้ไม่ต่างจากอะไรสักอย่างที่ถูกเผาจนดำ!

“นี่ท่าน..!”

หลิงหยุนเริ่มที่จะโมโหขึ้นอีก.. เขาเรียกยันต์บำบัดออกมาใช้รักษาตัวเอง จากนั้นก็เรียกยันต์อสนี ยันต์เพชร และยันต์เกราะออกมาใช้ป้องกันตัวด้วยเช่นกัน

หลิงหยุนเริ่มรู้สึกว่าอสุนีบาตจากการทดสอบในครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่ง่ายอย่างที่คิดไว้!

กลุ่มเมฆสีดำทะมึนม้วนตัวอีกครั้ง พร้อมกับเคลื่อนตัวลงต่ำจนแทบจะอยู่แนบชิดกับศรีษะของหลิงหยุน และไม่ปล่อยให้เขาได้มีโอกาสได้พัก สายฟ้ามีขนาดใหญ่ขึ้น และใหญ่ขึ้น จนมีขนาดไม่ต่างจากเสาขนาดใหญ่ ได้ฟาดลงบนศรีษะของหลิงหยุนอย่างรุนแรงอีกครั้ง

ทุกครั้งที่ฟ้าผ่าลงที่ร่างของเขา.. หลิงหยุนจะกระเด็นออกไปไกลถึงสิบกว่าเมตร และทุกครั้งผิวของเขาก็จะไหม้เกรียม ทำให้เกิดอาการบาดเจ็บเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และเขาเองก็ไม่กล้าที่จะใช้ยันต์บำบัดมากนัก เพราะตอนนี้เหลืออยู่เพียงแค่สองมัด หลิงหยุนจำเป็นต้องเก็บไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน

แต่ถึงกระนั้น หลิงหยุนก็ยังไม่ถอดใจวิ่งหนี เขายังคงใช้พลังลับหยินหยางดูดซับเอาพลังจากสายฟ้าเข้าไปในร่างกาย

พลังหยางจากสายฟ้าที่ถูกดูดซับเข้าไปตามเส้นลมปราณ และจุดตันเถียนของหลิงหยุนนั้น แกร่งขึ้นเรื่อยๆ จนเพียงพอที่จะสามารถฝึกฝนให้เข้าสู่ขั้นปรับร่างกาย-7 ได้

พลังจากสายฟ้านี้นับว่าเป็นสมบัติล้ำค่าอีกชิ้นที่เหนือกว่าพลังชีวิตจากน้ำลายมังกรเสีย อาจเทียบเท่ากับพลังอมตะเลยก็เป็นได้!

รอบตัวหลิงหยุนครอบคลุมไปด้วยสายฟ้าที่ผ่าลงมาบนร่างของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ร่างที่ดำเป็นถ่านของหลิงหยุนในเวลานี้มีบาดแผลเต็มตัว และยิ่งผ่านไปก็ยิ่งมีบาดแผลที่เจ็บปวดเกิดขึ้นไปทั่วทั้งตัว แต่สีหน้าของเขายังเต็มไปด้วยความดื้อรั้น!

หลิงหยุนใคร่ครวญอย่างจริงจังพร้อมกับเรียกยันต์บบำบัดออกมาทำการรักษาบาดแผลตามร่างกาย และเริ่มใช้ยันต์อสนี ยันต์เพชร และยันต์เกราะเพื่อป้องกันตัวอีกครั้ง

หลังจากนั้น หลิงหยุนก็เรียกน้ำเต้าวิเศษออกมา และเริ่มดื่มน้ำลายมังกรเข้าไปจำนวนมากจนท้องของเขาไม่สามารถจุได้อีก จึงได้เก็บน้ำเต้าวิเศษกลับเข้าแหวนพื้นที่ไป

หลิงหยุนแทบต้องการพุ่งเข้าใส่อสุนีบาต เพราะต้องการผ่านเข้าสู่ด่านสุดท้ายของขั้นปรับร่างกายให้เร็วที่สุด และในเวลานี้หลิงหยุนก็พร้อมที่จะเผชิญกับอสุนีบาตที่ทรงพลง และเขาค่อนข้างมั่นใจว่าด้วยความแข็งแกร่งของตนเองเวลานี้ เขาน่าจะผ่านอสุนีบาตชุดที่สามไปได้ แต่ชุดที่สี่นั้นเขายังไม่มั่นใจ!

หลิงหยุนเริ่มทำสมาธิพร้อมกับเรียกลูกประคำโพธิจากแหวนพื้นที่มาไว้ในกำมือ..

แม้ว่าหลิงหยุนเคยคิดที่จะโยนมันทิ้งไป แต่ท้ายที่สุดเขาก็เปลี่ยนใจ! เพราะทุกครั้งที่เขากำลูกประคำโพธิเม็ดนี้ไว้ จิตใจของเขาจะสงบ และโปร่งโล่งจนแทบจะบรรลุเลยก็ว่าได้

หลิงหยุนสูดลมหายใจเข้าลึกด้วยอาการที่สงบเยือกเย็น เขานั่งขัดสมาธิพร้อมกับในมือกำลูกประคำโพธิไว้ จากนั้นจึงเริ่มเคลื่อนวิชาพลังลับหยินหยางภายในร่างกายเพื่อรอดูดซับพลังจากสายฟ้า และเวลานี้พลังต่างๆที่อยู่ภายในร่างกายของหลิงหยุนก็เริ่มพลุ่งพล่านขึ้น!

…..

สายฟ้าเส้นที่สิบแปดได้สิ้นสุดลง และยังคงเหลืออีกสิบแปดครั้ง สายฟ้าเทวะทั้งสามสิบหกครั้งนั้น ครั้งที่สิบเก้าเริ่มมีเส้นผ่าศูนย์กลางใหญ่ถึงสองเมตร มันจึงดูไม่ต่างจากเสาสีเงินต้นใหญ่ที่กำลังพุ่งลงมาบนโลก และกำลังครอบร่างของหลิงหยุนเอาไว้!

เปรี้ยง!

และครั้งนี้.. แรงระเบิดที่รุนแรงทำให้ร่างของหลิงหยุนกระเด็นออกไปไกลเกือบจะร้อยเมตร!

แต่น่าแปลกที่ถึงแม้จะกระเด็นออกไปไกลเกือบร้อยเมตร แต่หลิงหยุนยังคงอยู่ในท่านั่งขัดสมาธิเช่นเดิม และเริ่มเดินพลังหยินหยายให้เร็วขึ้น!

โชคดีที่หลิงหยุนได้รับบาดเจ็บเพียงแค่ชั้นผิวหนัง ส่วนเส้นลมปราณและจุดตันเถียนของเขานั้นปลอดภัยดี แต่เพราะสายฟ้ายังคงผ่าลงมาอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้หลิงหยุนไม่มีเวลาที่จะใช้ยันต์บำบัดรักษา..

สัญลักษณ์ไท่จี๋รูปมัจฉาหยิน-หยางในจุดตันเถียนที่น่าอัศจรรย์ของหลิงหยุนเริ่มหมุนอีกครั้ง พลังหยินหยางในร่างกายของเขาพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วจากการที่ได้รับพลังชีวิตของน้ำลายมังกร และเส้นโค้งรูปมังกรในจุดตันเถียนของเขาก็เปล่งแสงสว่าง และในเวลานี้จุดตันเถียนที่มีขนาดเท่ากำมือก็กำลังเปล่งเป็นประกายสีทองสว่างไสว!

ดูเหมือนลูกประคำโพธิจะช่วยให้การฝึกของหลิงหยุนราบรื่นขึ้น เพราะไม่ว่าท้องฟ้าจะคำรามเสียงดังกึกก้องเพียงใด ก็ดูเหมือนจะไม่มีอิทธิพลใดๆต่อหลิงหยุน และเขายังคงนั่งนิ่งเป็นสมาธิได้โดยไม่ถูกรบกวน!

หลิงหยุนจดจ่ออยู่กับการฝึกฝนเพื่อให้สามารถพัฒนาสู่ขั้นต่อไปให้ได้ และรู้ว่าได้มาถึงช่วงนาทีสำคัญแล้ว!

เปรี้ยง!

สายฟ้าเส้นที่ยี่สิบเจ็ด และมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางถึงสามเมตร ได้ผ่าลงมาและครอบร่างของหลิงหยุนไว้!

ครั้งนี้.. ฤทธิของยันต์อสนี ยันต์เพชร และยันต์เกราะก็ได้หมดลงแล้ว สายฟ้าจึงปะทะเข้ากับร่างของหลิงหยุนอย่างเต็มที่โดยไร้สิ่งใดๆป้องกัน!

ร่างของหลิงหยุนที่กำลังฝึกฝนอยู่นั้น ลอยขึ้นสูงเกือบสิบเมตรก่อนจะกระเด็นออกไปไกลอีกร้อยเมตร แต่ก็ยังคงอยู่ท่านั่งขัดสมาธิเช่นเดิม

แม้หลิงหยุนพยายามที่จะดูดซับพลังสายฟ้าทั้งหมดเข้าไปไว้ในร่างกาย แต่พลังจากสายฟ้าเส้นที่ยี่สิบเจ็ดนี้ ก็มีอานุภาพรุนแรงอย่างมาก หลิงหยุนดูดซับเข้าไปได้เพียงส่วนน้อย จากนั้นร่างของเขาก็ไม่สามารถรับได้อีก

หลิงหยุนต้องการใช้พลังที่ได้จากสายฟ้านี้ทะลวงเข้าสู่ขั้นปรับร่างกาย-7!

เพราะหลิงหยุนนั่งหลับตาอยู่ เขาจึงไม่สามารถมองเห็นสายฟ้าที่มีพลานุภาพน่ากลัวนี้ และไม่ได้เห็นว่าในส่วนที่เขาไม่สามารถดูดซับเข้าไปในร่างกายได้นั้น มันกลับถูกลูกประคำโพธิที่อยู่ในกำมือของหลิงหยุนดูดซับเข้าไปแทน!

เหนือลูกประคำโพธิ มีรูปของพระพุทธเจ้าที่ดูเป็นธรรมชาติ และลึกลับราวกลับมีชีวิตกำลังเปล่งประกายสีทองเจิดจ้า!

ช่างเป็นภาพที่น่าประหลาดยิ่งนัก แต่หลิงหยุนกลับไม่มีโอกาสได้เห็น!

แม้ตามร่างกายของหลิงหยุนจะมีบาดแผลเต็มไปหมด แต่พลังชี่ของเขากลับมีพลานุภาพ!

และด้วยพลังจากสายฟ้าที่มีอานุภาพรุนแรงนี้ บวกกับพลังชี่ที่มีพลานุภาพ หลิงหยุนจึงเริ่มเดินพลังลับหยินหยางขั้นสุด!

จิตใจของหลิงหยุนในเวลานี้สงบนิ่งเป็นหนึ่งเดียว และลืมสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง!

………

ช่างน่าเสียดาย! แม้ว่าหลิงหยุนจะดูดซับเอาพลังจากสายฟ้าเข้าไปจนหมดเรี่ยวแรง เขากลับไม่สามารถเปิดประตูดวงตาที่สามซึ่งอยู่หว่างคิ้วได้ และไม่สามารถพัฒนาเข้าสู่ขั้นต่อไปได้ด้วย..

การจะข้ามขึ้นไปสู่ขั้นปรับร่างกาย-7 ซึ่งเป็นด่านสุดท้ายในขั้นปรับร่างกายนั้น จะต้องมีอุปสรรค และความยากลำบากยิ่งกว่าการเข้าสู่ขั้นปรับร่างกาย-4 เสียอีก จึงจำเป็นต้องค่อยเป็นค่อยไปทีละขั้น หลิงหยุนเข้าใจในเรื่องนี้ดีกว่าใครๆ เขาจึงไม่สนใจอีก และไม่ต้องการรีบร้อน..

เมื่อสายฟ้าเส้นที่ยี่สิบแปดผ่าลงมาบนร่างของเขาอีกครั้ง หลิงหยุนก็ดูดซับพลังของมันเข้าไปอีกครั้ง และกลับไปจดจ่ออยู่กับสายฟ้าเส้นต่อๆไป

หว่างคิ้วของเขายังคงนิ่งไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ!

ยี่สิบเก้า..

สามสิบสอง..

สามสิบห้า..

หลิงหยุนยังคงยืนหยัดท้าทายอย่างกล้าหาญ..

แม้หลิงหยุนจะล้มลงไปครั้งแล้วครั้งเล่าจากพลังรุนแรงของสายฟ้าแต่ละเส้นที่ฟาดลงมา แต่เขาก็ไม่สนใจว่าจะต้องล้มลงไปกี่ครั้ง เพราะเชื่อมั่นว่าหลังจากนั้นเขาจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม!

หากจะสิ่งใด.. ก็ต้องทำให้ดีที่สุด! อย่าให้ต้องมานึกเสียใจในภายหลัง.. และนี่คือนิสัยของหลิงหยุน!

แต่สิ่งที่หลิงหยุนไม่รู้ก็คือว่า สายฟ้าเส้นที่สามสิบห้าที่ผ่าลงมาบนร่างกายของเขานั้น ไม่ใช่สายฟ้าสีเงิน แต่กลับเป็นสายฟ้าสีทอง!

หลิงหยุนยังคงไม่รู้ว่าในขณะที่เขาดูดซับเอาพลังจากสายฟ้าเทวะเข้าไปนั้น ส่วนที่หลงเหลือล้วนถูกลูกประคำโพธิในมือของเขาดูดซับเข้าไป!

ไม่รู้แม้กระทั่งว่า ในเวลานี้ร่างของเขาทั้งร่างนั้นถูกไหม้จนเกรียมไปหมด และมีสภาพที่แย่กว่าร่างของยากิอุ ยูมะที่ถูกเปลวไฟจากยันต์เตโชเผาเสียอีก!

หลิงหยุนไม่รู้ว่าไป๋เซียนเอ๋อที่เพิ่งจะกลายร่างสำเร็จนั้น แอบตามร่างเขาที่ลอยออกไปในทุกๆครั้งที่ถูกฟ้าผ่า และนางก็ไม่ลังเลที่จะรีบกระโดดตามไปอยู่ใกล้ๆ โดยจะอยู่ห่างจากร่างของเขาไปในระยะห่างหนึ่งร้อยเมตร นางไม่ยอมปล่อยให้หลิงหยุนคลาดสายตาแม้แต่ครั้งเดียว!

เพื่อไป๋เซียนเอ๋อ หลิงหยุนสามารถสังหารคนไปเป็นร้อยได้อย่างไม่ลังเล จนตนเองทั้งเหนื่อยล้าและหมดแรง!

และก็เช่นเดียวกัน.. เพื่อหลิงหยุน ไป๋เซียนเอ๋อจึงวิ่งตามเขาไปทุกหนทุกแห่ง!

ไป๋เซียนเอ๋อลืมความกลัวไปจนหมดสิ้น และลืมนึกถึงความปลอดภัยของตนเอง.. หลิงหยุนเป็นผู้ที่ให้ชีวิตใหม่กับนาง หากหลิงหยุนตาย นางก็จะตายด้วย!

ไป๋เซียนเอ๋อจ้องมองเด็กหนุ่มหัวแข็ง ดื้อรั้น และค่อนข้างเงียบขรึม นางตั้งใจว่าจะอยู่เคียงข้างเขา!

ความรักความผูกพันระหว่างคนกับปีศาจ มีเพียงก้อนหิน ภูเขา ท้องทะเล และเมฆดำทะมึนเท่านั้นที่รับรู้..

ไป๋เซียนเอ๋อรู้ว่าหลิงหยุนไม่เห็น และไม่รับรู้ถึงความตั้งใจของนาง แต่นางไม่ใส่ใจ บางที.. ปีศาจอาจจะสามารถเอาชนะหัวใจของมนุษย์ได้!

เปรี้ยง! สายฟ้าเส้นที่สามสิบหกผ่าลงมา!