[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]
บทที่ 478 : เข้าสู่ขั้นปรับร่างกาย-7!
สายฟ้าเทวะเส้นที่สามสิบหก เป็นสายฟ้าเทวะเส้นสุดท้าย อานุภาพของมันจึงทรงพลังเกินกว่าที่จะจินตนาการได้
ขนาดของสายฟ้านั้นไม่ใหญ่ มีเส้นผ่าศูนย์กลางเพียงแค่ครอบร่างของหลิงหยุนที่ยังคงนั่งขัดสมาธิไว้อย่างพอดิบพอดีเท่านั้น แต่สีของมันกลับเป็นสีทองสุกสว่าง คล้ายกับมีเสาสีทองต้นใหญ่ตกลงมาจากท้องฟ้า และกำลังพุ่งเข้าใส่ร่างของหลิงหยุน
สายฟ้าสีทองเส้นนี้มีอานุภาพที่รุนแรงกว่า และสว่างกว่าสายฟ้าเส้นที่ผ่านมานับพันเท่า ห่างออกไปจากชายฝั่งของเกาะแห่งนี้ไปหลายร้อยไมล์ทะเล ล้วนเป็นสีทองสุกใสสว่างไปทั่ว!
ท้องฟ้ากำลังแตกสลาย และผืนดินกำลังสั่นสะเทือน!
ร่างของหลิงหยุนถูกสายฟ้าสีทองขนาดใหญ่ฟาดจนล้มลงกับพื้น ก่อนจะลอยละลิ่วออกไปไกลอีกหลายร้อยเมตร จนในที่สุดก็ไปตกลงกลางทะเลไม่ต่างจากซากปรักหักพังชิ้นหนึ่ง!
แต่ถึงกระนั้น.. ร่างของหลิงหยุนก็ยังคงตกลงในท่านั่งขัดสมาธิ มือขวาของเขายังคงกำลูกประคำโพธิไว้แน่น ดวงตาปิดสนิท และใบหน้าก็เต็มไปด้วยความสงบ!
หลิงหยุนอยู่ในช่วงของการทดสอบจากสวรรค์ ดังนั้นเขาย่อมรู้ดีว่าสายฟ้าแต่ละเส้นที่ผ่าลงมานั้นจะต้องมีอานุภาพรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่เขากลับสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า ไม่ว่าสายฟ้าจะมีอานุภาพที่รุนแรงมากเพียงใด ก็ยังคงไม่มีส่วนใดในร่างกายของเขาแตกหัก ตรงกันข้าม.. เขากลับเหมือนมีพลังที่แข็งแกร่งขึ้น!
หากสามารถผ่านบททดสอบเหล่านี้ไปได้ ไม่เพียงเขาจะสามารถเอาชนะตัวเองได้เท่านั้น แต่ยังสามารถเอาชนะแรงบีบคั้น และกดดันจากสวรรค์และโลกได้อีกด้วย!
หลิงหยุนตกลงไปในท้องทะเล และจมดิ่งลึกลงไปสิบกว่าเมตร แต่ร่างกายของเขากลับมีพลังเต็มเปี่ยม และสามารถพาตัวเองให้ลอยขึ้นบนผิวน้ำได้อย่างรวดเร็ว!
สายฟ้าเทวะเส้นที่สามสิบหกนั้นสิ้นสุดลงแล้ว เป็นอันจบสิ้นของอสุนีบาตชุดที่สอง!
หลิงหยุนจัดการซ่อมแซม และฟื้นฟูร่างกายอย่างรวดเร็ว เพื่อรอพบกับบททดสอบชุดต่อไป!
หลิงหยุนไม่ใส่ใจกับบาดแผลไหม้เกรียมตามร่างกาย เขายกมือขึ้นเรียกยันต์ขุมพลังออกมา!
ยันต์ขุมพลังเหล่านี้.. ก่อนที่ไป๋เซียนเอ๋อจะเข้าสู่การกลายร่างนั้น มันได้ดูดซับเอาพลังชีวิตของน้ำไว้ และตอนนี้หลิงหยุนก็กำลังดูดซับพลังชีวิตของน้ำที่อยู่ในยันต์ขขุมพลังเข้าไปจำนวนมาก!
หลังจากที่หลิงหยุนได้พยายามจะพัฒนาเข้าสู่ขั้นต่อไปอยู่หลายครั้งหลายครา แต่แล้วก็กลับล้มเหลวไปเสียทุกครั้ง! เขาจึงเริ่มเข้าใจว่า.. สาเหตุน่าจะเกี่ยวข้องกับอาการบาดเจ็บสาหัสของตัวเอง ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับพลังหยางในร่างกายของเขา!
อีกทั้งในช่วงที่เจ้าขาวปุยกลายร่างอยู่นั้น หลิงหยุนไม่เพียงได้รับพลังอมตะ และปราณมังกรที่ถูกปลดปล่อยออกมา แต่เขายังได้รับพลังชีวิตจากการดื่มน้ำลายมังกรเข้าไปในปริมาณมากอีกด้วย ใหนจะยังมีพลังจากสายฟ้าที่ร่างกายของเขาดูดซับเข้าไป ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่เป็นพลังหยางบริสุทธิ์ทั้งสิ้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่พลังชีวิตจะไม่เพียงพอ..
หลิงหยุนใช้ยันต์ขุมพลังจำนวนสิบมัดไปจนหมด ร่างกายของเขาจึงได้ดูดซับพลังชีวิตจากน้ำเข้าไปจำนวนมาก และตอนนี้เขาก็กำลังพยายามที่จะควบคุมพลังชีวิตจากน้ำให้ห่อหุ้มพลังหยางเหล่านั้นไว้ และได้จัดการเปิดดวงตาที่สามซึ่งอยู่หว่างคิ้วได้..!
และในที่สุดหลิงหยุนก็ทำสำเร็จ เขาสามารถปลุกดวงตาที่สามหว่างคิ้วที่ทำหน้าที่ในการรับรู้ และตระหนักรู้ได้!
แต่มีอีกหนึ่งเรื่องที่หลิงหยุนไม่รู้ก็คือกว่า.. ในร่างกายของเขานั้นมีพลังสายฟ้าสีทองที่บริสุทธิ์อยู่ และสายฟ้าสีทองนี้ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นภายในร่างกายของเขา!
ในการรับบททดสอบจากสวรรค์แต่ละครั้งนั้น หากผู้ใดสามารถผ่านไปได้ แน่นอนว่านอกเหนือจากร่างกายที่บาดเจ็บสาหัสแล้ว คนผู้นั้นย่อมได้รับประโยชน์อีกอย่างมากมายมหาศาล!
กฎสวรรค์นั้นเที่ยงตรงเสมอ และไม่เคยเอารัดเอาเปรียบผู้ใด!
ดวงตาที่สามแห่งการตระหนักรู้ของหลิงหยุนนั้น เปี่ยมไปด้วยพลังอมตะซึ่งมีสีทองจางๆ!
หลิงหยุนเดินลมปราณพร้อมกับพลังสายฟ้าสีทองนี้เข้าไปที่หว่างคิ้ว และการทำเช่นนั้นทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดอย่างที่สุดจนถึงกับต้องขมวดคิ้วแน่น แต่ก็จำต้องอดทนเพราะไม่มีทางเลือกอื่น..
แต่ยังนับว่าโชคดีที่ความอ่อนโยนของพลังชีวิตจากน้ำ ช่วยขจัดความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นให้ลดลงไปได้มาก ไม่เช่นนั้นหลิงหยุนเองก็อาจจะยอมแพ้ไปแล้ว!
หนี่ง.. สอง.. สาม..
ปัง!
ในที่สุด.. ดวงตาแห่งการตระหนักรู้ของหลิงหยุนก็ถูกพลังชีวิตหลากหลายเข้าจู่โจม และพลังอมตุสีทองจางๆที่เคยหลบซ่อนก็กำลังพลุ่งพล่าน และดูคล้ายว่าหลิงหยุนจะสามารถใช้มันได้!
เขาตกใจสุดขีด! เพราะในเวลานี้จิตหยั่งรู้ของเขามีอานุภาพมากขึ้น อีกทั้งยังมีพลังอมตะสีทองจางๆปรากฏขึ้นอีกด้วย!
วิธีการบำบัดรักษาอาการบาดเจ็บของหลิงหยุนในเวลานี้ คล้ายกับเมื่อครั้งที่เขามาเกิดยังโลกใบนี้ครั้งแรก หลิงหยุนใช้จิตหยั่งรู้ที่ทรงพลังนี้ทำการรักษาอาการบาดเจ็บในร่างกายจนหายดีในที่สุด อีกทั้งยังดีกว่าของเดิมอีกด้วย!
และครั้งนี้หลิงหยุนก็ได้เรียนรู้แล้ว.. ทันทีที่ได้จิตหยั่งรู้ที่ทรงพลัง เขาก็รีบใช้มันเข้าไปสำรวจจุดตันเถียนของตนเองซึ่งเปลี่ยนไปมากหลังจากที่ฝึกวิชาพลังลับหยินหยางสำเร็จ..
‘นี่มัน.. สัญลักษณ์ไท่จี๋รูปมัจฉาหยิน-หยาง?!’
‘เส้นโค้งที่อยู่ตรงกลางระหว่างมัจฉาหยินและมัจฉาหยางเป็นรูปมังกรสีทองหรือนี่?!’
‘เหตุใดจุดตันเถียนของข้าจึงได้ใหญ่ถึงเพียงนี้? กระดูกสันหลังที่ดูคล้ายหางมังกรก็กลายเป็นสีทอง..’
‘เส้นลมปราณของข้าก็หนาอย่างน่าตกตะลึง..’
‘พลังอมตะที่อยู่หว่างคิ้วของข้าก็มีสีทองจางๆ’
และนี่คือครั้งแรกที่หลิงหยุนได้ใช้ประโยชน์จากจิตหยั่งรู้ของตนเองเข้าไปสำรวจภายในร่างกาย เขาได้แต่ตกตะลึงครั้งแล้วครั้งเล่ากับการได้พบเห็นสิ่งที่แปลกประหลาด!
แต่จู่ๆ พลังอมตะซึ่งอยู่ในตำแหน่งดวงตาที่สามของหลิงหยุนที่เพิ่งปรากฏออกมาให้เห็นนั้น ก็กลับหายไปอีกครั้ง หลิงหยุนเองก็มัวแต่รักษาอาการบาดเจ็บของตนเอง และเอาแต่สำรวจภายในร่างกาย จึงไม่ทันได้สนใจพลังอมตะสีทองจางๆนั่นอีก!
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม หลิงหยุนก็รู้ดีว่าดวงตาที่สามแห่งการตระหนักรู้ของตนเองได้เปิดแล้ว แม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถใช้พลังอมตะได้ แต่ก็สามารถเชื่อมต่อกับจุดตันเถียนด้านล่างแล้ว
ตูม!
จุดตันเถียนของหลิงหยุนหมุนอย่างรวดเร็วคล้ายกำลังจะระเบิด แล้วก็เริ่มใหญ่ขึ้นและใหญ่ขึ้น เส้นลมปราณก็ขยายใหญ่ขึ้น หนาขึ้น และแข็งแกร่งขึ้น!
ในที่สุด.. เขาสามารถเข้าสู่ขั้นปรับร่างกาย-7 ได้แล้ว!
หลิงหยุนสูดลมหายใจเข้าลึก แม้ว่าการพัฒนาสู่ขั้นนี้จะยากเย็น แต่ผลที่ได้ก็ช่างคุ้มค่าอย่างมาก!
หลิงหยุนสัมผัสได้ว่าแม้จิตหยั่งรู้ของเขาจะมีอานุภาพ แต่ก็ค่อนข้างเบาบาง และยังอ่อนแออยู่มาก ถึงแม้จะยังไม่สามารถใช้ประโยชน์อะไรได้เต็มที่นัก แต่ก็พอที่จะใช้สำรวจสิ่งรอบตัวในระยะไกลหลายเมตรได้โดยที่ไม่ต้องเห็นด้วยตา
หลิงหยุนรู้สึกพอใจอย่างมาก เพียงแค่อยู่ในขั้นปรับร่างกาย-7 แต่เขากลับสามารถมีจิตหยั่งรู้ได้แล้ว หากอยู่ในโลกบ่มเพาะ เขาก็คงเป็นที่อิจฉาคนอื่นๆ
ส่วนเนตรหยินหยางของหลิงหยุนนั้น กลับมีอานุภาพพสูงขึ้น เขาลืมตามองตรงไปด้านหน้าพร้อมกับยิ้มออกมาเมื่อเห็นไป๋เซียนเอ๋อกำลังยืนอยู่บนผิวน้ำทะเลห่างจากเขาไปราวยี่สิบเมตร ใบหน้าสวยงามนั้นมีสีหน้าตกใจเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นความรู้สึกที่เปี่ยมไปด้วยความศรัทธาและชื่นชมแทน แล้วสีหน้ากังวลก็ค่อยๆจางหายไปจากใบหน้าของนาง
ภายใต้สายตาที่สำรวจไปตามเรือนร่างของไป๋เซียนเอ๋อนั้น หลิงหยุนกำลังชื่นชมเรือนร่างเปลือยเปล่าที่อยู่ด้านในชุดกระโปรงสีขาว เขารู้สึกประทับใจในสัดส่วนที่เซ็กซี่เย้ายวนและร้อนแรงนั้น!
“อืมม.. มันเยี่ยมมากจริงๆ..”
นับว่าเนตรหยินหยางของหลิงหยุนนั้นจะประสบความสำเร็จอย่างสูง เพราะแม้ว่าเขาจะรู้ผลลัพธ์ของมันดีอยู่แล้ว แต่ก็ยังอดที่จะประหลาดใจไม่ได้
เนตรหยินหยางนั้นไม่เพียงแค่สามารถมองทะลุวัตถุที่มีขนาดบางได้ แต่ยังสามารถมองทะลุผิวหนังของมนุษย์ได้อีกด้วย..
ตาเปล่าตรวจบาดแผลภายนอก จิตหยั่งรู้และเนตรหยินหยางตรวจหาต้นเหตุของโรคภัยไข้เจ็บ ยันต์บำบัดรักษาบาดแผลภายนอก ส่วนเก้าเข็มปลุกชีพรักษาอาการบาดเจ็บภายใน.. และนี่คือเซียนหมอตะ!
“เซียนเอ๋อ.. เจ้าเข้าฝั่งไปได้แล้ว.. ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว!”
หลิงหยุนสัมผัสได้ถึงความห่วงใยและเป็นกังวลของไป๋เซียนเอ๋อ เขาจึงยิ้มให้นางพร้อมกับร้องบอก..
หลิงหยุนพูดกับไป๋เซียนเอ๋อด้วยลักษณะท่าทางที่เป็นธรรมชาติ พร้อมกับลุกขึ้นยืนบนผิวน้ำทะเล และเงยหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้า สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่กลุ่มเมฆดำขนาดมหึมาที่อยู่บนศรีษะ แต่ในใจกลับไม่รู้สึกังวล..
กลุ่มเมฆขนาดมหึมานั้นยังคงเป็นสีดำทะมึน เป็นการบ่งบอกว่าอสุสีบาตยังคงไม่สิ้นสุด และเขาประเมินว่าตนเองจะสามารถทานทนและรับมือได้
หลิงหยุนเข้าสู่ขั้นปรับร่างกาย-7 ซึ่งเป็นด่านสุดท้ายของขั้นปรับร่างกายได้แล้ว จุดตันเถียนของเขาก็ขยายใหญ่ขึ้นจนมีเส้นผ่าศูนย์กลางถึงสิบสองเซ็นติเมตร ส่วนเส้นลมปราณวิสามัญทั้งแปดเส้นนั้นหนาเท่ากับนิ้วโป้ง อีกทั้งเขายังมีพลังอมตะสีทองจางๆที่หว่างคิ้วอีกด้วย ในเวลานี้.. หลิงหยุนจึงมีความมั่นใจอย่างล้นเหลือ!
“อสุนีบาตงั้นรึ? สวรรค์.. ข้าจะสู้กับเจ้า!”
หลิงหยุนเดินกลับเข้าฝั่ง เขาแบฝ่ามือขวาออก และพบว่าลูกประคำโพธิยังคงเป็นสีดำ แต่ภาพของพระพุทธเจ้าที่อยู่บนผิวของลูกประคำโพธินั้นกลับชัดเจนมากขึ้น เขาจึงได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ!
หลิงหยุนวิ่งแซงหน้าไป๋เซียนเอ๋อไปพร้อมกับรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ และเพียงกระโดดแค่สามครั้ง หลิงหยุนก็ไปถึงยอดเขาแล้ว!
หลิงหยุนฟาดฟันกระบี่โลหิตแดนใต้ในมือขวาไปมาอยู่กลางอากาศด้วยความรวดเร็ว และคล่องแคล่ว จนกระทั่งเห็นใบมีดสีดำนั้นไม่ต่างจากม่านดำ
“เอาล่ะ.. ครั้งนี้ดูเหมือนกระบี่เล่มนี้จะเหมาะมือที่สุด!” หลิงหยุนยิ้ม และรู้สึกว่าครั้งนี้ตนเองสามารถใช้กระบี่โลหิตแดนใต้ได้คล่องแคล่วไม่ต่างจากการใช้ตะเกียบ
“เจ้าไปสู้พร้อมกับข้านะ..!” หลิงหยุนมองกระบี่แดนใต้ในมือ และพูดคุยกับมันราวกับเพื่อนเก่า
กระบี่โลหิตแดนใต้ในมือของหลิงหยุนสั่น และมีเสียงคล้ายมังกรกำลังคำราม..!
ครืน.. ครืน..
เสียงฟ้าร้องครืนๆ ดังมาจากกลุ่มเมฆสีดำขนาดมหึมาอีกครั้ง และแรงบีบคั้นระหว่างสวรรค์กับโลกก็กำลังเพิ่มขึ้นอีก..
เปรี้ยง!
สายฟ้าสีทองทะลุเมฆดำทะมึนลงมาใสส่หลิงหยุนอีกครั้ง!
หลิงหยุนยืมอย่างถือดี ร่างของเขายืดตรงอย่างจองหอง สายตาของเขามุ่งมั่น และเต็มไปด้วยจิตวิญญาณของนักสู้
สู้กับสวรรค์เป็นเรื่องที่น่าสนุกไม่น้อย!
ทุกครั้งที่หลิงหยุนถูกสวรรค์ทดสอบ เขาจะรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก เขายกกระบี่ชี้ขึ้นฟ้า..
เปรี้ยง!
ฟ้าผ่าลงตรงปลายกระบี่โลหิตแดนใต้ แสงสีทองจมลึกลงไปในคมกระบี่ และแขนของหลิงหยุนก็สั่นอย่างรุนแรงจนแทบจะจับด้ามกระบี่ไว้ไม่อยู่!
หลิงหยุนขนลุกไปทั่วทั้งร่างกาย แต่เขาไม่ใส่ใจ หลิงหยุนเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า พร้อมกับร้องตะโกนอย่างท้าทาย “มาเลย..!”
ความจริงแล้ว พลังของสายฟ้าสีทองเมื่อครู่นั้น มีอานุภาพรุนแรงกว่าสายฟ้าเทวะสีทองเส้นสุดท้ายของอสุนีบาตชุดที่สองที่เพิ่งจบไป และถึงแม้หลิงหยุนจะเข้าสู่ขั้นปรับร่างกาย-7 แล้ว ก็คงจะทานทนได้ยาก แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่..? กระบี่โลหิตแดนใต้กลับช่วยดูดซับพลังที่แข็งแกร่งของสายฟ้าที่ฟาดลงมาไปเกือบแปดสิบเปอร์เซ็นต์ หลิงหยุนจึงได้แต่โล่งอก!
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
ภายใต้กลุ่มเมฆขนาดมหึมา สายฟ้าสีทองอีกสิบเส้นก็ผ่าลงมาบนร่างของหลิงหยุน จนเขาไม่สามารถต้านทานได้ และความรุนแรงของมัน ทำให้ร่างของหลิงหยุนลอยละลิ่วออกไปไกลกว่าร้อยเมตร!
แต่ถึงกระนั้น.. ร่างของหลิงหยุนที่ลอยละลิ่วออกไปไกลนั้นกลับไม่มีบาดแผลแม้แต่น้อย หลิงหยุนวิ่งขึ้นไปบนยอดเขาด้วยความรวดเร็ว และมั่นใจ จากนั้นจึงเงยหน้าเผชิญหน้ากับกลุ่มเมฆดำมหึมาพร้อมกับร้องตะโกนออกมาอย่างท้าทาย..
“มาเลย..!”