[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]

บทที่ 479 : สู้กับฟ้า!

เนินเขาที่หลิงหยุนวิ่งขึ้นไปนั้นไม่สูงมาก และกลุ่มเมฆขนาดมหึมาที่ราวกลับทาสีดำไว้นั้น ก็ลอยอยู่เหนือศรีษะของหลิงหยุนในระยะที่ค่อนข้างต่ำมาก!

กลุ่มเมฆดำทะมึนขนาดมหึมาสั่นไหวอย่างรุนแรง และค่อยๆลอยต่ำลงราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังห้อยหัวลงพร้อมที่จะกลืนกินหลิงหยุนได้ตลอดเวลา!

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเสียงร้องตะโกนท้าทายของหลิงหยุนหรือไม่?! ทำให้กลุ่มเมฆขนาดมหึมานี้ดูคล้ายกับกำลังโกรธเกรี้ยว และพร้อมที่จะถล่มลงมาด้ทุกเมื่อ!

ท้องฟ้ากำลังกดทับลงมามากขึ้นถึงห้าหกเท่า จนหลิงหยุนต้องถึงกับค้อมตัวลง และพุ่งไปข้างหน้าสองก้าวก่อนจะยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น!

หลิงหยุนรู้สึกราวกับว่าไหล่ของตนเองทั้งสองข้างนั้น กำลังถูกของที่มีน้ำหนักเป็นพันกิโลกรัมกดทับไว้ ใบหน้าของเขาแดงก่ำขึ้นมาทันที จนเส้นเลือดตามขมับและหน้าผากถึงกับปูดโปน!

“ไม่นะ.. เป็นไปไม่ได้! ไม่เคยปรากฏว่ามีแรงกดดัน และบีบคั้นในขั้นทดสอบเล็กๆเช่นนี้มาก่อน หากเป็นเช่นนี้ต่อไป.. ไม่เท่ากับว่าจงใจให้ข้าตายหรือยังไง?”

หลิงหยุนเริ่มสัมผัสได้ถึงปัญหาที่น่าหนักใจขึ้นมาทันที!

ฟ้าดินช่างไร้เมตตานัก.. ท่านปฏิบัติต่อทุกชีวิตไม่ต่างจากสุนัขตัวหนึ่ง!

การที่ไป๋เซียนเอ๋อต้องเผชิญกับบททดสอบที่หนักหน่วง นั่นเพราะนางต้องการกลายร่าง! แต่สำหรับหลิงหยุนที่เพียงแค่ก้าวเข้าสู่ขั้นที่สูงขึ้น เหตุใดจึงต้องได้รับบททดสอบที่หนักยิ่งกว่านาง!

ไหล่ของหลิงหยุนทั้งสองข้างยังคงแบกรับแรงกดดันที่ไม่สามารถมองเห็นได้ เขากัดฟันแน่น คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันจนย่น ดวงตาหรี่เล็ก และพยายามที่จะยืดร่างกายให้ตรง เพื่อที่จะได้เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า!

“ข้าจากโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่ของตนเองมานับพันพันล้านไมล์.. เพื่อมาเกิดใหม่และเริ่มต้นฝึกฝนใหม่.. นี่ท่านจะไม่ปล่อยข้าไปจริงๆเช่นนั้นหรือ?!”

“ไม่ง่ายนักหรอกนะที่เจ้าจะเอาชีวิตข้า!”

ในเมื่อฟ้าไม่ต้องการให้เขามีชีวิตอยู่.. เขาก็จะสู้กับฟ้าให้ถึงที่สุด!

หลิงหยุนเม้มริมฝีปากแน่นพร้อมกับจ้องมองกลุ่มเมฆหนาที่อยู่เหนือศรีษะด้วยสายตาที่เย็นชา แววตาของเขานั้นคมกริบ สีหน้าเต็มไปด้วยความท้าทาย และไม่ยอมแพ้!

หลิงหยุนโคจรดารกะดายันขั้นสูงสุด ร่างกายของเขาเริ่มมีอุณหภูมิที่สูงขึ้นจากอสุนีบาตสีทองที่ร่างกายของตนเพิ่งจะดูดซับเข้าไป

แม้หลิงหยุนรู้ดีกว่าใครๆว่า.. ทุกครั้งที่สายฟ้าฟาดลงมาบนร่างของเขานั้น เขาก็จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น แต่แม้ว่าเขาจะสามารถเอาชีวิตรอดจากคลื่นอสุนีบาตสองชุดสุดท้ายนี้ไปได้ ร่างกายของเขาก็คงจะอยู่ในระดับที่บอบช้ำมากทีเดียว!

ข้อดีของสายฟ้าที่ฟาดใส่ร่างของหลิงหยุนนั้น ได้ทำให้จุดตันเถียนอันน่าอัศจรรย์ของเขาหมุนด้วยอัตราที่เร็วขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งเส้นโค้งรูปมังกรก็เปล่งแสงสว่างไสวไปทั่วทั้งจุดตันเถียน ทำให้จุดตันเถียนของเขาได้กลายเป็นสีทองสุกสว่าง!

ภายในจุดตันเถียนของหลิงหยุนเวลานี้ พลังหยินเย็นได้เคลื่อนผ่านเส้นลมปราณที่ทั้งใหญ่ และแข็งแรงไปยังแขนที่ถือกระบี่อย่างรวดเร็วพร้อมกับได้ถ่ายเทพลังไปยังกระบี่โลหิตแดนใต้ในมือ และราวกับว่ากระบี่เล่มนี้จะรับรู้ถึงความโกรธเกรี้ยวในใจของหลิงหยุนได้ มันสั่นราวกับร่ำไห้ และมีเสียงดังคล้ายมังกรกำลังคำราม!

หลิงหยุนค้นพบว่าพลังอมตะที่อยู่ตรงตำแหน่งดวงตาที่สามของเขานั้นมีสีทองจางๆ และหากเทียบกับสีทองของสายฟ้าแล้ว ก็มีความคล้ายคลึงกันอย่างไม่ต้องสงสัย

ครืน.. เปรี้ยง!

และเมื่อหลิงหยุนเริ่มจะปรับตัวให้เข้ากับแรงบีบของสวรรค์ได้แล้ว สายฟ้าหกเส้นสุดท้ายของอสุนีบาตชุดที่สามก็ผ่าลงมา!

สายฟ้าสีทองที่แข็งแกร่งพุ่งลงมาราวกับมังกรทองพุ่งตัวออกมาจากกลุ่มเมฆขนาดมหึมานั้น และพร้อมที่จะฟาดใส่หลิงหยุน!

“ให้ข้าได้พักบ้างสิ!”

หลิงหยุนคำรามออกไปในขณะที่ยังต้องแบกรับแรงกดดันกว่าพันกิโลกรัมไว้บนไหล่ มือขวาของเขากวัดแกว่งกระบี่โลหิตแดนใต้เข้าใส่สายฟ้าสีทอง และมือซ้ายกำหมัดปีศาจเถียนกังเข้าสู้!

แม้ว่าสิ่งที่หลิงหยุนทำนั้นดูเหมือนจะช่วยอะไรได้ไม่มากนัก แต่นั่นแสดงให้เห็นถึงสภาวะจิตใจของเขาเอง.. สภาวะของใจที่ไม่ยอมแพ้ และยอมตายมากกว่าจะยอมอ่อนข้อ!

หลิงหยุนในเวลานี้ยังไม่เข้าสู่ขั้นอมตะ.. จึงยังไม่มี ‘ดวงจิตเดิม’ ที่จะสามารถหนีไปเกิดใหม่ได้อีก ดังนั้นหากครั้งนี้เขาต้องเสียชีวิตลง ย่อมหมายความว่าเขาต้องตายจริงๆ!

เปรี้ยง!

ร่างของหลิงหยุนจมอยู่ในสายฟ้าสีทอง หากมองจากด้านนอกแล้ว ก็จะเห็นเพียงแค่สายฟ้าสีทองขนาดใหญ่ และไม่สามารถเห็นสิ่งอื่นได้เลย

ครั้งนี้.. ร่างของหลิงหยุนไม่กระดอนขึ้นสูงเหมือนทุกครั้ง แต่กลับถูกล้อมรอบไว้ด้วยสายฟ้าสีทองที่มีลักษณะคล้ายงูจำนวนนับไม่ถ้วน ทำให้หลิงหยุนดูราวกับเป็นเทพเจ้าสายฟ้าที่กำลังเดินออกมาจากสายฟ้าสีทองขนาดใหญ่!

แม้ว่าอสุนีบาตสีทองชุดนี้จะมีแรงกดที่ทรงพลังเพื่อให้หลิงหยุนต้องคุกเข่าลง แต่เขากลับต่อต้านและไม่ยอมคุกเข่า หลิงหยุนกัดฟันยืนหยัด และใช้กำลังทั้งหมดที่มียืดเข่าที่กำลังโค้งงอให้เหยียดตรงได้อีกครั้ง!

ห้ามคุกเข่า!

หลิงหยุนผ่านอสุนีบาตมาหลายครั้งหลายครา แต่ไม่เคยมีครั้งใหนที่เขาจะยอมคุกเข่าให้!

การคุกเข่าไม่ใช่นิสัยของหลิงหยุน! ถึงแม้ว่าการคุกเข่านั้นจะช่วยลดแรงกดดันบนไหล่ที่มีน้ำหนักเป็นพันกิโลกรัมได้ แต่หลิงหยุนก็จะไม่มีวันยอมคุกเข่าอย่างเด็ดขาด!

ร่างของหลิงหยุนในเวลานี้ถูกสายฟ้าสีทองกดลงจนโค้งงอไม่ต่างจากกุ้ง และขาทั้งสองข้างที่แบกรับแรงกดไว้นั้นก็ถึงกับสั่นรุนแรง แต่เขาก็พยายายามยืดจนตรงได้อีกครั้ง!

เมื่อสายฟ้าสีทองหายไป.. ไป๋เซียนเอ๋อที่อยู่ห่างจากหลิงหยุนไปราวหนึ่งร้องเมตร และได้เห็นภาพทั้งหมด ก็ถึงกับน้ำตาคลอเบ้าและกำมือแน่น พร้อมกับแอบส่งกำลังใจให้กับหลิงหยุนอยู่เงียบๆ

มนุษย์มีอารมณ์ความรู้สึก ปีศาจมีความเที่ยงธรรม แต่สวรรค์กับไร้หัวใจ!

ครืน.. เปรี้ยง! เปรี้ยง!

เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นสองครั้ง และสายฟ้าสีทองหนาจำนวนสองเส้น ก็ฟาดเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนทันที!

สายฟ้าทั้งสองเส้นที่ฟาดใส่ร่างของหลิงหยุนนั้น ทำให้เลือดพุ่งออกจากปากและจมูกของเขาพร้อมๆกัน แม้ว่าหลิงหยุนจะพยายามดิ้นรนต้านทาน แต่ก็ไม่สามารถต้านไหว ร่างของเขาลอยละลิ่วขึ้นไปบนฟ้า และตกลงไปบนพื้นอีกครั้ง ใบหน้าของเขากลายเป็นสีทองไม่ต่างจากทองคำเปลว!

สายฟ้าทั้งสองเส้นนี้ทำให้หลิงหยุนได้รับบาดเจ็บภายในเล็กน้อย และกระบี่โลหิตแดนใต้ในมือของเขานั้น ก็ช่วยรับพลังสายฟ้าที่ผ่าลงมาให้ถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ไม่เช่นนั้นคงคาดเดาได้ไม่ยากว่าหลิงหยุนจะมีสภาพเช่นไร?!

หากไม่ใช่เพราะหลิงหยุนได้ผ่านเข้าสู่ขั้นปรับร่างกาย-7 แล้ว เขาคงจะต้องตายทันทีอย่างแน่นอนหากเจอสายฟ้าสองเส้นนี้เข้าไป!

ฮึบ.. ฮึบ..

หลิงหยุนหายใจหอบบแรง และใช้แขนข้างหนึ่งพยุงร่างของตนเองให้ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ร่างของเขาสั่นเทิ้ม และพร้อมที่จะล้มลงไปอีกเมื่อใดก็ได้ แต่สายตาของเขากลับมีแต่ความเหยียดหยัน!

“นายท่าน!” ไป๋เซียนเอ๋อพึมพำออกมาเมื่อเห็นสภาพที่น่าเวทนาของหลิงหยุน นางหวาดกลัวและตื่นตระหนกจนรีบวิ่งเข้าไปหาหลิงหยุน!

“เซียนเอ๋อ.. เจ้ากลับออกไป ข้าไม่เป็นอะไร!”

หลิงหยุนยกมือข้างซ้ายที่เนื้อเปิดจนเห็นกระดูกขึ้นโบกห้ามไม่ให้ไป๋เซียนเอ๋อเข้ามาใกล้..

จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองกลุ่มเมฆขนาดใหญ่ที่อยู่เหนือศรีษะพร้อมกับพูดรอดไรฟัน

“นี่ขนาดส่งสายฟ้าสีทองมาพร้อมกันสองเส้น.. ท่านยังสังหารข้าไม่ได้! โอกาสของท่านเหลือเพียงแค่สามครั้งสินะ!”

แม้หลิงหยุนจะรู้ดีว่านี่เป็นช่วงนาทีแห่งความเป็นและความตาย แต่เขากลับไม่สนใจ เขาเรียกยันต์เพชร และยันต์เกราะชุดสุดท้ายออกมา และรีบติดไว้ที่ตัวก่อนจะร้องสั่งให้ออกฤทธิ์

นี่เป็นยันต์ระดับหนึ่ง และระดับสองที่หลิงหยุนปลุกเสกขึ้นมาเพื่อช่วยไป๋เซียนเอ๋อ!

ฟรึบ!

กระบี่มังกรขาวปรากฏขึ้นในมือข้างซ้ายของหลิงหยุน ส่วนมือข้างขวาก็มีกระบี่โลหิตแดนใต้ แม้ร่างของเขาจะสั่นเทา แต่ยังคงถือกระบี่ชี้ขึ้นฟ้าอย่างผยอง พร้อมกับร้องตะโกนท้าทาย

“เข้ามาเลย!”

แม้ว่ากลุ่มเมฆทะมึนขนาดใหญ่บนศรีษะจะไม่ส่งเสียงตอบกลับ แต่หากมันสามารถพูดได้ ก็คงจะพูดออกไปว่า “เจ้าจะได้ตามที่ร้องขอ!”

สายฟ้าสีทองสามเส้นสุดท้ายของอสุนีบาตชุดที่สามพุ่งลงมาจากกลุ่มเมฆพร้อมๆกันในทิศทางต่างกันไป แต่ทั้งหมดกลับพุ่งเป้าไปยังร่างของหลิงหยุนซึ่งอยู่บนยอดเขา!

สายฟ้าทั้งสามเส้นนั้นไม่หนามาก แต่ละเส้นดูเหมือนจะมีขนาดใหญ่เท่ากับผู้ใหญ่หนึ่งคน และมีลักษณะคล้ายกับเสาสีทองสุกสว่าง

และในขณะที่สายฟ้าทั้งสามเส้นกำลังจะผ่าเข้าที่กลางศรีษะของหลิงหยุน สายฟ้าสีทองทั้งสามกลับรวมตัวเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว!

เปรี้ยง! เสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วท้องฟ้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!

สายฟ้าสีทองขนาดใหญ่ที่เกิดจากการรวมตัวของสายฟ้าสีทองทั้งสามเส้นนั้น เปล่งประกายสีทองเจิดจ้าสว่างไสวไปไกลหลายร้อยไมล์ทะเล และแสงสีทองก็ส่องลึกลงไปจนถึงใต้ท้องทะเล!

ทางด้านไป๋เซียนเอ๋อที่สัมผัสได้ถึงพลังรุนแรงนั้น ได้แต่ยกมือขึ้นปิดตาด้วยความหวาดกลัว!

เปรี้ยง!

สายฟ้าสีทองที่มีอานุภาพรุนแรง ผ่าลงกลางร่างของหลิงหยุน!

หลิงหยุนไม่มีท่าทางหวาดกลัวแม้แต่น้อย แววตาของเขาเต็มไปด้วยความท้าทาย และความโกรธเกรี้ยว ภายในจิตใจเต็มไปด้วยความถือดี และหาญสู้กับอสุนีบาตชุดสุดท้ายนี้ หลิงหยุนไม่ใส่ใจกับอะไรอีก เพราะได้พยายามอย่างที่สุดแล้ว!

“กระบี่ปราบสวรรค์! กระบี่นวสังหาร!”

มือซ้ายที่ถือกระบี่มังกรขาวนั้นใช้กระบวนท่า ‘นวสังหาร’ ส่วนมือขวาที่ถือกระบี่โลหิตแดนใต้ร่ายรำกระบวนท่า ‘ดับโลก’ ซึ่งเป็นหนึ่งในกระบวนท่าของเพลงกระบี่ปราบสวรรค์ กระบี่ในมือทั้งสองข้างของหลิงหยุนเคลื่อนไหวไม่หยุดระหว่างเผชิญหน้ากับสายฟ้าสีทองที่ทรงพลัง!

และนี่คือกำลังขั้นสูงสุดของหลิงหยุนในเวลานี้ เขายืนเผชิญหน้าปกป้องตนเองจากอสุนีบาตชุดที่สามอย่างห้าวหาญ!

เมื่อกระบี่โลหิตแดนใต้ และกระบี่มังกรขาวปะทะเข้ากับสายฟ้าที่ฟาดลงมานั้น ก็เกิดเสียงคล้ายโลหะกระทบกัน!

แม้กระบี่ในมือทั้งสองข้างของหลิงหยุนจะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วปานพายุ แต่กลับไม่มีผลกระทบ หรือเป็นอุปสรรคต่อสายฟ้าที่ฟาดใส่หลิงหยุนเลยแม้แต่น้อย!

กระดูกภายในร่างกายของหลิงหยุนแตกหัก และไม่รู้ว่ากระดูกข้อต่อของเขานั้นได้หักไปกี่ชิ้นแล้ว และตอนนี้หลิงหยุนรู้สึกร้าวรานไปทั่วทั้งร่างกาย!

เคร้ง.. เคร้ง..

กระบี่โลหิตแดนใต้ และกระบี่มังกรขาวร่วงหล่นจากมือของหลิงหยุนลงสู่พื้นดินพร้อมๆกัน หลิงหยุนกระอักเลือดครั้งแล้วครั้งเล่า และผิวเนื้อของเขาก็เต็มไปด้วยเลือดสีแดง กระดูกหักจนนับไม่ถ้วน มือของหลิงหยุนทิ้งลงข้างตัวอย่างอ่อนแรงก่อนที่ร่างจะทรุดลงไปกับพื้น และกลิ้งตกลงมาจากยอดเขา!

หลังจากที่สายฟ้าเส้นหนาสีทองผ่าลงบนร่างของหลิงหยุนแล้ว ก่อนที่จะหายวับไปนั้นก็ได้ปรากฏภาพคล้ายหัวของมังกรเทวะ..

“นายท่าน!”

นาทีนั้น.. ไป๋เซียนเอ๋อไม่สนใจอะไรอีก นางไม่สนใจจะมองไปยังกลุ่มเมฆดำทะมึนที่หายวับไปอย่างรวดเร็วด้วยซ้ำ แต่กลับวิ่งตรงเข้าไปยังร่างของหลิงหยุน และรีบก้มลงกอดร่างของเขาไว้ในอ้อมแขน!

น้ำตาของไป๋เซียนเอ๋อพร่างพรูออกมาราวกับสายน้ำ!

“เซียนเอ๋อ.. เจ้าไม่ต้องตกใจ! อสุนีบาตกระจอกนั่นฆ่าข้าไม่ได้หรอก.. แค๊ก.. แค๊ก..”

หลิงหยุนไอออกมาเป็นเลือดกองใหญ่ระหว่างที่พูด แววตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและภูมิใจ แม้จะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ก็รู้ว่าตัวเขาจะต้องไม่ตาย!

อานุภาพของสายฟ้าสีทองสามเส้นสุดท้ายนั้น รุนแรง และน่าสยดสยองอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ และเมื่อสายฟ้าทั้งสามเส้นรวมตัวเข้าด้วยกัน แม้ว่ากระบี่โลหิตแดนใต้ และกระบี่มังกรขาวจะช่วยต้านทานอานุภาพของมันได้ถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ร่างกายของหลิงหยุนก็ยังได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส..

หลิงหยุนตื่นเต้นอย่าบอกไม่ถูกเมื่อเห็นว่ากลุ่มเมฆขนาดมหึมาบนศรีษะได้สลายตัวไปอย่างรวดเร็ว

“คงจะไม่มีอสุนีบาตชุดที่สี่แล้วสินะ?!”

หลิงหยุนได้แต่นึกประหลาดใจอยู่เงียบๆ

แค๊ก แค๊ก

หลิงหยุนไอออกมาเป็นเลือดกองใหญ่อีกครั้ง หลังจากนั่งพักไปครู่ใหญ่เขาจึงเรียกยันต์บำบัดระดับสองออกมาสองมัด พร้อมกับสั่งเซียนเอ่อว่า

“เซียนเอ๋อ.. เจ้าเอายันต์เหล่านี้ติดไว้ตามร่างกายของข้า..”