ตอนที่1359 ชายผู้มีอดีตมากมาย

 

“เย่หยวน ความสามารถในศาสตร์แห่งโอสถของเจ้าช่างน่าทึ่งนัก ไฉน…ถึงไม่มาเข้าร่วมกับหอมหาสมบัติอย่างเป็นทางการล่ะ?”

เซียวเฟิ้งหยิบยื่นคำเชิญเชิญให้แก่เย่หยวนอย่างจริงจัง ซึ่งเขาก็มั่นใจว่าหากเป็นเขาที่เอ่ยปากออกมาเอง เย่หยวนย่อมไม่ปฏิเสธแน่นอน

หากไม่มีใครมาปกป้องเย่หยวนเลยในระหว่างนี้ ตัวเย่หยวนเองจะไม่มีอะไรเอาไว้ต่อกรกับตระกูลหวังได้เลย

เขาเชื่ออย่างยิ่งว่า เด็กฉลาดและหัวไวอย่างเย่หยวนย่อมรู้จักเลือก

 

แต่ใครจะไปรู้ เย่หยวนกลับส่ายหัวเล็กน้อยและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า

“ขอบพระคุณอย่างยิ่งสำหรับความปรารถนาดีของผู้อาวุโสเซียว แต่เย่คนนี้มีที่ไปอยู่แล้ว”

 

คำตอบของเย่หยวนทำเอาเซียวเฟิ้งมึนงงไปชั่วขณะ เห็นได้ชัดว่า เย่หยวนตระหนักถึงสถานการณ์ในตอนนี้ชัดเจนกว่าใครอื่น

 

“เย่หยวน ที่พวกรุ่นเยาว์ของตระกูลหวังกล่าวขอโทษเจ้าก็เพราะข้ากดดัน ดีไม่ดี พวกนั้นกลับยิ่งคับแค้นใจหนักกว่าเก่า ตัวเจ้า…ยังไม่รู้ซึ้งถึงความน่ากลัวของตระกูลหวังดีพอ เจ้าเข้าใจที่ข้ากล่าวไปหรือไม่?”

เซียวเฟิ้งพยายามกล่าวโน้มน้าวเย่หยวน

 

เย่หยวนเพียงยิ้มและกล่าวว่า

“เย่คนนี้ตระหนักชัดแจ้งถึงเรื่องเหล่านี้ดี แต่ข้ามีแผนปักในใจแล้ว แต่ผู้อาวุโสเซียวโปรดมั่นใจ พวกเรายังคงสัมพันธ์ดั่งศิษย์อาจารย์ดังเดิม”

 

เซียวเฟิ้งพลันขมวดคิ้วขึ้นฉับพลัน เขาไม่เข้าใจความหมายที่เย่หยวนกล่าวออกมา

ทว่าในไม่ช้า เขาก็ตระหนักได้โดยไวและกล่าวขึ้นอย่างประหลาดใจว่า

“หรือเจ้าคิดจะเข้าศึกษาในสถานศึกษาหวูเมิ่ง?”

 

เย่หยวนพยักหน้าและกล่าวตอบว่า

“ถูกต้องแล้ว! สถานที่ที่รวบรวมเหล่าอัจฉริยะเอาไว้ เย่คนนี้ตั้งความหวังกับสถานศึกษาหวูเมิ่งไว้มาก!”

 

เซียวเฟิ้งพลันรู้สึกกระวนกระวายไม่น้อยเมื่อได้ยินและเร่งเร้ากล่าวขึ้นว่า

“เย่หยวน พรสวรรค์บนเส้นทางแห่งโอสถของเจ้าช่างยิ่งใหญ่นัก แม้แต่เราชายชรายังต้องยอมรับตามตรงว่าด้อยกว่า! เจ้าสามารถเพลิดเพลินกับทรัพยากรอันไม่รู้จบของหอมหาสมบัติได้ตามใจนึก แต่ไฉนถึงต้องลงไปลำบาก แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกับคนอื่นๆ!”

 

สถานศึกษาหวูเมิ่งให้ความสำคัญกับนักหลอมโอสถเป็นพิเศษก็จริง แต่กลุ่มที่สำคัญที่สุดยังคงเป็นเหล่านักสู้ผู้ฝึกปรือ

เมื่ออยู่ในสถานศึกษาหวูเมิ่ง หากเป็นเพียงศิษย์ธรรมดาทั่วไปล้วนมีทรัพยากรที่จำกัด ยามต้องการอยากได้เพิ่มจำต้องต่อยตีกับคนอื่นเพื่อแย่งชิงมาเท่านั้น

แต่ภายในหอมหาสมบัติแห่งนี้ เย่หยวนจะสามารถเสพสุขเพลิดเพลินไปกับทรัพยากรจำนวนไม่สิ้นสุดที่ทางเซียวเฟิ้งประเคยให้ไม่ขาดสาย

ผนวกกับพรสวรรค์ในศาสตร์แห่งโอสถของเขา สามารถการันตีได้เลยถึงความสำเร็จในอนาคตอย่างไร้ขีดจำกัด

 

ในมุมมองของเซียวเฟิ้ง เย่หยวนกำลังอยู่ในช่วงหยิ่งผยองดั่งวัยหนุ่มสาว จึงละเลยสิ่งสำคัญเหล่านี้ไป

เย่หยวนแค่คลี่ยิ้มบางแต่มิได้เอ่ยปากกล่าวอันใดตอบ เห็นได้ชัดว่าเขาได้ตัดสินใจลงไปแล้ว

 

เมื่อเห็นดังนั้นเซียวเฟิ้งทำได้เพียงถอนหายใจและกล่าวว่า

“ช่างเถอะ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเจ้าเอง! แต่การที่เจ้ามอบสูตรโอสถบ่มเพาะปราณแก่พวกเราหอมหาสมบัติ นับเป็นบุญคุณครั้งใหญ่หลวง ทางหอมหาสมบัติขอมอบป้ายตราระดับสัมฤทธิ์แก่เจ้า ตราบใดที่เจ้าถือป้ายตรานี้เข้ามาในหอมหาสมบัติ เจ้าจะได้รับส่วนลดทันทีสามในสิบส่วนโดยปราศจากเงื่อนไขอื่นใด! นอกจากนี้ยังมีผลึกปราณเทวะระดับต่ำให้อีกเป็นจำนวนสิบล้านก้อน! ถึงนี่จะไม่มีมูลค่ามากมายนัก แต่น่าจะพอสำหรับแลกเปลี่ยนกับสูตรโอสถบ่มเพาะปราณนี้”

 

คู่ดวงเนตรเย่หยวนเปล่งประกายสว่างจ้าในทันที เขารับป้ายตราเอาไว้และกล่าวขอบคุณ

“ขอบพระคุณอย่างยิ่งผู้อาวุโส!”

 

เซียวเฟิ้งหัวร่อเสียงดังพลางกล่าวประชดประชันเชิงหยอกเล่นขึ้นว่า

“เจ้าเด็กคนนี้ ยืนกรานแน่วแน่เด็ดขาดโดยแท้! ทรัพยากรจับจ่ายโดยไม่เสียสักแดงกลับไม่ ดันชอบส่วนลดเสียแบบนั้น!”

ใจจริงที่เซียวเฟิ้งต้องการให้เย่หยวนเข้าร่วมกับหอมหาสมบัติ หนึ่งเลยคือการสนับสนุนด้านทรัพยากรที่ค่อนข้างพร้อม ด้วยสิ่งนี้สามารถการันตีความสำเร็จในอนาคตของเย่หยวนได้เลย และสองนี่ก็เพื่อความปลอดภัยของเย่หยวนเอง หากเข้าร่วมกับหอมหาสมบัติ เชื่อได้เลยว่าฝ่ายตระกูลหวังจะไม่กล้าก้าวกายเด็ดขาด

อยู่ด้วยกันมาเป็นเวลาครึ่งปี ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองสนิทชิดเชื้อยิ่ง ย่อมเป็นห่วงซึ่งกันและกันเป็นธรรมดา

โดยไม่ทันรู้ตัว เซียวเฟิ้งกับเย่หยวนในปัจจุบันกลับกลายมาเป็นสหายสนิทกันไปแล้ว

 

เย่หยวนหัวเราะคิกคักเมื่อได้ยินและกล่าวว่า

“ที่จริงแล้ว เข้าศึกษาในสถานศึกษาหวูเมิ่งก็ดีเหมือนกัน ข้าจะได้เข้าไปฟังการบรรยายของผู้อาวุโสเซียวในอนาคตต่อไป”

 

เซียวเฟิ้งส่ายหัวพร้อมชี้แจงว่า

“เจ้าคงไม่มีโอกาสเช่นนี้อีกต่อไป ครึ่งปีที่ผ่านมา เราชายชราเก็บเกี่ยวผลกำไรได้มหาศาล หลังจากนี้คงปลีกวิเวกเก็บตัวเป็นเวลาสักพักใหญ่!”

 

เย่หยวนโพล่งตาเบิกกว้าง ครั้นอุทานขึ้นว่า

“ผู้อาวุโสเซียว หรือท่านกำลังจะ…เลื่อนระดับชั้นแล้ว?”

 

เซียวเฟิ้งยกยิ้มกล่าวหัวเราะขึ้นเบาๆว่า

“บางทีข้าจะทำสำเร็จหรือไม่กลับไม่แน่ แต่หากประสบความสำเร็จจริงๆ ข้าจะยกความดีความชอบให้เจ้าเลยครึ่งหนึ่ง! การได้สนทนาแลกเปลี่ยนความรู้กับเจ้า นับเป็นวาสนาในชีวิตข้าแล้ว!”

 

 

เย่หยวนกล่าวตอบอย่างยิ้มแย้มว่า

“ผู้อาวุโสเซียวเจนจัดผ่านโลกมามากสารพัด เลื่อนขั้นได้สำเร็จกลับเป็นเพราะความสามารถของตัวท่านเองล้วนๆ เย่คนนี้ไม่กล้ารับความดีความชอบนี้ได้! แต่อย่างไรก็ดี เย่คนนี้ขอแสดงความยินดีกับผู้อาวุโสเซียวล่วงหน้า!”

ในปัจจุบัน เซียวเฟิ้งสำเร็จถึงอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าขั้นสุดแล้ว หากเลื่อนระดับชั้นในคราวนี้ได้ เขาจะขึ้นกลายเป็นยอดเซียนอาณาจักรราชันย์พระเจ้า!

เมื่อถึงตอนนั้น ยังจะมีกลุ่มอำนาจใดหาญกล้าล้ำเส้นข้าคนนี้ได้อีก?

หากเซียวเฟิ้งทำสำเร็จ นี่เทียบเท่ากับว่าหลีฮื้อ(ปลาคาร์ฟ)กระโดดผ่านประตูมังกรในอึดใจเดียว!

 

เซียวเฟิ้งร่วนหัวเราะร่าเสียงดัง กล่าวตอบว่า

“เจ้าเด็กคนนี้ ยังมิทันทราบว่าจะสำเร็จหรือไม่ กลับกล่าวไร้สาระเสียแล้ว! ระหว่างสองอาณาจักรพลังนี้ ยากเย็นแสนเข็ญประดุจขึ้นสวรรค์! จะเลื่อนระดับชั้นได้ง่ายปานนั้น? เอาล่ะ เลิกกล่าวเรื่องนี้กันได้แล้ว ในเมื่อจะเข้าศึกษาในสถานศึกษาหวูเมิ่งอยู่แล้ว ไฉนไม่ออกเดินทางไปยังเมืองหลวงหวูเมิ่งพร้อมเราชายชราเลย?”

 

เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า

“รบกวนท่านแล้ว!”

ขอบเขตความรู้ของหวูเฉินกว้างไพศาลสุดหยั่งถึง แต่ท้ายที่สุดเขากลับมิใช่นักหลอมโอสถ

ข้อมูลเชิงลึกและประสบการณ์ความรู้สึกระหว่างการหลอม ในจุดนี้เซียวเฟิ้งเจนจัดคมกว่าอยู่หลายส่วน ระหว่างสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้กัน เย่หยวนเองก็ได้รับความรู้มามากมาย

 

 

………………………..

 

 

หลายปีที่ผ่านมานี้ เหลียงหวางหรูน้ำหนักลดลงไปมาก

เย่หยวนค่อยๆตีตัวออกห่าง ยามสนทนาพบหน้ากันกลับน้อยลงเรื่อยๆ

 

“แม่นางหวางหรู”

สุ้มเสียงที่ปรารถนา รอคอยมาแสนนานดั่งฝันดังขึ้นจากด้านหลังของนาง เหลียงหวางหรูใจสั่นระรัวไม่เป็นจังหวะ

 

“นายท่านเย่! ในที่สุด…ในที่สุดท่านก็มาหาหวางหรูเสียที!”

ยามได้เห็นเย่หยวนอีกครั้ง เหลียงหวางหรูมิอาจอดกลั้นน้ำตาได้ไหวอีกต่อไป พร้อมไหลรินลงมาจนเปรอะเปื้อนแก้มขาวนวล

นางรู้สึกได้อย่างชัดเจน หลายปีมานี้คล้ายกับว่าเย่หยวนพยายามตีตัวออกห่าง ลดการพบปะสนทนากันน้อยลงจนสัมผัสได้

ช่วงเวลาหลายปีมานี้ เหลัยงหวางหรูกลับรู้สึกทรมานเสียยิ่งกว่าตอนที่ถูกตระกูลเหลียงจับขังในคุกใต้ดินเสียอีก

เย่หยวนคนนี้ช่วยเหลือนางจากความตายตั้งหลายคราต่อหลายครา ถึงขั้นที่ว่าบุกเข้าตระกูลหวัง ทั้งยังหลอมกลั่นโอสถศักดิ์สิทธิ์ให้แก่นาง จนกลายมาเป็นเซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้า ผู้ครอบครองขุมพลังอันไร้ขีดจำกัดอยู่ในกำมือดั่งปัจจุบัน

ในสายตาของเหลียงหวางหรู เย่หยวนผู้นี้เปรียบดั่งวีรบุรุษในใจนางเสมอมา

 

ด้วยเหตุนี้จะมิให้เหลียงหวางหรูหลงเย่หยวนหัวปักหัวปำได้อย่างไร?

 

เย่หยวนที่เห็นนางแบบนั้นพลันถอนหายใจเฮือกใหญ่และกล่าวว่า

“แม่นางหวางหรู ไฉนต้องเป็นแบบนี้?”

 

ทว่าตอนนี้ เหลียงหวางหรูหาได้สนใจอะไรอีกแล้ว นางโผเข้าสวมกอดเย่หยวนทันทีและกล่าวว่า

“หวางหรูไม่สน! ไม่สนอะไรอีกแล้ว! หวางหรูไม่ต้องการอะไรอีกแล้วในผืนพิภพ! ข้าต้องการแค่ท่าน! หากท่าน…ท่านไม่มาพบข้า ข้า…ข้าขอตายดีกว่า!”

นางมิได้ขู่ให้เย่หยวนกลัว ทว่าหลังจากที่นางหนีออกจากคุกใต้ดินตระกูลเหลียงได้ในปีนั้น ชีวิตของนางก็อยู่เพื่อเย่หยวนมาโดยตลอด

 

เย่หยวนลูบแผ่นหลังบางของนางอย่างแผ่วเบา พลางคลี่ยิ้มกล่าวอย่างขมขื่นว่า

“แม่นางหวางหรู เจ้าเป็นผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตเย่คนนี้เองไว้ มีหรือจะต้องการผลักไสหนีหน้า? เพียงแต่…เย่คนนี้กลับไม่สามารถโอบรับความรู้สึกของเจ้าได้แล้วจริงๆ!”

เย่หยวนถอนหายใจอย่างโศกเศร้า ทุกคำพูดที่เอ่ยออกมาล้วนเปี่ยมความเจ็บปวดและยากเกินจะบอก

มู่หลินเสวียเสียสละชีวิตเพื่อจัดหารข่านนั่ว สิ่งนี้ได้ทำให้เย่หยวนรู้ว่าหัวใจตนเองต้องการสิ่งใด

เยวี่ยเมิ่งลี่ผู้อ่อนโยนและอบอุ่น คอยช่วยเหลือและกำลังใจเขาในยามเดือดร้อนเสมอมา สิ่งนี้ได้ละลายน้ำแข็งภายในใจของเย่หยวนให้กลับมามีสีสันอีกครั้ง

 

รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดและลำบากใจของเย่หยวนเหลียงหวางหรูเงยหน้าขึ้นมองเย่หยวน ทันใดนั้นทั่วทั้งร่างของนางพลันสั่นเทาโดยมิตั้งใจ

เมื่อเงยหน้าช้อนขึ้นมอง นางพบว่าบนดวงตาของเย่หยวนปรากฏน้ำตาสีใสไสวไหลรินออกมา!

 

หากย้อนกลับไปในตอนนั้น เย่หยวนได้รับบาดเจ็บสาหัสเจียนตาย กระทั่งส่งเสียงร้องยังทำไม่ได้ ก็มีแต่เหลียงหวางหรูผู้มีจิตใจเมตตานางนี้ที่คอยเฝ้าดูแลอยู่ตลอด

ทว่าบุรุษเพศที่ถึงกับหลั่งน้ำตาเช่นนี้ ที่ผ่านมาเขาประสบพบเจอกับสิ่งใดมาบ้างกันแน่?

 

แท้ที่จริงแล้ว ความมุ่งมั่นของเขาสูงส่งเสียยิ่งกว่าสวรรค์ฟ้า! เขาต้องการขึ้นกลายเป็นจอมเทพเต๋าบรรพกาลคนที่สิบ!

เพียงแต่ เย่หยวนตระหนักทราบดีว่า ปณิธานเช่นนี้ของตนกลับสูงล้ำเกินความเป็นจริง

เส้นทางเบื้องหน้าต่อไปช่างหนักหนาสาหัสนับพันหมื่นทวีเท่า เมื่อเปรียบเทียบกับการเดินทางในดินแดนพฤกษานิรันดร์ที่ผ่านมาในอดีต!

 

ทันทีที่เห็นเช่นนั้น เหลียงหวางหรูรู้สึกปวดร้าวสุดขั้วหัวใจ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเย่หยวนไม่ยอมรับในความรู้สึกของนางที่มีให้

แต่ในขณะเดียวกัน น้ำตาของเย่หยวนก็คล้ายจะหลั่งไหลเข้าปลอบประโลมจิตใจของนางในเวลาเดียวกัน

 

ชั่วอึดใจนั้นเอง เหลียงหวางหรูคล้ายถูกกระตุ้นอย่างแรงกล้า นางอยากรู้เสียเหลือเกินว่า ชายหนุ่มผู้นี้เคยมีอดีตอย่างไรกันแน่?

นางเองก็เห็นอยู่ว่า อายุของเย่หยวนกลับมิได้เยอะ แต่ไฉนถึงราวกับมีประสบการณ์ผ่านโลกมาแล้วมากมาย

“นายท่านเย่ โปรดอย่าไล่ให้ข้าออกไปจากชีวิตท่านเลยได้หรือไม่? หวางหรูกลับมิได้ต้องการคำสัญญาใดๆจากท่าน ขอเพียงได้ติดตามท่านต่อจากนี้ ในฐานะทาสก็ยังดี!”

เหลียงหวางหรูกล่าวขึ้นทั้งน้ำตาเจือเสียงสะอื้น ทว่าสายตาของนางในขณะนี้กลับเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น