ตอนที่ 1079 ผมควรต้องพยายามมากกว่า

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

ด้วยขอบเขตความไร้ยางอายของตระกูลหัน พวกเขาจะยอมแพ้อย่างง่ายดายหรือ 

 

 

เพราะเรื่องวุ่นวายที่กำลังเกิดขึ้น สื่อมวลชนจึงเฝ้าติดตามสมาชิกตระกูลหันอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นที่บริษัทหรือที่บ้านล้วนมีร่องรอยของนักข่าวทั้งนั้น 

 

 

ดูผิวเผินหันเจี๋ยอาจดูไม่ทุกข์ร้อนและต้อนรับขับสู้นักข่าวอย่างดี ทว่าหลังประตูที่ปิดสนิท เขากลับเฝ้าสาปส่งพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง 

 

 

ยิ่งไปกว่านั้นทุกครั้งที่นักข่าวถามคำถามกับเขา เขามักใช้ความเงียบพร้อมรอยยิ้มเป็นคำตอบ อย่างไม่กังวลว่าซูอวี๋จะงัดหลักฐานออกมาในสามวัน 

 

 

ระหว่างช่วงเวลานี้ คุณพ่อหันโทรมาถามความคืบหน้าอยู่หลายครั้ง เขายังสั่งให้หันเจี๋ยตามหาตัวคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แล้วจัดการปิดปากคนเหล่านั้นซะ โดยเฉพาะคนที่รู้เรื่องที่เขาเป็นชู้กับเลขาตัวเอง พวกเขาจะปล่อยให้ซูอวี๋หาหลักฐานเจอไม่ได้เต็ดขาด 

 

 

“ไม่ต้องห่วงครับพ่อ ผมมีแผนแล้ว ผมจะทำให้ส่งผลเสียกับเรื่องนี้ให้น้อยที่สุด” 

 

 

สุดท้ายหันเจี๋ยก็ไม่ได้กลัวว่าซูอวี๋จะเปิดโปงแต่อย่างใด 

 

 

ต่อให้เธอจะแฉบางอย่างออกมา เขาก็สามารถตอบโต้กลับได้ทันควัน 

 

 

เขาได้ให้เงินลูกพี่ลูกน้องของแม่เลี้ยงของเขา และบอกให้ภรรยาของเขาแกล้งฆ่าตัวตายเพื่อเรียกร้องความสงสาร ถ้าเธอบีบน้ำตามากพอ สุดท้ายทุกคนก็จะเชื่อว่าสามีของเธอไม่มีความผิด 

 

 

ตราบใดที่ซูอวี๋กล้าทำรุนแรง เขาเองก็พร้อมจะเล่นงานเธอกลับ ทั้งที่เธอเป็นแม่ของเขา! 

 

 

… 

 

 

สองวันผ่านไปหลังจากการแถลงข่าวของซูอวี๋ อย่างไรก็ตามหันเจี๋ยไม่ได้มีทีท่าจะออกมาตอบโต้ 

 

 

ไม่ว่าคนจะถามและตามสืบหรือกดดันเขาเพียงไหน เขาก็ทำเพียงโบกมือปฏิเสธจะตอบ หรือไม่ก็ทำเหมือนเขาถูกใส่ความ คล้ายกำลังจะบอกว่าซูอวี๋เป็นแม่ของเขา และเขาคงไม่มีทางทำร้ายเธอ และต่อให้เธอจะทำร้ายเขา เขาก็ยังให้ความเคารพเธออยู่ 

 

 

เห็นได้ชัดว่าหันเจี๋ยเป็นคนฉลาดผิดกับน้องชายใจร้อนของเขา โดยเฉพาะเมื่อเป็นเรื่องที่หากก้าวพลาดไปเพียงนิดก็ทำให้เขาตกลงไปในขุมนรกลึกสุดหยั่งถึงได้ อย่างไรเสีย เขาก็รู้ว่าซูอวี๋ตอกกลับเขาได้ง่ายๆ หากเขาตอบโต้กลับ 

 

 

ด้วยเหตุนี้ซูอวี๋จึงตกอยู่ในที่นั่งลำบาก เธอต่อสายหาถังหนิงเพื่อขอให้ช่วย “ตอนนี้ฉันควรทำยังไงดีล่ะ คนตระกูลหันไม่ยอมรับผิดอะไรเลย แล้วพวกเขาก็ไม่ตอบอะไรเลยด้วย เราควรเดินหน้าต่อแล้วเปิดโปงหลักฐานพรุ่งนี้ไหม” 

 

 

“คุณน้าซูคะ หันเจี๋ยเป็นคนฉลาดและเจ้าเล่ห์มาก เขารู้ว่าการออกมาตอบโต้อาจทำให้เขาโดนตอกกลับได้ เขาเลยเลือกที่จะเงียบไงคะ” 

 

 

“แล้วตอนนี้เราจะทำยังไงกันดีล่ะ” 

 

 

“เปิดโปงหลักฐานไงคะ” 

 

 

“แล้วถ้าพวกเขาปฏิเสธล่ะ” 

 

 

ถังหนิงยิ้มกับคำถามนี้ “นั่นแหละค่ะที่เป็นสิ่งที่เราต้องการ หลักฐานแรกของเราเป็นเรื่องรถที่สั่นผิดปกติของคุณพ่อหัน หันเจี๋ยต้องปฏิเสธและพยายามพิสูจน์ว่าวันนั้นพ่อเขาอยู่ที่อื่นแน่นอนค่ะ แต่อย่าลืมว่าเราได้ตารางงานทั้งหมดในวันนั้นของคุณพ่อหันมาแล้ว ทันทีที่หันเจี๋ยเถียงกลับ เราจะพิสูจน์ว่าเขาโกหกได้ทันทีเลยค่ะ” 

 

 

จุดประสงค์ที่ถังหนิงปล่อยหลักฐานจึงไม่ได้เพื่อพิสูจน์ว่าคุณพ่อหันเป็นชู้กับเลขาเพราะมันไม่มีน้ำหนักมากพอ เธอกลับต้องการท้าทายให้หันเจี๋ยตอบโต้และแฉว่าเขาโกหก 

 

 

ถังหนิงต้องการให้สาธารณชนสูญเสียความเชื่อมั่นในตัวหันเจี๋ยให้หมดสิ้นในการปะทะครั้งแรก 

 

 

แผนขั้นแรกนั้นเป็นเพียงการลองใจ จุดประสงค์ที่แท้จริงเป็นสิ่งที่กำลังจะตามมาต่างหาก 

 

 

“ฉันเข้าใจแล้ว” 

 

 

การค่อยๆ ถลกออกทีละชั้นทำให้พวกเขาควบคุมสถานการณ์ได้ในท้ายที่สุด โดยไม่ปล่อยให้ตระกูลหันตั้งหลักได้ 

 

 

ในเมื่อตระกูลหันหน้าไม่อายขนาดนี้ ถังหนิงต้องคอยระมัดระวังการจู่โจมในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะวิธีที่ร้ายกาจที่สุด 

 

 

นอกจากสิ่งที่เธอสอนซูอวี๋ไป ถังหนิงยังมีสิ่งอื่นให้ต้องครุ่นคิด แน่นอนว่าต้องมีบางช่วงที่สมองของเธอทำงานไม่ได้ดีนัก ในเวลาอย่างนี้โม่ถิงเป็นที่ปรึกษาที่ดีที่สุดของเธอ 

 

 

“ถึงซูอวี๋จะเผยไต๋ไปค่อนข้างเยอะที่งานแถลงข่าว นอกจากตัวละครหลักสามตัวนี้ คนเดียวที่รู้เห็นเหตุการณ์นี้ก็คือหันเจี๋ย น้องชายของเลขา และเพื่อนสมัยเรียนของเธอ 

 

 

“หันเจี๋ยไม่เคยออกตัวว่าเป็นคนรู้เห็นเลย เราเลยเหลือแค่ลูกพี่ลูกน้องกับเพื่อนสมัยเรียน ถ้าเป็นคุณ คุณจะจัดการกับสองคนนี้ยังไงครับ” โม่ถิงถามเธออย่างคอยชี้ทางให้เธอ “ตราบใดที่ผู้ชายสองคนนั้นยังอยู่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะรอดตัวไปจากเรื่องของซูอวี๋หรอก 

 

 

“ถ้าคุณเป็นหันเจี๋ยคุณจะทำยังไงล่ะครับ” 

 

 

เมื่อได้ยินคำถามของโม่ถิง หญิงสาวก็ครุ่นคิดอย่างหนัก “ถ้าคุณมองในมุมของพวกเขาแล้วหลอกตัวเองว่าไม่ได้ทำผิด แต่อยู่ๆ ก็ถูกกล่าวหาว่าทำเรื่องเลวร้ายคุณจะทำยังไงล่ะครับ 

 

 

“แน่นอนผมต้องยืนกรานว่าตัวเองไม่ผิดและขอให้เพื่อนและครอบครัวช่วยยืนยันให้ 

 

 

“นอกจากทำตัวน่าสงสาร ผมก็ไม่คิดว่าพวกเขาจะมีหนทางอื่นหรอกครับ” โม่ถิงตอบเสียงเรียบ “ถ้าพวกเขาร่วมหัวกันคร่ำครวญแล้วทำบางอย่างเพื่อทำร้ายตัวเอง ซูอวี๋คงจะถูกกล่าวหาว่าทำร้ายคนบริสุทธิ์และทำลายครอบครัว” 

 

 

ความจริงแล้วมันเป็นวิธีที่คนร้ายกาจมักงัดมาใช้กัน 

 

 

“ดังนั้นเป็นเรื่องปกติที่หันเจี๋ยจะคิดว่าการไม่ออกมาตอบโต้เป็นทางเลือกที่ถูกต้อง” 

 

 

อย่างไรเสียก็อาจจะมีหลักฐานมากมาย แต่มันก็ไม่ปะติดปะต่อและผ่านไปนานมากแล้ว… 

 

 

“ตอนนี้ฉันถึงได้ฝากความหวังไว้กับหันซิวเช่อไงคะ เพราะจากที่ซูอวี๋บอกว่าเขาไม่รู้ว่าพี่ชายกับพ่อของตัวเองหลอกเขามาตลอด ที่เขาเกลียดผู้หญิงก็เพราะว่าความอับอายที่ซูอวี๋เลี้ยงเขามาเมื่อก่อน แต่ถ้าเขารู้ว่าพ่อกับพี่ชายใส่ร้ายเธอและโกหกเขาเรื่องนี้ 

 

 

“ตามนิสัยของเขาแล้วเขาจะต้องอกแตกตายแน่… 

 

 

“ผู้ชายคนนี้เป็นคนชั่วก็จริง แต่พอเขาได้ตั้งมั่นกับอะไรแล้วเขาจะไม่ปล่อยให้หลุดมือไปไม่ว่ายังไงก็ตาม 

 

 

“ดังนั้นเขาอาจจะเป็นหนึ่งในโอกาสที่ดีที่สุดของเราที่จะพลิกเกมในสถานการณ์แบบนี้ก็ได้ 

 

 

“อย่างนั้นก็แค่ทำไปตามสถานการณ์แล้วกันค่ะ” ถังหนิงเอ่ยกับโม่ถิงขณะที่สบตาเขา ก่อนว่าสำทับเมื่อผ่านไปครู่หนึ่ง “ฉันน่าหมั่นไส้มากขนาดนั้นเลยเหรอคะ” 

 

 

“หือ” 

 

 

“ดูเหมือนฉันจะเข้าไปยุ่งกับเรื่องของคนอื่นอยู่เรื่อยเลย” 

 

 

“ไม่ใช่ว่าคุณชอบเข้าไปยุ่งกับเรื่องของคนอื่นนี่ครับ คุณแค่ไม่มีทางเลือกนอกจากเข้าไปยุ่งด้วยต่างหาก” ไม่เช่นนั้นพี่น้องตระกูลหันคงจะตามระรานเธอต่อไปไม่เลิก 

 

 

“ฉันถึงได้ต้องหัวหมุนกับทั้งสองเรื่องระหว่างจัดการแผนประชาสัมพันธ์ขั้นต่อไปไงคะ” ในเมื่อเธอได้เข้ามายุ่งกับเรื่องนี้แล้ว เธอจะต้องจบมันอย่างสวยงามที่สุด 

 

 

“ตอนนี้ทุกอย่างที่คุณทำอยู่ก็เป็นการประชาสัมพันธ์หนังของอีกแบบหนึ่งนะครับ ภรรยาที่รักของผมตกเป็นประเด็นให้คนพูดถึงตลอดเลยนี่ ยังไงช่วงหลายปีนี้ผมก็ชินกับมันแล้วล่ะ” โม่ถิงหัวเราะ “แต่ถ้าคุณรู้สึกผิดผมก็ไม่ถือถ้าคืนนี้คุณจะพยายามมากกว่านี้สักหน่อยนะครับ…” 

 

 

“คุณพูดถึงเรื่องอะไรกันคะ” ถังหนิงมองคนรักของตัวเอง ดูเหมือนเขาจะหาทางพูดชี้นำไปเรื่องอย่างนั้นอยู่ตลอด 

 

 

“ก็ได้ครับ ผมพูดผิดเอง คืนนี้ผมควรเป็นฝ่ายที่ต้องพยายามมากกว่าครับ”