ตอนที่ 277 เรื่องหวาดเสียว
ตอนที่ 277 เรื่องหวาดเสียว
ซูหวานหว่านรู้สึกเป็นกังวล เสียงของชายคนนั้นก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง “ฮูหยินจ้าว อย่าเพิ่งตกใจไปข้าไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าเจ้า!”
“ถ้าพวกเจ้าไม่อยากฆ่าข้า ทำไมต้องจับข้ามาด้วย!” แม่จ้าวร้องถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่หวาดกลัวอะไรบางอย่าง “เอามือสกปรกของเจ้าออกไปเลยนะ!”
“ฮูหยินจ้าว ใครกันที่ทำให้เจ้าหายดี ใบหน้าของเจ้ากลับมาเรียบเนียนและอ่อนโยนดังเดิม พระสนมอยากรู้มานานแล้วว่าเหตุใดใบหน้าของเจ้าถึงได้ฟื้นฟูได้เร็วขนาดนี้! ตอนนี้ข้าจะยังไม่ฆ่าเจ้า และข้าจะไม่ลอกใบหน้าของเจ้า เพราะว่าข้าต้องการให้เจ้ามาช่วยทดลองแทนพระสนม!” ชายคนนั้นพูดออกมาพร้อมกับหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ไม่ต้องกลัว สิ่งนี้เป็นเพียงส่วนผสมของผิวหนังมนุษย์และพวกสมุนไพรต่าง ๆ หลังจากใช้ไปแล้วมันจะไม่ทำอันตรายต่อใบหน้าของเจ้า”
ใช้แม่จ้าวเป็นหนูทดลอง? ซูหวานหว่านรู้สึกขยะแขยงขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงภาพที่มีผิวหนังของมนุษย์ติดอยู่บนใบหน้าของตนเอง คนพวกนี้จะต้องบ้าไปแล้วจริง ๆ ที่ทำเรื่องแบบนี้ได้!
ปัง!
จู่ ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากข้างหลังพวกเขา ซูหวานหว่านและฉีเฉิงเฟิงมองหน้ากันพร้อมกับแววตาตื่นตระหนกที่ฉายชัดขึ้นในดวงตาของพวกเขา
มีเสียงคำรามออกมาจากข้างในห้องทันที “นั่นใคร!”
พวกเขายังไม่ทันทำอะไร ซูหวานหว่านหันกลับไปมองและไม่คิดถึงว่าจะเป็นนกกระจอกที่นำทางพวกเขามาบินไปโดนตะเกียงน้ำมันจนล้มลง!
ซูหวานหว่านทำอะไรไม่ถูก จึงจับนกกระจอกตัวนั้นกลับเข้าไปในมิติฟาร์ม และก็พบว่าเสียงภายในห้องหายไปแล้ว!
ทั้งสองยืนพิงกำแพงนิ่ง ๆ ไม่ทำสิ่งใด จนกระทั่งเวลาผ่านไปสักพัก ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากในห้อง “นั่นใครกัน! ทำไมเจ้าถึงไม่กล้าออกมาหาข้า”
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
พลันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น หญิงสาวและฉีเฉิงเฟิงต่างมองหน้ากัน ตอนนี้ไม่มีที่ใดให้พวกเขาหลบซ่อนได้เลย
แต่เพื่อความปลอดภัย ซูหวานหว่านจึงต้องจับตัวฉีเฉิงเฟิงเข้าไปในมิติฟาร์ม ส่วนตัวเองก็ไปแอบอยู่ข้าง ๆ กำแพง ทันใดนั้นนางก็พบว่าผนังเริ่มสั่นสะเทือนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่นานชายคนนั้นก็เดินออกมา!
ซูหวานหว่านถอยหลังออกไปพยายามซ่อนตัวเอาไว้ โดยปล่อยยุงออกมาเพื่อสังเกตดูสถานการณ์ข้างนอกว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นบ้าง
ชายคนนั้นเดินออกมากวาดสายตามองสำรวจรอบ ๆ ก็เห็นสาวใช้คนหนึ่งกำลังเดินเข้ามา เมื่อมองดูจากจากเสื้อผ้าแล้ว ก็รู้ว่านางเป็นสาวใช้คนสนิทของสือซีเอ๋อร์
“ฟางหลางจง พระสนมฝากมาบอกว่าโปรดให้ทำของใหม่ออกมาให้ได้โดยเร็วที่สุด! เพราะองค์ฮ่องเต้กำลังจะเสด็จที่ตำหนักฉางเล่อในคืนนี้ อย่าทำผิดพลาดล่ะ หากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาคงจะเป็นเรื่องใหญ่” สาวใช้ก็กล่าวออกมา
“ตกลง” ชายที่ถูกเรียกว่าฟางหลางจงพยักหน้าตอบรับ “ข้าจะทำให้ดีที่สุด หลังจากทดลองใช้กับแม่จ้าวแล้ว พระสนมจะต้องมีผิวพรรณที่อ่อนเยาว์อย่างแน่นอน”
“อืม” สาวใช้ก็ตอบรับคำ แล้วนั่งลงเฝ้าอยู่หน้าประตู
ชายที่ถูกเรียกว่าฟางหลางจงเดินกลับเข้าไปข้างในอีกครั้ง
ยุงก็บินกลับเข้ามารายงานสถานการณ์ทั้งหมดให้กับซูหวานหว่านฟัง และหลังจากที่หญิงสาวขอบคุณมันเรียบร้อย และจับมันกลับเข้าไปในมิติฟาร์มทันที นางก้าวออกมาอย่างช้า ๆ หญิงสาวทำให้สาวใช้คนนั้นสงบลงและจับนางโยนเข้าไปในมิติฟาร์มทันที
ซูหวานหว่านถอดจิตเข้าไปในมิติฟาร์ม นางถอดเสื้อผ้านอกของสาวใช้คนนั้นออกแล้วสวมมันทันที หญิงสาวแต่งตัวเป็นสาวใช้ ส่วนฉีเฉิงเฟิงเองก็การถามเรื่องนี้กับสาวใช้ และทำให้ซูหวานหว่านนั้นรู้ว่าสาวใช้คนนี้ชื่อว่าชูอวิ๋น คนอื่น ๆ มักเรียกนางว่า ‘อวิ๋นโมโม่’
เมื่อทราบถึงตัวตนและประวัติของนาง ซูหวานหว่านกลับออกมา นางอดไม่ได้ที่จะเคาะประตูและเอ่ยว่า “ฟางหลางจงเจ้าเสร็จหรือยัง! พระสนมกำลังรอให้ข้านำบางอย่างกลับไปนะ!”
“มาแล้ว มาแล้ว!” ฟางหลางจงเปิดประตูออกมาอีกครั้ง ซูหวานหว่านรีบก้าวเข้าไปด้านในทันที เมื่อเห็นแม่จ้าวนอนอยู่ตรงหน้า นางก็แกล้งทำเป็นรังเกียจและทำให้เหมือนว่าไม่มีสิ่งใดติดค้างอยู่ภายในใจ จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกและพูดว่า “ฮูหยินจ้าวตายแล้วเหรอ? เจ้าจะใช้คนตายเพื่อทดสอบมันงั้นเหรอ?!”
“เมื่อครู่ ฮูหยินจ้าวนางพูดเสียงดังจนเกินไปข้าก็แค่ทำให้นางสลบไปเท่านั้น นางยัง…” ฟางหลางจงกล่าวออกมาและเดินเข้าไป สายตาของเขาจดจ้องไปที่ซูหวานหว่าน
“อวิ๋นโมโม่บอกข้ามาสิว่าจะให้ข้าทดลองอย่างไร ถ้าไม่ทำกับนางอย่างนี้” ฟางหลางจงกล่าวออกมา แล้วก็พุ่งเข้าไปจับตัวซูหวานหว่านไว้
ซูหวานหว่านตกใจและหลบไปด้านข้างหลบหลีกการจู่โจมของฟางหลางจง และเอ่ยถามออกมาด้วยความโกรธว่า “เจ้าทำแบบนี้ทำไม!”
“ชูอวิ๋น ข้าหลงรักเจ้าตั้งแต่เข้ามาในตำหนักฉางเล่อแล้ว และข้าทูลกับพระสนมแล้ว นางยกเจ้าให้กับข้า! ไม่อย่างงั้นวันนี้จะให้เจ้ารีบมาหาข้าทำไม?”
หลังจากฟางหลางจงพูดจบ เขาก็วิ่งเข้าหาซูหวานหว่านอีกครั้งด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ซูหวานหว่านหลบหนีเขาอีกครั้ง และทั้งสองก็วิ่งไปวิ่งมา
ซูหวานหว่านตกตะลึง นางทำให้ชูอวิ๋นสลบไปแล้วตัวเองก็มาสวมรอยรอยเป็นอีกฝ่าย แต่ก็ไม่ได้คาดคิดว่าชูอวิ๋นนั้นจะถูกพระสนมส่งตัวมาให้กับฟางหลางจงแบบนี้!
เจ้าคนสกปรกมันต้องการแตะเนื้อต้องตัวนาง!
ซูหวานหว่านครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และหยิบเข็มเตรียมเอาไว้ในมือของตัวเอง นางหยุดเดิน มองไปทางฟางหลางจงด้วยท่าทางที่ค่อนข้างไม่พอใจแล้วพูดว่า “ฟางหลางจง เจ้าชอบข้าจริง ๆ ใช่ไหม?”
“แน่นอนสิ!” จากนั้นเขาก็เอ่ยเยาะเย้ยออกมาว่า “ถ้าเจ้าอยู่กับข้า แล้วทูลเรื่องนี้กับพระสนม แน่นอนว่าเจ้าจะได้รับเงินเป็นจำนวนมาก และได้ออกจากวังไปอย่างแน่นอน! เจ้าจะมีเงินทองใช้จ่ายได้อย่างฟุ่มเฟือยเลย เจ้าสนใจหรือไม่?”
เขาทำเรื่องอย่างนั้นเพื่อพระสนม สือซีเอ๋อร์มีหรือที่จะปล่อยให้พวกเขาออกไปง่าย ๆ แบบนั้นได้อย่างไรกัน ซูหวานหว่านกระตุกยิ้มออกมาแสร้งทำเป็นเหมือนว่าฟางหลางจงนั้นพูดถูก หญิงสาวกัดฟันปลดเสื้อของตนเอง และพูดออกมาอย่างเขินอาย “ถ้าอย่างนั้น…ทาสคนนี้ก็จะ…”
ฟางหลางจงจ้องไปที่มือของซูหวานหว่าน หญิงสาวก้าวเท้าเข้าไปหาเขาอย่างเชื่องช้าและหลับตาลง ก่อนจะพูดอย่างเขินอาย “ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว ปลดมันออกเองสิ…”
เมื่อเผชิญหน้ากับซูหวานหว่านที่เป็นฝ่ายเริ่มต้น ฟางหลางจงก็ดีใจมาก “ชูอวิ๋นในที่สุดเจ้าก็ตาสว่าง!”
หลังจากพูดออกมาแบบนั้น ฟางหลางจงก็วิ่งเข้าไปหานางทันที ตอนที่เขาอ้าแขนวิ่งเข้ามา ฝ่ามือของเขาก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาแบบกะทันหัน แล้วหมดสติไปในทันที
ซูหวานหว่านดึงเข็มออกมา แล้วเก็บใส่กลับเข้าไปในมิติฟาร์มดังเดิม
ซูหวานหว่านมองเข้าไปในห้องนั้นและพบว่าไม่มีใคร นางนำเอาตัวของฉีเฉิงเฟิงออกมาจากมิติฟาร์มทันที แม่จ้าวยังคงไม่ฟื้น ซูหวานหว่านจึงใส่ยานอนหลับให้แม่จ้าวกินหลังจากนั้นก็นำนางเข้าไปพักในบ้านไม้ไผ่ในมิติฟาร์ม
พอเข้าไปในมิติฟาร์ม ซูหวานหว่านก็เห็นสือฉินเอ๋อร์และชูอวิ๋นกำลังกอดกัน และพวกนางก็ยังไม่สามารถขยับตัวได้ ซูหวานหว่านก็อดรู้สึกตลกไม่ได้ ดูเหมือนว่านางจะนึกอะไรดี ๆ ออก ในเมื่อตอนนี้พวกนางสองคนก็เข้ามาในมิติฟาร์มแล้ว นางไม่สามารถปล่อยพวกนางออกไปได้เช่นกันจึงพูดออกมาว่า “ถ้าพวกเจ้าทั้งสองคนต้องการมีชีวิตอยู่ต่อไปล่ะก็ พวกเจ้าต้องคอยเก็บฮวาเจียวให้กับข้า!”
ฮวาเจียวชื่อเพราะจัง ถ้าหากคนที่ไม่รู้จักก็คิดว่ามันคือดอกไม้ ทั้งสองคนตอบตกลงแต่เมื่อซูหวานหว่าน พาพวกนางทั้งสองคนเดินไปถึงต้นฮวาเจียว พวกนางทั้งสองคนก็ตกใจ แต่ถึงพวกนางไม่อยากทำ แต่ก็ต้องทำ
ซูหวานหว่านสั่งให้สัตว์ที่อยู่ในนี้คอยดูทั้งสองคนเอาไว้ และนางก็ออกมาจากมิติฟาร์มไปอย่างวางใจ
“ตอนนี้พวกเราควรจะกลับไปได้แล้วหรือยัง?” ซูหวานหว่านถามออกมา
“ไม่ต้องรีบ” ฉีเฉิงเฟิงตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ข้าได้ยินสือฉินเอ๋อร์บอกว่านางสนมนั้นฝึกฝนพลัง ไม่แน่อาจจะมีความลับที่ซ่อนอยู่ไม่อยากให้ใครรู้ก็ได้ พวกเราควรจะค้นหากันก่อน”
ซูหวานหว่านคิดว่าเช่นนี้ก็มีเหตุผลดี ก็เลยช่วยกันค้นหาตามที่ฉีเฉิงเฟิงแนะนำ แต่ก็ค้นพบไปเจอสิ่งแปลก ๆ มากมาย และยังมีเครื่องมือทรมาน แต่ของอย่างอื่นนั้นไม่พบ
ทั้งสองคนกำลังจะเดินออกไปอย่างผิดหวัง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนจำนวนกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามา “พวกเจ้ามัวทำอะไรกันอยู่! ยังหาตัวองค์ชายสามไม่พบ! ยาของฟางหลางก็ยังไม่เอามาให้ข้าอีก!”
ทันทีที่เสียงนั้นพูดจบ ซูหวานหว่านก็เห็นเงาหลายคนปรากฏขึ้นที่ขั้นบันได เงาเหล่านั้นเริ่มใกล้มาขึ้นเรื่อย ๆ
ซูหวานหว่านและฉีเฉิงเฟิงก็ตื่นตระหนกทันที สือซีเอ๋อร์กำลังจะเดินลงมา!
พวกเขาควรทำอย่างไรดี!