ตอนที่ 278 ตัวตนจริง ๆ ของเขา
ตอนที่ 278 ตัวตนจริง ๆ ของเขา
ซูหวานหว่านและฉีเฉิงเฟิงต่างมองหน้ากัน ทั้งสองคนก็เดินกลับเข้ามาในห้องและปิดประตูลงด้วยหัวใจที่เต้นแรง
“ฟางหลางจง! ของที่ข้าสั่งให้ไปทำพร้อมแล้วหรือยัง! เหตุใดจะต้องให้ข้ามาเตือนถึงที่!” นางเดินเข้าและพบว่าประตูถูกปิดอยู่ ในขณะนั้นซูหวานหว่านก็ยกมือของตนเองขึ้น และจูบลงไปที่หลังมือของตัวทำให้เกิดเสียง ‘ม้วบ ม้วบ’ ขึ้นอย่างแผ่วเบา
“…”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ใบหน้าของนางก็ขึ้นสีแดงระเรื่อ ปล่อยมือออกจากกลอนประตูทันที และพูดออกมาว่า “ช่างไร้ประโยชน์จริง ๆ! นานขนาดนี้แล้วยังไม่เสร็จอีกหรืออย่างไรกับแค่ผู้หญิงคนเดียว!”
สาวใช้เหมือนจะรู้อะไรบางอย่างจึงพูดออกมาว่า “พระสนมเพคะ ท่านต้องการนั่งรอหรือไม่?”
“อืม” สือซีเอ๋อร์ตอบรับ คนใช้จึงรีบเปิดห้องว่างให้สือซีเอ๋อร์เข้าไปนั่งรอ
ซูหวานหว่านที่อยู่ในห้องได้ยินเสียงการสั่นสะเทือนของประตูห้องด้านข้าง จึงไม่ได้หยุดการกระทำที่ทำอยู่ และทั้งสองคนกำลังคิดว่าจะหาทางออกจากที่นี่อย่างไรดี
ฉีเฉิงเฟิงมองไปที่ซูหวานหว่านพร้อมกับจับมือของนางเอาไว้ ชายหนุ่มกดริมฝีปากจูบไปที่มือของหญิงสาวทันที “เจ้าเหนื่อยไหม? เรื่องนี้ให้ข้าเป็นคนทำก็ได้!”
หลังจากพูดออกมาแบบนั้น ฉีเฉิงเฟิงก็เลียนแบบการกระทำของซูหวานหว่านพร้อมกับส่งเสียงหอบกระหายออกมา
เหตุใดเขาถึงฉวยโอกาสกับนางแบบนี้! ซูหวานหว่านเผยใบหน้าแดงก่ำ และจ้องไปที่ฉีเฉิงเฟิง “พอแล้ว แล้วคิดว่าพวกเราจะออกไปจากที่นี่อย่างไรดีกว่า”
ซูหวานหว่านดึงมือจากฉีเฉิงเฟิง และมองไปที่มือของตัวเองทันที ก่อนจะพบว่ามือของตัวเองขึ้นเป็นสีแดงจ้ำ ๆ นางจ้องไปที่ฉีเฉิงเฟิงทันที ก่อนจะส่องผ่านช่องว่างออกไปข้างนอกทันที พลันเห็นสาวใช้สองคนที่ยืนรออยู่ข้างนอกประตู ซูหวานหว่านก็ไอออกมา สั่งให้ฉีเฉิงเฟิงซ่อนตัวอยู่หลังประตู หลังจากนั้นซูหวานหว่านก็เลียนแบบเสียงของฟางหลางจง และกล่าวออกมาว่า “พวกเจ้ารีบเข้ามาเร็ว ๆ ข้าได้เตรียมของให้พระสนมแล้ว”
“เจ้าค่ะ” สองสาวใช้ที่ยืนหน้าแดงอยู่ที่นอกประตูตอบรับ เมื่อเข้าไปในห้องก็เอาแต่ก้มหน้ามองฝ่าเท้าของตัวเอง ไม่กล้าที่จะสอดส่องไปมองรอบ ๆ แต่ใครจะไปคิดว่าซูหวานหว่านจะโผล่ออกมาฟาดไปที่หลังของพวกนางจนสลบลง
หลังจากที่ตรวจสอบดูให้แน่ใจแล้วว่าคนใช้ทั้งสองคนสลบไปแล้ว ซูหวานหว่านและฉีเฉิงเฟิงก็เดินออกจากในห้องออกมาทีละคน เมื่อพวกเขาออกมาจากในห้องก็ไม่พบเห็นผู้ใด เห็นเพียงแสงไฟสว่างส่งออกมาห้องข้าง ๆ หญิงสาวแอบย่องมองมองลอดช่องว่างหน้าประตู ก็เห็นหญิงชราผมขาวนั่งอยู่หน้ากระจก และกำลังทาอะไรบางอย่างอยู่ที่ใบหน้าของตัวเอง
พร้อมกับมีสาวใช้ยืนเฝ้าอยู่ข้าง ๆ ด้วยสายตาอันน่ากลัวเล็กน้อย และหนึ่งในสาวใช้ก็พูดออกมาแบบประจบสอพลอว่า “วันนี้พระสนมช่างงดงามจริง ๆ! ฮองเฮามีอายุมากกว่าท่านถึงห้าปี แต่ตอนนี้ใบหน้านางเหี่ยวย่นไปหมด ฮองเฮาเทียบกับท่านไม่ได้ด้วยซ้ำ! นางทั้งแก่และไม่มีอะไรเลย แต่ยังได้อยู่ในตำแหน่งฮองเฮาอีก นางช่างไร้ยางอายจริงๆ!”
“ใช่แล้ว! ฮ่องเต้ไม่ได้ไปที่ตำหนักของฮองเฮานานแล้วด้วย! นางน่าจะรู้ตัวอยู่แก่ใจ!” สาวใช้อีกคนพูดสมทบออกมา
“ฮึ่ม! พวกเจ้าจะไปรู้อะไร? ข้าเป็นคนสวยมากอยู่แล้ว นางเทียบกับข้าไม่ได้หรอก! นอกจากนี้ฮ่องเต้นั้นตกหลุมรักข้าตั้งแต่แรกเห็น รักจนโง่หัวไม่ขึ้น” เสียงของหญิงชราดังขึ้นพร้อมกับสวมสร้อยข้อมือลูกปัดสีทอง และขอให้สาวใช้ที่อยู่ข้าง ๆ ติดปิ่นปักผมให้ตนเอง แล้วยิ้มให้กระจกสีที่อยู่ข้างหน้า
เมื่อนางได้ยินเสียงหญิงชราคนนี้ ซูหวานหว่านก็ตกใจในทันที มันคือเสียงของสือซีเอ๋อร์!
และการที่สาวใช้สองคนนี้พูดประสบสอพลอออกมาแบบนี้ นางคือสือซีเอ๋อร์อย่างไม่ต้องสงสัย!
เมื่อเห็นสภาพของสือซีเอ๋อร์
นี่แหละน่าจะเป็นตัวตนจริง ๆ ของนางที่ไม่ใช่ภาพลวงตาผู้คน ไม่คิดเลยว่านางจะแก่ขนาดนี้!
ซูหวานหว่านอดไม่ได้ที่จะจินตนาการว่าฮ่องเต้นั้นนอนกับสือซีเอ๋อร์ได้อย่างไร ฮ่องเต้คงจะคิดว่าตนได้นอนกับสาวงาม แต่คงคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะนอนกอดกับผู้หญิงที่น่าเกลียดและสกปรกแบบนี้ อีกทั้งยังแก่ราวกับคนอายุหกสิบปีหรือเจ็ดสิบปีอีก ถ้ารู้เขารู้เขาก็คงจะขยะแขยงไปจนตาย!
เมื่อคิดได้แบบนี้ ซูหวานหว่านก็รู้สึกเกลียดสือซีเอ๋อร์มากขึ้น โดยคิดว่าที่นี่มีคนอยู่ไม่มาก นางจะควรที่จะออกไปสั่งสอนบทเรียนกับสือซีเอ๋อร์ แต่นางก็ถูกฉีเฉิงเฟิงห้ามนางเอาไว้ก่อน เขากระซิบว่า “เจ้ายังจำที่ชูอวิ๋นพูดได้ไหม?”
“อะไร?” ซูหวานหว่านก็ได้ถามออกมาพร้อมขมวดคิ้ว คิดว่าฉีเฉิงเฟิงจะปกป้องสือซีเอ๋อร์ เพราะสือซีเอ๋อร์คือแม่ของเขา!
“ชูอวิ๋นบอกว่าวันนี้ฮ่องเต้จะมาหานาง ทำไมพวกเราถึงไม่ลงมือกันในตอนนั้น?” ฉีเฉิงเฟิงก็กล่าวออกมาเบา ๆ ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ และแฝงไปด้วยความชั่วร้าย
ฉีเฉิงเฟิงไม่ได้จะปกป้องสือซีเอ๋อร์! ซูหวานหว่านถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกแล้วตอบตกลงทันที
หากว่าฮ่องเต้ได้เห็นร่างที่แท้จริงของสือซีเอ๋อร์ ท่านจะต้องเสียใจมากอย่างแน่นอน! นางจะต้องโดนลงโทษประหารนางเจ็ดชั่วโคตรแน่! หลังจากนั้นตระกูลสือหรือจวนอัครเสนาบดีก็จะโดนหางเลขไปด้วย แล้วมันก็จะช่วยนางจัดการปัญหาของบ้านตระกูลสือ!
ยิ่งซูหวานหว่านคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ นางก็รู้สึกตื่นเต้น แต่เมื่อนางคิดถึงเรื่องที่ฉีเฉิงเฟิงต้องการจัดการกับแม่ของตัวเอง นางรู้สึกสับสนและไม่เข้าใจ ชายหนุ่มดึงตัวนางออกมาจากหน้าประตูแล้วพาเดินไปที่ห้องข้าง ๆ พร้อมกับปิดประตูลง เขาจุดตะเกียงขึ้นและกระซิบบอกเหตุผล ซูหวานหว่านจึงได้รู้ว่าสือซีเอ๋อร์ไม่ใช่แม่แท้ ๆ ของเขา!
“เรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อนมาก ข้าจะเล่ารายละเอียดให้เจ้าฟัง” เมื่อเห็นว่าซูหวานหว่านตั้งหน้าตั้งตารอ ฉีเฉิงเฟิงก็ลูบผมนุ่มของนางแล้วเล่าออกมา
เมื่อตอนที่เขาอายุได้ห้าขวบ สือซีเอ๋อร์ได้ให้กำเนิดบุตรชายขึ้น แต่ว่าบุตรชายของนางมีโรคผิดปกติเกี่ยวกับสมอง สือซีเอ๋อร์จึงโกรธมากและอ้างว่าปัญหาทั้งหมดมาจากฉีเฉิงเฟิง จากนั้นก็จับเขาเฆี่ยนตี ชายหนุ่มยังคงพยายามทำให้สือซีเอ๋อร์พอใจในหลาย ๆ เรื่อง แต่เขากลับไม่ได้รับความรัก และเป็นที่โปรดปรานใดของสือซีเอ๋อร์เลย
ฉีเฉิงเฟิงรู้สึกผิดมาก ตอนที่เขาอายุได้เพียงเจ็ดขวบ เขาต้องการเตรียมวันเกิดให้กับสือซีเอ๋อร์ และเขาได้บังเอิญได้ยินความจริงเข้า แท้จริงแล้วเขาเป็นลูกของฮองเฮา! ในวันนั้นวันที่ฮองเฮาคลอดลูก สือซีเอ๋อร์เองมีอายุครรภ์เพียงแค่เจ็ดเดือนเท่านั้น และนางก็บังเอิญคลอดก่อนกำหนดทำให้เด็กที่คลอดออกมาตาย สือซีเอ๋อร์จึงสั่งให้คนใช้นำเด็กไปสลับตัวกัน ฮองเฮาที่คิดว่าลูกชายของตนตาย จึงไปพาตนเองไปบำเพ็ญเพียรอยู่ที่วัดเป็นเวลาสามปี และในช่วงเวลานั้นสือซีเอ๋อร์ก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นนางสนมเอกของฮ่องเต้
เมื่อนางกลับมา เรื่องทุกอย่างก็ได้กลายเป็นแบบนี้แล้ว ช่วงเวลานั้นองค์ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานสือซีเอ๋อร์เป็นอย่างมาก และนางก็เป็นฮองเฮาแค่ในนามเท่านั้น แต่คนที่มีอำนาจมากที่สุดนั้นคือสือซีเอ๋อร์
สือซีเอ๋อร์นับวันยิ่งชั่วร้ายมากขึ้น ฉีเฉิงเฟิงก็ยังคงดิ้นรนต่อไปเพื่อเอาชีวิตรอด พอโตขึ้นเขาก็ได้ย้ายเข้ามาอยู่ในตำหนักองค์ชายในฐานะองค์ชายสาม
“หลังจากนั้น ข้าก็ไม่ได้ติดต่ออะไรกับนางมากนัก และนางห้ามไม่ให้ข้าเข้าไปในวังหลวง หากมีงานเลี้ยงก็ได้เข้าไปเป็นครั้งคราว ข้ากับนางเป็นเหมือนคนแปลกหน้าต่อกัน เป็นแม้กระทั่ง… ศัตรู” ฉีเฉิงเฟิงกล่าวออกมา สีหน้าของเขาเผยให้เห็นถึงความโดดเดี่ยว
“อย่าเศร้าไปเลย วันนี้จะได้แก้แค้นแล้ว!” ซูหวานหว่านพูดออกมา พร้อมกับจับฝ่ามือใหญ่ของฉีเฉิงเฟิงเอาไว้ในอ้อมแขน ในตอนที่กำลังจะพูดต่อก็ได้ยินเสียงขึ้นมาจากข้างนอก
ปัง! ปัง! ปัง!
“เร็วเข้า! รีบเอาของออกมาให้ซะที! พระสนมต้องการที่ใช้มัน!”
“รู้แล้ว” ซูหวานหว่านพูดออกมาด้วยน้ำเสียงของฟางหลางจง และหยิบกล่องสิ่งของในห้องส่งออกไป
สาวใช้ก็เหลือบไปมองที่ซูหวานหว่านด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ งั้นข้าจะไม่รบกวนเวลาของเจ้าแล้ว พระนางสนมฝากบอกว่า ให้เจ้าคอยอยู่รับใช้ฟางหลางจง!
“ดูแลเขาให้ดี แล้วเจ้าจะได้เงินใช้จำนวนมาก”
“ฝากไปบอกพระสนมด้วยว่าขอบพระทัยนางมาก “ซูหวานหว่านพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม คิดว่าคงไม่เป็นไร แต่จู่ ๆ ก็มีไฟสว่างขึ้นและประตูด้านข้างก็เปิดออก
สือซีเอ๋อร์ก็เดินเข้ามาพร้อมกับจ้องมองไปที่ซูหวานหว่าน และอุทานออกมาแบบตกใจว่า “ซูหวานหว่าน?”
อะไรนะ! สือซีเอ๋อร์นั้นจำนางได้? ความตื่นตระหนกพลันเกิดขึ้นภายในใจของหญิงสาว!