ตอนที่ 279 ร่างจริง
ตอนที่ 279 ร่างจริง
ซูหวานหว่านครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนางก็คิดว่าการแต่งหน้าของตนอาจจะดูเร่งรีบไปเล็กน้อย ทำให้แต่งออกมาแล้วดูไม่คล้ายกับชูอวิ๋นมากนัก แต่…ตอนนี้นางไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว!
นางจะต้องไม่ให้สือซีเอ๋อร์จำนางได้!
ซูหวานหว่านกระทืบเท้าและกัดฟันพูดว่า “พระสนม อย่าได้เอ่ยชื่อซูหวานหว่านออกมา สตรีคนนั้นช่างน่ารังเกียจ! นางล่อลวงองค์ชายสาม! มันทำให้ท่านเองโกรธมาก! ครั้งต่อไปท่านควรลอกใบหน้าของนางมาทำเครื่องประทินโฉมเสีย!”
เมื่อได้ยินวาจาเหล่านี้ สือซีเอ๋อร์ก็ขจัดความสงสัยในใจของนางออกไป หากเป็นซูหวานหว่านจริง ๆ นางคงจะไม่กล้าเอ่ยปากสาปแช่งตนเอง
แต่ใครจะไปรู้ว่าซูหวานหว่านนั้นแสดงละครได้เก่งมาก!
“ฮึ่ม!” สือซีเอ๋อร์พ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชาและเอ่ยว่า “ส่วนแม่จ้าว ข้าจะเก็บนางไว้อีกสองสามวัน และจะไปพาตัวลูกสาวนางมาจัดการต่อหน้าต่อตาแม่จ้าวเสีย! จากนั้นปล่อยให้นางทุกข์ทรมานจนตรอมใจตาย! ข้าจะทำให้พวกนางรู้ว่าไม่ควรมาเล่นกับข้า!”
หญิงชราคนนี้ช่างร้ายกาจจริง ๆ! ซูหวานหว่านพลันรู้สึกเย็นชาขึ้นมาทันที และนางก็ตอบกลับไปว่า “บุคคลใดที่มันกล้าทำให้พระสนมโกรธ! บุคคลนั้นสมควรที่จะได้รับบทเรียน!”
และสาวใช้คนอื่น ๆ ก็พูดเสริมออกมาทันทีว่า “พูดได้ดีมาก! ถูกต้องที่สุด!”
“…”
เมื่อพวกคนใช้กำลังจะเดินออกไป แต่สือซีเอ๋อร์ก็กล่าวออกมาทันทีว่า “ฟางหลางจงอยู่ที่ไหน? เหตุใดถึงไม่ออกมาหาข้า?”
ข้างใน…ไม่มีฟางหลางจง แต่เป็นฉีเฉิงเฟิงต่างหาก!
ซูหวานหว่านจับตัวฟางหลางจงไปไว้มิติฟาร์มแล้ว! และหากนางเดาไม่ผิด ฟางหลางจงก็คงจะถูกสัตว์ที่อยู่ข้างในพาไปเก็บฮวาเจียวแล้ว!
นางควรทำอย่างไรดี? ซูหวานหว่านคิดไม่ตก สือซีเอ๋อร์เดินเข้ามาใกล้ประตูมากขึ้น หญิงสาวแสร้งทำเป็นเขินอายและเอ่ยกับสือซีเอ๋อร์ว่า “พระสนมไม่ต้องเข้าไปหรอกเพคะ เขาเหนื่อยเกินไป และยังไม่ได้แต่งตัว…”
เมื่อคิดถึงเรื่องนั้น สือซีเอ๋อร์ก็ถอยเท้าออกไป และเดินจากไปพร้อมกับกลุ่มคนใช้ทันที
ซูหวานหว่านรีบปิดประตูลงอย่างรวดเร็ว และเมื่อนางส่องเข้าไปดูที่มิติฟาร์มก็เห็นว่าฟางหลางจงนั้นเดินตามคนอื่น ๆ ไปเก็บฮวาเจียวจนเหน็ดเหนื่อย พวกเขากำลังจะหยุดพักแต่ฝูงนกก็ยังคงบินวนเวียนอยู่เหนือศีรษะของเขา และปล่อยของเหลวสีขาวใส่หัวพวกเขาทันที
นั่นไม่ใช่ขี้นกเหรอ? อีกทั้งนกเหล่านั้นยังจิกหนอนมาแล้วโยนใส่หัวของเขาอีกด้วย!
มีนกบางตัวบินเข้าไปจิกศีรษะพวกเขาเล่น
ฟางหลางจงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจะขยันทำงานเก็บฮวาเจียวต่อไป
ซูหวานหว่านก้าวเข้าไปบริเวณแม่จ้าวนอนอยู่ หญิงสาวหยิบขนมออกมาสองสามชิ้นวางลงบนถาด และวางเอาไว้ภายในห้อง สร้างเกาะกำแพงกั้นบ้านไม้ไผ่เอาไว้ ก่อนจะถอดจิตกลับเข้าสู่โลกความเป็นจริง
หลังจากตรวจสอบดูว่าไม่ผู้ใดอยู่แล้ว ซูหวานหว่านก็มองไปยังสาวใช้สองคนที่นอนสลบไสลอยู่ หากแต่นางก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ จึงป้อนยานอนหลับให้ทั้งสองเข้าไปอีก ก่อนที่จะเดินออกมาข้างนอกพร้อมกับฉีเฉิงเฟิง
เมื่อทั้งสองเดินมาถึงทางออก ก่อนที่พวกเขาจะขึ้นบันได ซูหวานหว่านก็เงยหน้าขึ้น ทันใดนั้นก็เห็นมีใครบางคนอยู่ข้างบน!
ซูหวานหว่านดึงฉีเฉิงเฟิงลงมาทันทีและกล่าวว่า “ดูเหมือนว่ายายแม่มดแก่สือซีเอ๋อร์จะสั่งให้คนจับตาเฝ้าที่นี่เอาไว้ ดูเหมือนว่าพวกเราจะออกไปจากที่นี่ได้เฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้น”
“อืม” ฉีเฉิงเฟิงตอบรับ ทั้งสองกลับเข้าไปนั่งอยู่ในห้องเป็นเวลานาน ซูหวานหว่านรู้สึกเริ่มรู้สึกเบื่อเพราะไม่มีอะไรทำขึ้นมา ดังนั้นนางจึงพาฉีเฉิงเฟิงเข้าไปในมิติฟาร์มเพื่อช่วยนางเก็บฮวาเจียว เพื่อเตรียมทำเครื่องปรุงรสรสเผ็ด
หญิงสาวเดินไปสำรวจดูว่าต้นกระเทียมที่ปลูกเอาไว้เติบโตไปแค่ไหนแล้ว ฉีเฉิงเฟิงที่ไม่รู้จะทำสิ่งใด จึงตัดสินใจช่วยซูหวานหว่านเก็บฮวาเจียว
พวกเขาทั้งสองคนใช้เวลาอยู่ในมิติฟาร์มราว ๆ สามชั่วยาม แต่เวลาข้างนอกผ่านไปแค่หนึ่งชั่วยามเท่านั้น แต่เพราะว่ามันเป็นฤดูหนาวทำให้ท้องฟ้ามืดเร็วกว่าปกติ ซูหวานหว่านจึงตัดสินใจพาฉีเฉิงเฟิงออกมา
หลังจากออกมาจากมิติฟาร์ม ทั้งสองคนก็มุ่งหน้าออกจากห้องทันที เมื่อพวกเขาออกมาถึงบริเวณข้างนอก ซูหวานหว่านก็เปลี่ยนชุดปลอมตัวเป็นสาวใช้ของฉีเฉิงเฟิงอีกครั้ง ทั้งสองกระโดดข้ามกำแพง และเข้าไปในประตูหลักที่มีสาวใช้ยืนเฝ้าอยู่ไม่มาก แต่ยังมีองครักษ์ยืนกันอยู่จำนวนหนึ่งด้านหน้าตำหนัก เช่นนี้แล้วเหมือนกลับว่าฮ่องเต้จะเสด็จมายังตำหนักฉางเล่อแล้ว
ฉีเฉิงเฟิงก้าวเท้าผ่านประตูเข้าไป แต่ก็ถูกสาวใช้เข้ามาขวางเอาไว้แล้วพูดว่า “องค์ชายสาม วันนี้พระสนมมีธุระที่ต้องทำ องค์ชายได้โปรดกลับไปก่อนเถอะเพคะ พรุ่งนี้ท่านค่อยมาใหม่”
เขาจะกลับเข้ามาในวันพรุ่งนี้ได้อย่างไร? ฉีเฉิงเฟิงเหลือบมองสาวใช้แล้วพูดออกมาด้วยเสียงเย็นชา “เจ้าเป็นใคร? กล้าดียังไงถึงมาขัดขวางไม่ให้ข้าเข้าเฝ้าท่านแม่!”
หัวหน้าองครักษ์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ส่งเสียงหัวเราะออกมา เมื่อเห็นฉีเฉิงเฟิงก็ถวายคำนับพร้อมกับกล่าวออกมาว่า “องค์ชายสาม! ฮ่องเต้และพระสนมกำลังเสวยอาหารอยู่ด้านใน! ท่านควรฟังสิ่งที่สาวใช้ผู้นี้บอก แล้วค่อยมาเข้าเฝ้าพระสนมใหม่ในวันพรุ่งนี้”
ดูเหมือนทั้งสองฝ่ายจะไม่ต้องการให้ฉีเฉิงเฟิงผ่านเข้าไป ชายหนุ่มจึงแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจในสิ่งที่พวกเขาพูด “หื้อ? เสด็จพ่อก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ พอดีเลย! ข้าอยากเจอเสด็จพ่อกับท่านแม่อยู่พอดี ช่างบังเอิญเสียจริง ๆ”
หลังจากกล่าวจบ ฉีเฉิงเฟิงก็ก้าวเท้าเข้าไปข้างใน โดยมีซูหวานหว่านเดินตามหลังไม่ห่าง สาวใช้พยายามห้ามทั้งสองคนเอาไว้ แต่ถูกสายตาขององครักษ์ห้ามเอาไว้เสียก่อน และเขาก็กระซิบว่า “หุบปาก! องค์ชายสามเข้าไปแล้ว! เจ้าจะไปขวางทำไม!”
ดูเหมือนสาวใช้จะเข้าใจในสิ่งที่องครักษ์พูด จึงหัวเราะออกมาทันทีว่า “ข้าน้อยช่างโง่เขลามากนัก ข้าผิดไปแล้ว”
“ดีแล้วที่เข้าใจ” องครักษ์คนนั้นจ้องไปที่สาวใช้ จากนั้นก็ออกตัววิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปดูเหตุการณ์ข้างในทันที
ในเวลานี้ฉีเฉิงเฟิงได้เข้าไปในห้องโถงแล้ว และเห็นฮ่องเต้ฉีเฉิงและสือซีเอ๋อร์ กำลังเสวยอาหารอยู่ในห้องโถง ทั้งสองคนต่างแสดงความรักใคร่กันต่อกัน
เมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้ก็เห็นฉีเฉิงกำลังคีบอาหารให้กับสือซีเอ๋อร์ และเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม “ซีเอ๋อร์ เมื่อวานข้าไม่ได้หามาเจ้าเลย เพียงวันเดียวทำเจ้าถึงผอมมากขนาดนี้! เจ้าต้องกินให้เยอะกว่านี้นะ!”
“ฝ่าบาท ถ้าข้าไม่ผอม พระองค์ก็จะไม่ชอบน่ะสิ~” น้ำเสียงของสือซีเอ๋อร์เต็มไปด้วยความอ่อนโยนอ่อนหวานมาก ฮ่องเต้จัดการคีบเนื้อให้กับสือซีเอ๋อร์อีกครั้ง เมื่อเห็นเขาจ้องมองแบบนี้ นางจะไม่กินก็ไม่ได้
ความรู้สึกนี้…นางอดไม่ได้ที่จะอาเจียนออกมา!
มันเป็นเรื่องยากที่จะรับไหว!
ซูหวานหว่านรู้สึกสะอิดสะเอียนมากอยู่ภายในใจ หญิงสาวพยายามควบคุมสติของตัวเอง พลันสือซีเอ๋อร์เหลือบมาเห็นพวกเขา นางก็จึงเปล่งเสียงขึ้นมา “เอ๊ะ? ลูกชายมาเข้าเฝ้า อีกทั้งยังพาคุณหนูใหญ่ตระกูลจ้าวมาด้วย เหตุใดจะต้องแต่งตัวเป็นสาวใช้แล้วเข้ามากับเจ้าด้วยล่ะ?”
คิดไม่ถึงเลยว่าสือซีเอ๋อร์จะจำนางได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้!
ซูหวานหว่านตกตะลึงไปครู่หนึ่ง หากแต่นางก็ไม่ได้ปริปากเอ่ยคำใด นางยังคงยืนอยู่ข้าง ๆ ฉีเฉิงเฟิง และถวายคำนับพร้อมกับกล่าวทักทายทั้งสองคน
แน่นอนว่านางถูกสือซีเอ๋อร์เอ่ยขัดจังหวะ ฉีเฉิงเฟิงเองก็ไม่รู้จะกล่าวคำใดออกมา ดังนั้นเขาจึงต้องจับมือซูหวานหว่านเอาไว้ และพูดออกมาว่า “นี่คือคุณหนูใหญ่ตระกูลจ้าว ลูกมาเข้าเฝ้าในวันนี้ เพราะต้องการมาบอกว่าพวกเราทั้งสองคนรักกัน จึงพานางมาเข้าเฝ้าฮ่องเต้และพระสนม”
“ราชวงศ์ของเราแตกต่างจากคนทั่วไป เจ้าคิดไตร่ตรองให้ดี” สือซีเอ๋อร์มองไปที่ซูหวานหว่านอย่างไม่พอใจ หญิงชรากำแขนเสื้อของฉีเฉิงแน่น “ฝ่าบาท! ข้าคิดว่าหญิงคนนี้ไม่เหมาะที่จะแต่งเข้าราชวงศ์!”
เมื่อพูดจบสือซีเอ๋อร์เล่าให้กับฉีเฉิงฟังว่า เมื่อสองสามวันก่อนซูหวานหว่านทำอะไรกับนางบ้าง แน่นอนว่านางหลีกเลี่ยงไม่พูดถึงการกระทำไม่ดีของตน ดังนั้นในตอนท้ายสือซีเอ๋อร์ก็พูดออกมาเหมือนกับว่าซูหวานหว่านได้ทำกิริยาหยาบคาย อวดดี และเย่อหยิ่ง คำพูดที่กล่าวออกมาล้วนกล่าวหาว่าซูหวานหว่านไม่คู่ควรกับฉีเฉิงเฟิง!
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉีเฉิงก็มองไปที่ซูหวานหว่านด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดาได้ ก่อนพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ทั้งซูหวานหว่านและสือซีเอ๋อร์ตกใจ!
ซูหวานหว่านคิดไม่ถึงเลยว่าฉีเฉิงจะเป็นคนแบบนี้!