ตอนที่ 280 แผนจัดการ
ตอนที่ 280 แผนจัดการ
“เจ้าคือคุณหนูใหญ่ตระกูลจ้าวอย่างงั้นเหรอ?” ฉีเฉิงมองซูหวานหว่านด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย
“เพคะ” ซูหวานหว่านตอบกลับด้วยท่าทีปกติ ไร้ความอ่อนน้อม หากแต่ไม่ได้ถือดีแต่อย่างใด และนางรู้สึกแปลกใจที่ฉีเฉิงไม่ได้ปฏิบัติตามคำพูดของสือซีเอ๋อร์ แต่มีความรู้สึกคล้ายกับว่าฉีเฉิงกำลังจะปกป้องนางมากกว่า
ฉีเฉิงหลับตาลง ทำให้มองไม่เห็นแววตาของเขา
ส่วนสือซีเอ๋อร์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็ยอมแพ้ หญิงชราผลักแขนของฉีเฉิงเฉิงเบา ๆ อีกครั้งพร้อมกับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาที่บาดลึกไปถึงกระดูกตนเอง “ฝ่าบาท ท่านมองนาง! นางชอบองค์ชายสามก็มากพอแล้ว แต่ข้ารู้ว่านางกำลัง…แอบส่งสายตาให้แก่ท่าน!”
พูดออกมาเช่นนี้นางกำลังหึงหวงอยู่หรอกหรือ ฮ่องเต้ก็รีบจับมือของสือซีเอ๋อร์เอาไว้ทันที แต่ยังที่ไม่ได้พูดอะไรออกมา สือซีเอ๋อร์ก็เอ่ยออกมาว่า “ฝ่าบาท ฝ่าบาทจะต้องไม่ปล่อยให้นางเข้ามาอยู่ในราชวงศ์ของเรานะเพคะ! ข้ามองดูแล้ว นางจะต้องเข้ามาอย่างไม่เป็นมิตร และแน่นอนว่านางจะต้องมีเจตนาที่ไม่ดีแอบแฝง ต่อไปนางอาจจะมาสร้างความวุ่ยวายแก่ราชวงศ์ของเราก็ได้นะเพคะ ฝ่าบาทจะต้องรีบกำจัดนางออกไปตั้งแต่ตอนนี้!”
ฉีเฉิงหลับตาลงอีกครั้ง ไม่นานก็ลืมตาขึ้นและเหลือบมองไปที่ซูหวานหว่าน พร้อมพูดออกมาอย่างแผ่วเบา “คุณหนูจ้าว เจ้ารู้จักคำพูดที่ว่าพ่อแม่คลุมฝูงชนหรือไม่?”
เมื่อได้ยินแบบนี้ คิ้วของซูหวานหว่านก็เลิกขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ถ้าตามความหมายก็เหมือนกับว่าฉีเฉิงกำลังสื่อเป็นนัย ๆ ว่าในเมื่อพ่อแม่ไม่ชอบนาง นางก็ควรที่จะปล่อยฉีเฉิงเฟิงไป!
มุมปากของซูหวานหว่านกระตุกขึ้นเล็กน้อย และพูดออกมาด้วยรอยยิ้มเบา ๆ ว่า “ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ แต่ข้าฟังโชคชะตาของข้ามากกว่า เรื่องการแต่งงานของข้ามันอยู่ในมือของข้าเองที่จะตัดสินใจแต่งงานกับใคร”
“…”
ซูหวานหว่านเป็นคนประเภทพูดดี ๆ แล้วไม่ชอบทำตาม สือซีเอ๋อร์ขมวดคิ้วเข้าหากันพร้อมกับส่งเสียงไอและเหลือบมองไปที่ฉีเฉิงเฟิง “ฝ่าบาท หม่อมฉันได้ยินมาว่าลูกชายและสาวใช้จะเข้ามาในวันนี้ หม่อมฉันก็พอจะเดาได้ว่าเขาจะพาคุณหนูจ้าวมาด้วย แต่ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาสองคนหายไปที่ไหน วันนี้พวกเราได้ออกตามหาพวกเขาอยู่นานสองนานแต่ก็ไม่พบ แต่ว่าสิ่งที่หม่อมฉันแปลกใจมากก็คือ สร้อยไข่มุกดำหนานไห่ที่ฝ่าบาททรงให้หม่อมฉันหายไป! หม่อมฉันรู้สึกเศร้าใจมาก”
คงจะไม่พูดถึงเรื่องจับเราทั้งสองแยกจากกันแล้ว นางจะพาดพิงซูหวานหว่าน และกล่าวหาว่าหญิงสาวเป็นขโมย เพื่อที่จะได้กำจัดนางออกไปซะ! เมื่อใส่ร้ายนางสำเร็จ แน่นอนว่าฮ่องเต้คงจะไม่ยอมให้นางมีความยุ่งเกี่ยวกับฉีเฉิงเฟิงอย่างแน่นอน! แต่มีหรือที่นางจะกลัวสือซีเอ๋อร์ ซูหวานหว่านยิ้มออกมาเล็กน้อย และมองไปที่สือซีเอ๋อร์อย่างคาดหวัง “พระสนมท่านกำลังหมายความว่าอย่างไร?”
“ซูหวานหว่าน เจ้าอย่าเพิ่งคิดมาก!” สือซีเอ๋อร์เอ่ยขึ้นพลาง ยกผ้าเช็ดหน้าปิดหน้าตัวเองเอาไว้ครึ่งหนึ่ง และซ่อนตัวอยู่ในอ้อมแขนของฉีเฉิงและทำท่าทางราวกับกลัวนักกลัวหนา “ฝ่าบาท ถือเสียว่าเมื่อครู่ข้าไม่ได้พูดอะไรออกมาก็แล้วกัน! จริง ๆ แล้วคุณหนูจ้าว เป็น…คนดุร้าย”
ใครกันแน่ที่เป็นคนดุร้าย หน้าด้าน! ซูหวานหว่านอยากที่จะหยิบน้ำแกงร้อน ๆ บนโต๊ะมาราดลงไปที่ศีรษะของสือซีเอ๋อร์ให้ทั่ว!
ซูหวานหว่านพยายามข่มอารมณ์ และเก็บความคิดของตัวเองเอาไว้ภายในใจ หญิงสาวกำลังจะพูดบางสิ่ง แต่สาวใช้คนสนิทของสือซีเอ๋อร์ที่อยู่ข้าง ๆ ก็เอ่ยขึ้นตัดหน้านางทันทีว่า “ฝ่าบาท เรื่องที่พระสนมกล่าวออกมาทรงถูกต้องแล้วเพคะ! วันนี้…วันนี้ข้าเห็นคุณหนูใหญ่จ้าว แอบวิ่งย่องไปที่ตำหนักพระสนม แล้วหายเข้าไปภายในห้อง! ไม่เพียงแต่สร้อยไข่มุกหนานไห่เท่านั้นที่หายไป แต่พระพุทธหัตถ์หยกที่รัฐจ้าวมอบให้ก็หายไป แล้วก็…”
สาวใช้พูดถึงสิ่งของต่าง ๆ มากมาย จากนั้นก็เหลือบไปมองซูหวานหว่านด้วยความเฉยเมย และพูดออกมาอย่างใจเย็นว่า “ใครจะไปรู้ว่าเรื่องนี้มันจะเกี่ยวข้องอะไรกับคุณหนูจ้าว ข้าน้อยคนนี้เป็นเพียงข้าทาสไม่กล้าขอค้นตัวของนาง เพราะกลัวว่าองค์ชายสามจะตำหนิข้าน้อย”
เมื่อมาพูดออกมาแบบนี้ ฉีเฉิงเฟิงก็เข้าใจในความหมายของพวกเขาทันที ทั้งสองลอบมองหน้ากัน และฉีเฉิงเฟิงก็รู้ว่าซูหวานหว่านมีแผนการอยู่ในใจ เขาเองก็รอคอยดูความตื่นเต้นสำหรับเรื่องนี้…ด้วยความคาดหวัง!
ซูหวานหว่านเองก็รอคอยเรื่องนี้เช่นกัน
คนใช้นั้นจะค้นเจออะไรบนตัวของนางกัน เพราะซูหวานหว่านรู้ตัวอยู่แล้ว นางได้นำเครื่องประดับ ของมีค่าเหล่านั้นใส่เข้าไปไว้ในมิติฟาร์มเรียบร้อยแล้ว
ใครจะไปค้นเจอ! หากสาวใช้เหล่าน้้นอยากใส่สิ่งใดไว้บนตัวนาง นางก็เต็มใจที่จะเก็บมันไว้ แล้วโยนมันลงไปในมิติฟาร์มอย่างมีความสุขมาก!
เมื่อรู้ถึงแผนของซูหวานหว่าน ฉีเฉิงเฟิงก็หลับตาลงราวกับว่าตัวเขากำลังไม่พอใจอย่างมาก และพูดออกมาว่า “พวกเจ้าลองค้นตัวนางดูสิ! ข้าเองก็อยากที่จะดูเหมือนกันว่านางเป็นคนแบบนั้นหรือเปล่า! หากนางเป็นคนเช่นนั้นละก็ ข้าคนนี้จะไม่มีวันยกโทษให้กับนางที่เป็นคนโลภมาก! และข้าก็จะไม่แต่งงานกับนางเด็ดขาด!”
“ลูกชายของข้าช่างใจกว้างเสียจริง ๆ” ในขณะที่พูด สือซีเอ๋อร์ก็แกล้งทำเป็นจะร้องไห้ ทำตัวราวกับเป็นหญิงอ่อนแอ แต่ซูหวานหว่านกลับรู้สึกสะอิดสะเอียนอยู่ภายในใจ
ด้วยเหตุผลอะไรไม่รู้ นับตั้งแต่ที่นางรู้เบื้องหลังของสือซีเอ๋อร์ ซูหวานหว่านก็รู้สึกถึงเงามืดในใจ และนางก็มักจะรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับนาง เป็นเหมือนแม่มดที่น่าสะพรึง
“พวกเจ้าลองค้นตัวนางดูสิ” ฉีเฉิงเฟิงก็ออกคำสั่งออกมา สาวใช้ที่ยืนอยู่รีบก้าวขึ้นมาด้านหน้าและเริ่มลงมือค้นตัวซูหวานหว่าน ทั้งสองแอบเอาเงิน และของมีค่าจำนวนหนึ่งใส่เข้าไปในถุงผ้าของซูหวานหว่าน โดยระวังไม่ให้ถูกผู้ใดเห็น
“พวกเจ้าคิดจะทำอะไร!” ซูหวานหว่านร้องลั่น
สาวใช้ทั้งสองลอบมองหน้ากันไปมา พวกนางไม่สามารถปิดบังรอยยิ้มในดวงตาของตนเองได้ และเมื่อคิดว่าแผนการของพวกนางสำเร็วแล้วจึงตอบรับ และเอ่ยว่า “เจ้าคะ ข้าน้อยมือเย็นมาก คุณหนูจ้าวได้โปรดอย่าถือสาพวกเราสองคนเลยเจ้าค่ะ ไม่แน่ว่าข้าน้อยอาจจะค้นตัวท่านแล้วเจอสร้อยไข่มุกก็เป็นไปได้!”
จากนั้นสาวใช้อีกคนหนึ่ง ก็ชี้ไปที่ซูหวานหว่านแล้วพูดออกมาว่า “ไม่เพียงแค่นั้น เจ้าอาจจะเป็นคนขโมยหยกไปอีกด้วย กำไลหยกของพระสนม!”
“โอ้?” ซูหวานหว่านมองสาวใช้คนนั้นด้วยแววตาแสร้งทำเป็นว่าสงสัย และปล่อยให้พวกนางค้นตัว นางจ้องมองการกระทำของสาวใช้ทั้งสองคนและกล่าวว่า “ไม่มีอะไรเลย!”
“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร! เจ้าลองขยับตัวดูซิ!” สาวใช้คนหนึ่งพูดออกมา
“โอ้” ซูหวานหว่านตอบรับและหมุนตัวไปมาสองสามรอบ แต่ก็ไม่มีอะไรหล่นลงมาจากตัวของนางเลย ใบหน้าของสาวใช้ทั้งสองพลันซีดลงทันที!
เห็นได้ชัดว่าพวกนางได้ยัดสิ่งของเข้าไปในตัวของซูหวานหว่านเองกับมือ! นอกจากนี้ยังมีสร้อยไข่มุกหนานไห่สีดำอีกด้วย! ถ้าซูหวานหว่านขยับตัวแน่นอนว่ามันจะต้องหล่นลงมาจากตัวของซูหวานหว่านอย่างแน่นอน!
พวกนางคงไม่รู้ว่า ซูหวานหว่านได้เอาของทั้งหมดได้ใส่ลงไปในมิติฟาร์มหมดแล้ว!
การได้ของมีค่ามาอย่างง่ายได้แบบนี้ซูหวานหว่านรู้สึกชอบมันมาก และหญิงสาวกางแขนออกให้สาวใช้ค้นร่างกายต่อไป สาวใช้ไม่เชื่อว่าจะไม่มีมีสิ่งใดอยู่ในร่างกายของนาง พวกนางลงมือค้นหาอีกครั้ง แต่ไม่ว่าจะค้นอย่างไรก็ค้นไม่เจอ
สาวใช้ทั้งสองพยายามค้นหาอยู่สองสามรอบ กระทั่งฉีเฉิงเฟิงเริ่มมีอาการไม่ชอบใจขึ้นมา!
“พอได้แล้ว!” ฉีเฉิงเฟิงพูดออกมาอย่างไม่พอใจ แล้วจ้องมองไปที่สาวใช้ทั้งสองคน “พวกเจ้าคงจะคิดว่าพระสนมเป็นคนมีคุณธรรม มีจิตใจอ่อนโยนดุจสายน้ำ และบริสุทธิ์ดั่งผ้าขาวแบบนี้ พวกเจ้าเลยคิดจะหลอกนางอย่างงั้นเหรอ บอกกับนางว่าของหาย! พยายามยั่วยุให้พระสนมและคุณหนูจ้าวแตกคอกันอย่างนั้นใช่หรือไม่!”
สองสาวใช้ต่างมองหน้ากันและรีบคุกเข่าลงทันที ความรู้สึกแปลก ๆ เกิดขึ้นภายในใจทั้งสองแน่ใจว่าพวกสิ่งของยังคงอยู่กับตัวของซูหวานหว่าน พวกนางจึงเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย “ฝ่าบาท ข้าน้อยคนนี้เห็นว่าคุณหนูจ้าวเอาไปจริง ๆ นะเพคะ! แต่ว่าตอนนี้…”
“หุบปาก! ใครก็ได้มาลากตัวสาวใช้สองคนนี้ไปตัดหัวโทษฐานพูดจาหลอกลวงยั่วยุให้คนอื่นแตกคอกัน จากนั้นนำไปประจานต่อหน้าสาธารณชน!” องค์จักรพรรดิเอ่ยออกมา ไม่นานก็มีเหล่าองครักษ์จำนวนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นและลากพวกนางสองคนออกไปทันที สือซีเอ๋อร์นั่งมองดูเหตุการณ์นี้อย่างเงียบ ๆ โดยไม่กล้าเอ่ยถามสิ่งใดออกมา
ซูหวานหว่านรู้ว่านี่เป็นแผนการของสือซีเอ๋อร์ที่ต้องการกำจัดนาง นางจึงรู้สึกขบขันอยู่ภายในใจ เมื่อคิดถึงอาการบาดเจ็บของแม่จ้าว นางจึงรีบกล่าวออกมาว่า “ฝ่าบาท วันนี้ข้าน้อยได้รบกวนเวลาของพวกท่านทั้งสองพระองค์มาพอสมควร ดังนั้นข้าน้อยขอทูลลา”
ถึงแม้ว่าสือซีเอ๋อร์จะไม่เต็มใจก็ตาม แต่ตอนนี้มันก็เป็นก็เป็นเวลามืดค่ำแล้ว ดังนั้นนางควรปรนนิบัติรับใช้ฮ๋องเต้ และไม่ต้องการให้คนอื่นมารบกวนในยามนี้ นางจึงไม่ได่เอ่ยห้าม และฉีเฉิงเฟิงก็ไม่ได้ว่าอะไรเช่นกัน หลังจากนั้นซูหวานหว่านและฉีเฉิงเฟิงก็เดินออกไปในทันที
ทันทีที่ซูหวานหว่านเดินออกไป สือซีเอ๋อร์ก็ขยิบตาให้สาวใช้ที่อยู่ข้าง ๆ และสาวใช้ก็รู้ทันทีว่าสือซีเอ๋อร์หมายถึงอะไร!
สือซีเอ๋อร์ต้องการให้พวกนางเอามีดไปปาดคอซูหวานหว่าน!